นักเดินทางควรระวัง กฎใหม่ IATA กำหนดให้กระเป๋าถือขึ้นเครื่องบินมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม

อัพเดต: โดนค้านเยอะ IATA ยอมถอย ทบทวนนโยบายขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่อง และหากไม่ทราบว่าควรซื้อกระเป๋าเดินทางแบบไหนดี? ขอแนะนำบทความ วิธีการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางแบบถือขึ้นเครื่อง (Carry-on bag)

สมาคมการขนส่งทางอากาศนานาชาติ หรือ International Air Transport Association (IATA) ออกข้อกำหนดฉบับใหม่เกี่ยวกับขนาดของกระเป๋าสัมภาระที่ผู้โดยสารจะถือขึ้นเครื่อง (carry-on bags) ให้มีขนาดเล็กลงจากเดิม

ขนาดของกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องตามข้อกำหนดฉบับใหม่คือ 21.5 x 13.5 x 7.5 นิ้ว (หรือ 55 x 35 x 20 ซม.) ซึ่งเล็กลงจากเดิม 21% เมื่อคิดเทียบกับขนาดกระเป๋าที่สายการบินในสหรัฐอเมริกาคือ American Airlines, Delta, United และสายการบินฝั่งอังกฤษอย่าง Easyjet, Ryanair, Virgin Atlantic อนุญาตในปัจจุบัน

ภาพประกอบจาก Washington Post
ภาพประกอบจาก Washington Post

กฎข้อนี้ออกแบบมาโดยคำนึงว่าผู้โดยสารทุกคนบนเครื่องจะมีพื้นที่เก็บกระเป๋าเสมอ เพราะสายการบินเริ่มประสบปัญหาว่าที่เก็บกระเป๋าเหนือศีรษะเต็ม เนื่องจากกระเป๋าของผู้โดยสารมีขนาดใหญ่เกินไป และส่งผลให้ผู้โดยสารบางคนที่มาทีหลังต้องโหลดกระเป๋าใต้เครื่อง

ตัวแทนของ IATA ระบุว่าพยายามแก้ปัญหาความไม่แน่นอนของผู้โดยสารคนที่มาขึ้นเครื่องท้ายๆ ว่าสุดท้ายแล้วจะมีที่ว่างสำหรับวางกระเป๋าของตัวเองในห้องโดยสารหรือไม่

ตอนนี้มีสายการบิน 8 รายที่ประกาศว่าจะนำกฎฉบับใหม่นี้มาใช้งาน ได้แก่ Air China, Avianca, Azul, Cathay Pacific, China Southern, Emirates, Lufthansa, Qatar และจะมีสายการบินอื่นๆ เข้าร่วมเพิ่มด้วย

อย่างไรก็ตาม กฎข้อนี้ของ IATA ไม่บังคับว่าสายการบินต้องปฏิบัติตาม และสายการบินสามารถเลือกใช้ขนาดกระเป๋าตามต้องการ

ขนาดกระเป๋า Carry-on ของสายการบิน United ในปัจจุบัน
ขนาดกระเป๋า Carry-on ของสายการบิน United ในปัจจุบัน

สำหรับขนาดกระเป๋า Carry-on ถือขึ้นเครื่องที่การบินไทยอนุญาตคือ 56x45x25 ซม. หรือ 22 x 18 x 10 นิ้ว โดยมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าข้อกำหนดของ IATA (ข้อมูลจากเว็บการบินไทย) นักเดินทางควรระวังในเรื่องขนาดกระเป๋าของสายการบินที่ปรับมาใช้ตามกฎของ IATA ด้วย โดยตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ของสายการบินก่อนเดินทาง

ข้อมูลจาก Washington Post, BBC, ภาพประกอบจาก Washington Post

ติดตามข่าวสาร-ข้อมูลการท่องเที่ยวที่ facebook “2baht.com” ได้อีกหนึ่งช่องทางครับ