นอกจากซุปงู อาหารท้องถิ่นฮ่องกงอีกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ หนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า บะหมี่รถเข็น (cart noodle) ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นอาหารริมถนน และยกระดับมาเป็นร้านในปัจจุบัน
ทีมงาน 2baht มีโอกาสไปชิมหนึ่งในบะหมี่รถเข็นที่อร่อยมากเจ้าหนึ่งของฮ่องกง ความอร่อยของร้านถึงขั้นนำพาร้านไปติดอยู่ในมิชลินไกด์ประจำปีนี้ของเกาะฮ่องกงด้วย ร้านนั้นคือ Chin Sik ที่ย่าน Tsuen Wan ครับ
รู้จักกับบะหมี่รถเข็น อาหารเอกลักษณ์ของฮ่องกง
เวลาคนไทยพูดถึงอาหารจีน หนึ่งในประเภทของอาหารซึ่งน่าจะคุ้นเคยกันดี คืออาหารประเภทเส้น และ “บะหมี่” คือหนึ่งในเส้นเหล่านั้นที่เราคุ้นเคยกันดี
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละภูมิภาคของประเทศจีน อาหารประเภทเส้นมีความแตกต่างกันไป อย่างในฮ่องกง ที่ตัวเส้นมีขนาดเล็กมาก (ลองอ่านรีวิวร้าน Mak’s Noodle ประกอบ) ในขณะที่ ภูมิภาคแต้จิ๋ว เส้นมีขนาดใหญ่กว่าบะหมี่แบบที่เราคุ้นเคย
ส่วนบะหมี่รถเข็นของฮ่องกง มีความเป็นเอกลักษณ์ตรงที่ว่าจะเลือกเส้นแบบใดก็ได้ อยากเลือกเส้นขนาดใหญ่ที่เราคนไทยคุ้นเคย, เลือกเส้นบะหมี่ฮกเกี้ยนที่ตัวเส้นใหญ่กว่าบะหมี่แต้จิ๋ว หรืออยากได้เส้นเล็กๆ แบบฮ่องกง ก็ได้ทั้งหมด
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ (ซึ่งถือว่าแปลก เพราะเส้นท้องถิ่นฮ่องกงมักจะเล็ก) เนื่องจากบะหมี่รถเข็นถือเป็นผลโดยตรงจากการอพยพของชาวจีนแผ่นดินใหญ่เข้าฮ่องกงในช่วงปี 1950 โดยคนจีนอพยพเหล่านี้แหละ ที่ไปขายบะหมี่รถเข็นไปทั่วเกาะฮ่องกง
บะหมี่รถเข็นเหล่านี้ขายกันในราคาถูก จึงมักได้ฉายาว่าเป็นบะหมี่ที่สกปรก เพราะมักจะไม่ค่อยสะอาด ภายหลังเมื่อทางการเข้มงวดกับเรื่องความสะอาด บะหมี่รถเข็นเหล่านี้จึงผันตัวไปเป็นร้านแทนรถเข็น และรถเข็นแบบเดิมก็หายไปหมด
แม้บะหมี่รถเข็นเหล่านี้จะแปลงสภาพกลายเป็นร้าน มีที่ตั้งและมีการควบคุมความสะอาดที่ชัดเจน แต่เรื่องรสชาติและวิธีการสั่ง รวมถึงเครื่องต่างๆ ก็ยังไม่ต่างไปจากเดิม นั่นก็คือเลือกเส้น เลือกเครื่องที่ต้องการ แล้วก็เลือกซอสใส่ลงไป จ่ายเงิน แล้วก็รับไปนั่งทานที่โต๊ะเอง
Chin Sik บะหมี่รถเข็นฮ่องกงที่โด่งดังระดับมิชลินไกด์ยังยอมรับ
Chin Sik (ชื่อท้องถิ่นแปลว่า Colorful Noodles หรือบะหมี่หลากสี) เป็นร้านที่แต่เดิมเคยเป็นบะหมี่รถเข็นข้างถนนมาตั้งแต่ปี 1980 ที่ย่าน San Po Kong ก่อนที่จะมาเปิดในตำแหน่งปัจจุบันที่ย่าน Tsuen Wan ในปี 1993
ร้านบะหมี่ Chin Sik เป็นร้านบะหมี่ที่มีชื่อเสียงอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อติดอันดับหนึ่งในร้านแนะนำของหมวดอาหารริมถนนของมิชลิน Chin Sik กลายเป็นร้านที่มีชื่อเสียง และมีคนต่อคิวแน่นเนืองๆ อยู่ทุกวัน
- ที่อยู่ 49 Shiu Wo Street, Tsuen Wan
- หมายเลขโทรศัพท์ 2492 2831
- เวลาทำการ ทุกวันตั้งแต่ 11:00 น. – 22:00 น.
- การเดินทาง สามารถเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MTR สายสีแดง (Tsuen Wan) โดยสารไปลงสุดสายที่สถานี Tsuen Wan ใช้ทางออก B2 แล้วเดินข้ามสะพานลอยผ่านหน้า HSBC Tsuen Wan แล้วข้าม Chung On Street เลี้ยวซ้ายเข้า Shiu Wo Street ไปเพียงนิดเดียว (ตัวร้านจะใช้สีขาวกับสีแดง ส่วนร้านข้างๆ ที่แต่งเป็นสีดำ เป็นอีกเจ้าหนึ่งที่ขายบะหมี่รถเข็นเช่นกัน แต่อร่อยสู้เจ้านี้ไม่ได้)
สำหรับบรรยากาศของร้าน ต้องถือว่าค่อนข้างเล็ก ดังนั้นในช่วงเวลาเร่งด่วนและรีบๆ ย่อมต้องมีการแบ่งโต๊ะกับคนอื่นอย่างแน่นอน แต่ต้องถือว่าตัวร้านตกแต่งได้สว่าง ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดเลย (แม้ตอนนั่งทานอาจจะต้องเบียดเสียดกันก็ตาม)
รีวิวบะหมี่รถเข็นของจริง
เมื่อเดินเข้าไป สิ่งแรกที่ต้องตระหนักคือที่ Chin Sik เองจะต้องสั่งบะหมี่และชำระเงินก่อน ซึ่งตัวเลือกของร้านนี้มีเยอะมาก แต่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในความอร่อยก็เช่น ไส้หมู เนื้อตุ๋น เห็น และปลาหมึกกรอบ เป็นต้น
สำหรับคนไทยที่ไม่ถนัดภาษาจีนท้องถิ่น เจ้าของร้านพอจะพูดภาษาอังกฤษได้อยู่บ้าง แต่ส่วนมากเราก็ใช้นิ้วชี้ๆ ในการสั่งได้ เจ้าของร้านเป็นคนอารมณ์ดีมาก พยายามพูดและช่วยคนกินอย่างเต็มที่
เมื่อเลือกเสร็จแล้ว พนักงานจะตักน้ำซุปจากเครื่องที่เราเลือก ผสมกับน้ำซุปของทางร้านเพื่อความเข้มข้น และจะถามลูกค้าว่าต้องการใส่ซอสพริก (เผ็ด) ซึ่งเป็นสูตรของทานร้านด้วยหรือไม่ หลังจากนั้นก็จ่ายเงิน แล้วยกไปทานที่โต๊ะ
รีวิวนี้เลือกเส้นบะหมี่ดั้งเดิมของฮ่องกงที่เป็นเส้นขนาดเล็ก พร้อมกับเครื่องเพิ่มอีก 4 อย่าง คือเลือดหมู ปลาหมึกกรอบ เห็ดหอม และลูกชิ้นเนื้อ (ขนาดใหญ่มาก) โดยรวมให้รสชาติออกมาที่ลงตัว กลมกล่อม แฝงความเผ็ด หวาน และเค็ม จากตัวซอสไว้ (เรียกว่าคิดถูกที่ใส่มา) มื้อนี้สั่งมาพร้อมกับน้ำเต้าหู้เย็น (ทั้งหมดราคา 52 HKD)
เมื่อแยกแต่ละองค์ประกอบ ต้องบอกว่าเลือดหมูนุ่มมากกว่าที่คิด (ติดออกไปทางเลือดเป็ด) ปลาหมึกที่เด้งกรอบอร่อยมาก เห็ดหอมที่นุ่มมากแทบจะละลายในปาก และลูกชิ้นที่ใหญ่และกินแล้วอร่อย มีรถเค็มปะแล่ม ชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำอย่างดี ถือว่าทำผลงานออกมาได้น่าประทับใจอย่างยิ่ง
จุดที่อาจต้องติงเล็กน้อย คือเรื่องของราคาที่ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับร้านทั่วไป (52 HKD ไม่ถือว่าถูก แต่อาจเพราะผู้เขียนเลือกเครื่องที่มีราคาสูงด้วย) สภาพร้านที่อาจแคบไปสักนิด รวมถึงวันเปิดที่ไม่ค่อยแน่นอน (ไปวันแรกปิด แต่วันที่สองเปิด)
ส่วนเรื่องตัวอาหาร แม้จะอร่อยมากและถือเป็นการเปิดหูเปิดตาผู้เขียน แต่ต้องยอมรับว่าหากไม่ใส่ซอสของทางร้านมา บะหมี่อาจจะจืดเกือบสนิทได้ ดังนั้นซอสจึงมีผลกำกับตัวรสบะหมี่มาก ซึ่งคนที่ไม่ชอบเผ็ดอาจจะไม่ชอบก็ได้ (แต่ส่วนตัว แม้จะไม่ชอบเผ็ดมากนัก ก็ถือว่าอยู่ในระดับ “ยอมรับได้”)
คำแนะนำก็คงไม่ต่างจากร้านอาหารดังๆ ของฮ่องกง นั่นก็คือควรไปในเวลาที่คนอื่นไม่ไปกัน หรือต้องไปแต่เช้า เพราะขนาดผู้เขียนไปรอก่อนร้านเปิดเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาไม่นานนักร้านก็เต็มแล้ว ดังนั้นควรไปตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วจะไม่พลาดความอร่อยครับ
ปิดท้ายด้วยคลิปจากหนังสือพิมพ์ South China Morning Post ที่ไปสัมภาษณ์เจ้าของร้านมาครับ
[iframe id=”https://www.youtube.com/embed/8j_2jW7nwts”]