คู่มือนำเที่ยว Las Vegas ด้วยตัวเอง สำหรับผู้เริ่มต้น

ลาสเวกัส (Las Vegas) เมืองแห่งแสงสีในรัฐเนวาด้าของสหรัฐ เป็นเมืองที่คนไทยรู้จักกันดี แม้ว่าอาจไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากนักของสหรัฐอเมริกา แต่ลาสเวกัสก็เป็นเมืองศูนย์กลางด้านความบันเทิงและการประชุมสัมมนา เนื่องจากมีโรงแรมจำนวนมากเป็นหลักหลายหมื่นห้องพร้อมให้บริการ

บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเบื้องต้น สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และการเดินทางภายในเมืองลาสเวกัส สำหรับผู้ที่จะไปลาสเวกัสเป็นครั้งแรก โดยเน้นไปที่การเดินทางด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปกับทัวร์

ภาพจากเว็บไซต์ Rock ‘n’ Roll Las Vegas Marathon

รู้จักเมือง Las Vegas

เมื่อพูดถึงเมืองลาสเวกัส หลายคนคงจินตนาการฉากที่เคยเห็นในภาพยนตร์ต่างๆ ว่า เวกัสเป็นเมือง “คนบาป” ที่เต็มไปด้วยแสงสีและคาสิโน (อารมณ์ว่าทั้งเมืองมีคาสิโนอยู่ทั่วไปหมด) แต่นั่นผิดไปจากความเป็นจริงมาก เพราะเวกัสในแบบฉบับที่เราเห็นจากสื่อต่างๆ เป็นแค่พื้นที่ถนนเส้นเดียวในเมืองเท่านั้น

ตัวเมืองลาสเวกัสจริงๆ เป็นเมืองปกติธรรมดาทั่วไป มีบ้านเรือนที่ผู้คนอยู่กันอย่างเงียบๆ ปกติสุข ชนิดว่าถ้าจับปิดตาไปปล่อยไว้ในโซนบ้านเรือนปกติ ไม่มีทางรู้ว่านี่คือลาสเวกัส

ส่วนโซนโรงแรมและคาสิโนชื่อดังระดับโลกทั้งหลาย ตั้งอยู่บนถนนยาวๆ หนึ่งเส้นชื่อว่า South Las Vegas Boulevard หรือที่คนในเมืองเรียกกันว่า The Strip ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ (เกือบ 100%) จะใช้ชีวิตอยู่บนถนนเส้นนี้ เวลาไปไหนในเวกัสก็จะอ้างอิงว่าสิ่งนั้นอยู่บนถนน Strip (ใช้คำว่า On Strip) หรืออยู่บริเวณอื่น (Off Strip)

ตัวถนน The Strip เองอยู่ใกล้กับสนามบินหลักของเมืองลาสเวกัส นั่นคือสนามบิน McCarran International Airport มาก ดังนั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะแทบไม่เจออะไรเลยนอกจากสนามบินกับ Strip (เพราะนอกจากนั้นมันก็แทบไม่มีอะไรจริงๆ 555) แหล่งท่องเที่ยวอื่นในเมือง มีโซนดาวน์ทาวน์เก่า (จุดเริ่มต้นของคาสิโนเวกัส) ที่ตั้งอยู่ตอนเหนือของเมือง และเอาต์เล็ตขายของใหญ่ที่อยู่ด้านใต้ของเมืองเท่านั้น ถ้าอยากเห็นอะไรมากกว่านี้ ต้องเช่ารถขับออกไปนอกเมืองสถานเดียว

แผนที่เมือง Las Vegas แบบคร่าวๆ เน้นเฉพาะพื้นที่หลักในเมือง

แหล่งท่องเที่ยวอื่นที่อยู่นอกเมืองลาสเวกัส ในระดับที่ไปได้ไม่ยากนักคือ Red Rock Canyon และ เขื่อน Hoover ส่วนที่ไกลออกไปหน่อยคือ Grand Canyon

การเดินทางสู่ Las Vegas

เมืองลาสเวกัสมีสนามบินอยู่ในตัวเมืองเลยคือ McCarran International Airport มีสายการบินจำนวนมากบินขึ้นลงทุกวัน การเดินทางจากเมืองไทยมาได้หลายสายการบิน โดยสายการบินฝั่งเอเชีย (เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน) มักเป็นพันธมิตรกับสายการบินในประเทศอเมริกาอย่างพวก American, Delta, United และสามารถต่อเครื่องมาได้จากเมืองชายฝั่งตะวันตกอย่างแอลเอหรือซานฟรานซิสโก

เท่าที่หาข้อมูล การเดินทางจากประเทศไทยมายังลาสเวกัส สายการบินที่ดีที่สุดคือ Korean Air เพราะจะใช้แค่ 2 ต่อ (กรุงเทพ-โซล-เวกัส) บินจากเกาหลีใต้มาลงเวกัสโดยไม่ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องกลางทาง (นั่งบนเครื่องบินนานหน่อยแต่ไม่ต้องรอนาน) เพียงแต่ Korean Air จะไม่มีเที่ยวบินมาลงเวกัสทุกวัน ดังนั้นคงต้องเช็คตารางการบินให้ดีๆ หน่อยว่าวันที่เราจะไปมีบินหรือไม่ (ผู้เขียนเคยนั่ง Cathay ก็จะเป็น กรุงเทพ-ฮ่องกง-แอลเอ-เวกัส) ช่วงหลังมีตัวเลือกใหม่เข้ามาคือ Hainan Airlines ของจีน ที่เป็นบิน 2 ต่อเหมือนกัน (กรุงเทพ-ปักกิ่ง-เวกัส) และไม่ได้มีทุกวันเช่นกัน อันนี้ไม่เคยนั่งเลยไม่สามารถวิจารณ์ได้นะครับ

สนามบิน McCarran มีความแปลกตรงที่มีถนนผ่ากลางสนามบิน (ผ่ากลางชนิดว่าวิ่งลอดใต้รันเวย์เลย) ทำให้สนามบินแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ Terminal 1 กับ 3 (ไม่มี Terminal 2) หลักการจำง่ายๆ คือ T1 เป็นสายการบินในประเทศสหรัฐ ส่วน T3 เป็นสายการบินนานาชาติ

คนที่มาลาสเวกัสครั้งแรก อาจตกใจเล็กน้อยเพราะมีตู้สล็อตแมชีนตั้งแต่เกต เรียกว่าเดินออกมาจากเครื่องบินแล้วก็เจอตู้สล็อตเลย (เล่นกันได้ทุกที่ทุกเวลา)

ตู้สล็อตในสายพานรอกระเป๋า สนามบิน McCarran

การเดินทางจากสนามบินไปโรงแรม (ถ้าพักบนถนน Strip) ขึ้นกับว่าเราอยู่โรงแรมไหนด้วย ถ้าสัมภาระเยอะหน่อย แนะนำว่าควรเรียกแท็กซี่ หรือ Uber/Lyft ถ้าอยากประหยัดก็มีทางเลือกคือรถบัส-รถชัทเทิล รายละเอียดดูได้จาก เว็บไซต์ของสนามบิน

ส่วนคนที่คิดจะเช่ารถเพื่อเดินทางในเมืองลาสเวกัส ลงเครื่องมาแล้วสามารถเช่าได้จากศูนย์เช่ารถที่สนามบินเลย เพียงแต่ศูนย์เช่ารถจะอยู่นอกเขตสนามบิน ต้องนั่งรถชัทเทิลบัสของสนามบินออกมาหน่อย รายละเอียดดูในบทความ วิธีเดินทางไปศูนย์เช่ารถ สนามบิน McCarran

รู้จักถนน The Strip

ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป ส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวเมืองลาสเวกัส คุณมีโอกาสสูงมากที่จะได้นอนค้างในโรงแรมใดสักแห่งบนถนน The Strip (ยกเว้นพวกนอนโรงแรมราคาถูกจริงๆ ระดับ 2 ดาว หรือไม่ก็นอน Airbnb)

โรงแรมขนาดใหญ่ในลาสเวกัส จะประกอบด้วยห้องพักจำนวนมากเป็นพันๆ ห้อง, ศูนย์ประชุมสัมมนา และแน่นอนว่า “คาสิโน” ที่อยู่ภายในโรงแรมเลย โรงแรมใหญ่ๆ บางแห่งอาจมีห้างสรรพสินค้า พลาซ่า ร้านอาหาร รวมถึงโชว์ต่างๆ ด้วย เรียกว่าชีวิตแทบจะ 100% อยู่ในอาคารเกือบหมด (เหตุผลส่วนหนึ่งคือตอนกลางวันของเวกัส มันร้อนรุนแรงมากแบบทะเลทราย อยู่กันในตึกน่ะถูกต้องแล้ว)

ถนน The Strip ในยามค่ำคืน

โรงแรมและคาสิโนบน The Strip

บรรดาโรงแรมในลาสเวกัส ก็จะตั้งอยู่เรียงรายทั้งสองฝั่งของ The Strip ชนิดรั้วชนรั้ว (จริงๆ คือไม่มีรั้วด้วยซ้ำ) และเนื่องจากโรงแรมมีเยอะ ขอจัดกลุ่มตามตำแหน่งของโรงแรมตามบล็อคถนน เป็น “บล็อคล่าง” “บล็อคกลาง” “บล็อคบน” ไล่จากล่างสุดขึ้นไปบนสุดดังนี้

หมายเหตุ: ถ้ามีเวลาน้อย โรงแรมเด่นๆ ที่ไม่ควรพลาดคือ Bellagio, Caesars Palace, Venetian และ MGM Grand ตามลำดับ

1. บล็อคล่าง

โรงแรมกลุ่มนี้อยู่ทางใต้สุดของถนน Strip โดยนับโรงแรมที่อยู่ใต้ถนน Tropicana Avenue ทั้งหมด ถือเป็นโรงแรมกลุ่มที่อยู่ใกล้สนามบิน McCarran มากที่สุด แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูมากนัก

Mandalay Bay

โรงแรมใหญ่ที่อยู่ใต้สุดของ Strip ตั้งชื่อตามเมืองมัณฑะเลย์ของพม่า แต่ก็ไม่มีธีมการตกแต่งเกี่ยวกับพม่าเลย เน้นแนวโมเดิร์นล้ำสมัย ในอาณาบริเวณของ Mandalay Bay ยังมีโรงแรมย่อยอีกอัน (อยู่ในกลุ่มอาคารเดียวกัน) คือ Delano และมีศูนย์ประชุมสัมมนาขนาดใหญ่อยู่ในอาณาบริเวณของโรงแรมด้วย

สิ่งที่น่าสนใจใน Mandalay Bay คืออควาเรียม Shark Reef ที่เป็นยังไงก็ไม่ทราบ ผู้เขียนเคยไปนอนที่โรงแรมนี้มา 2 รอบก็ยังไม่คิดจะไปดู (แพง)

Luxor 

เป็นโรงแรมในเครือเดียวกับ Mandalay Bay มีรถรางไฟฟ้าเชื่อมถึงกันได้ ธีมจะเป็นแนวอียิปต์ ตัวโรงแรมเป็นพีระมิดสีดำ มีสฟิงค์นั่งอยู่ด้านหน้า ตอนกลางคืนตรงหัวพีระมิดจะเรืองแสง ยิงขึ้นฟ้าได้ด้วย

Luxor เป็นโรงแรมที่ค่อนข้างเก่าพอสมควร แต่ข้างในก็มีโชว์ให้ดูบ้าง

Excalibur

โรงแรมในเครือเดียวกับ Mandalay Bay / Luxor (อยู่ในเครือ MGM) ใช้ธีมปราสาทอัศวิน โรงแรมจะเก่าในระดับใกล้เคียงกับ Luxor แต่ทำเลจะดีที่สุดในบรรดาทั้ง 3 โรงแรม เพราะใกล้กับโซนหลักของ Strip มากที่สุด

Tropicana

โรงแรมที่อยู่ตรงข้ามกับ Excalibur และ MGM Grand ถือเป็นโรงแรมเก่าแก่มาก เปิดมาตั้งแต่ปี 1957 หรือ 60 ปีมาแล้ว

2. บล็อคกลาง

บล็อคนี้อยู่ระหว่างถนน Tropicana Avenue และ Flamingo Avenue ถือเป็นจุดศูนย์กลางของ Strip เลยก็ว่าได้ มีอะไรดูค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะตรงแยกหน้าโรงแรม Bellagio ที่เป็นจุดไฮไลท์ของ Strip

New York-New York

โรงแรมนี้อยู่ตรงข้ามกับ Excalibur และ MGM Grand มีสัญลักษณ์คือเทพีเสรีภาพขนาดย่อมๆ อยู่หน้าโรงแรม ที่โซนด้านหน้าโรงแรมฝั่งติดถนน มีร้านอาหารหลายร้าน รวมถึงร้านเบอร์เกอร์ Shake Shack ชื่อดังด้วย (ในเวกัสมีสาขาเดียวที่ตรงนี้) ถือเป็นโรงแรมในเครือ MGM ด้วยเช่นกัน

ด้านหลังของ New York New York มีสนามกีฬาในร่มที่เพิ่งเปิดใหม่คือ T-Mobile Arena ที่เอาไว้จัดงานกีฬา คอนเสิร์ต หรืองานสัมมนาใหญ่ๆ ด้วย

MGM Grand

อีกหนึ่งโรงแรมดังของลาสเวกัส ใครที่ติดตามข่าวการชกมวยสากล น่าจะเคยได้ยินชื่อโรงแรมนี้ เพราะเป็นสถานที่จัดงานชกมวยนัดสำคัญๆ ของโลกมาแล้วมากมาย MGM ถือเป็นโรงแรมตึกเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีถึง 5,000 ห้อง (ถ้านับรวมทุกตึก ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และอันดับ 2 ในเวกัส) สัญลักษณ์สำคัญคือสิงโตทองที่อยู่หน้าโรงแรม

ในโรงแรมยังมีโชว์ของนักมายากลชื่อดัง David Copperfield และที่บริเวณหน้าโรงแรมยังเป็นจุดสำคัญขึ้นรถบัส WAX ไปสนามบินด้วย

Monte Carlo

ขยับขึ้นเหนือมาจาก New York New York เป็นโรงแรม Monte Carlo ที่ใช้ธีมคาสิโนจากเมืองมอนติคาร์โล ในโมนาโก การตกแต่งจะเป็นแนวยุโรป มีรูปปั้น เสาโรมัน น้ำพุ โรงแรมอยู่ในเครือ MGM

CityCenter : ARIA – Veer – Vdara – Mandarin Oriental

CityCenter เป็นกลุ่มโรงแรมที่อยู่ติดกับ MonteCarlo ประกอบด้วยอาคาร 5 หลัง รูปทรงโมเดิร์นโฉบเฉี่ยว โดยอาคารหลักคือโรงแรม Aria ที่อยู่ค่อนไปด้านหลัง ตามด้วยโรงแรม Mandarin Oriental ที่อยู่ติดถนน, ห้างสรรพสินค้า The Crystals, ตึกทรงเฉียง Veer ที่เป็นคอนโดพักอาศัย และคอนโด Vdata ด้านหลังสุด

โรงแรมกลุ่มนี้เป็นการลงขันระหว่างกลุ่ม MGM และ Dubai World ถือเป็นโครงการค่อนข้างใหม่ เพิ่งสร้างเสร็จและเปิดเมื่อปี 2009 นี้เอง

การเดินทางในอาคารกลุ่มนี้มีรถราง Aria Express บริการ โดยเชื่อมกับ Monte Carlo และ Bellagio ด้วย

กลุ่มตึก Aria, Veer, The Crystals

Bellagio

Bellagio ถือเป็นโรงแรมสำคัญของ The Strip โดยเป็นเจ้าของเดียวกับเครือ MGM ตัวโรงแรมถือว่าค่อนข้างใหม่ เปิดบริการในปี 1998 โดยใช้ธีมจากเมือง Bellagio ริมทะเลสาบโคโมในอิตาลี  โรงแรมมีขนาด 3,950 ห้อง มีโชว์สำคัญคือ “O” มาเล่นที่นี่

คนที่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง Ocean Eleven น่าจะจำโรงแรมแห่งนี้ได้ เพราะเป็นโรงแรมที่ตัวเอก (แบรด พิทท์, จอร์จ คลูนีย์) บุกมาปล้นนั่นเอง ที่ล็อบบี้ของ Bellagio ส่วนของเพดานยังมีการตกแต่งเป็นรูปดอกไม้ที่สวยงาม ถือเป็นอีกจุดสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องมาแวะชม และภายในยังมีสวนพฤษชาติ (Botanical Garden) ขนาดเล็กที่ตกแต่งสวยงาม มาเดินได้เกร๋ๆ แถมไม่ต้องเสียค่าเข้าชม

Bellagio ตอนกลางวัน

ไฮไลท์สำคัญของ Bellagio อยู่ที่การแสดงน้ำพุที่ทะเลสาบด้านหน้าโรงแรม ถ้าไม่มาดูนี่เรียกว่ามาไม่ถึงลาสเวกัสกันเลยทีเดียว ช่วงหัวค่ำน้ำพุจะแสดงทุก 15 นาที เรียกว่าไปตอนไหนก็ได้ดู แต่คนจะเยอะมากต้องพยายามยืนหาตำแหน่งดีๆ หน่อย

Planet Hollywood

โรงแรมและคาสิโนแบรนด์ Planet Hollywood เพิ่งสร้างเสร็จในปี 2007 โดยอยู่ในเครือเดียวกับ Ceasars (เดิมทีชื่อโรงแรม The Aladdin) ธีมการตกแต่งก็ตามชื่อคือเน้นความเป็นฮอลลีวู้ด ดาราภาพยนตร์ ไฟนีออนส่องสว่าง สีสันต่างๆ

Paris 

โรงแรมที่อยู่ตรงข้ามกับ Bellagio มีหอคอยไอเฟลจำลองเด่นเป็นสง่า หอคอยนี้ขึ้นไปชมได้ด้วย (เผื่อใครอยากดูวิวมุมสูงของ Strip) แต่ต้องเสียค่าขึ้นนะ 16.50 ดอลลาร์

3. บล็อคบน

โรงแรมที่อยู่เหนือถนน Flamingo ขึ้นไป ย่านนี้ถือเป็นอีกจุดสำคัญของ The Strip เช่นกัน

Caesars Palace

Caesars เป็นโรงแรมเก่าแก่และสำคัญอีกรายของลาสเวกัส ใช้ธีมจักรวรรดิโรมันตามชื่อ โรงแรมมีขนาดใหญ่ 4,000 ห้อง มีสระว่ายน้ำธีมกรีกโรมัน และมีห้างสรรพสินค้า The Forum Shops อยู่ติดถนนใหญ่ มีร้านอาหารและร้านค้าจำนวนมากมาย ตัวห้างและโรงแรมมีขนาดใหญ่ระดับเดินในนี้อย่างเดียวก็หมดเวลาไปเป็นชั่วโมงแน่นอน

ภาพมุมสูงของ Caesars Palace (จาก Wikipedia)

จุดเด่นของ Caesars Palace คือโชว์ที่ขนศิลปินระดับโลกมาจัดแสดงอย่างต่อเนื่อง นักร้องชื่อดังที่มาเปิดการแสดงที่ Caesars แบบกึ่งถาวรในตอนนี้คือ Celine Dion และ Elton John

นอกจากนี้ Caesars ยังมีร้านอาหารดังอย่างร้านญี่ปุ่น Nobu และบุฟเฟต์ Bacchanel ด้วย

ภาพจากเว็บไซต์ Caesars Palace

Flamingo / The Linq / Harrah’s

ขอรวบยอดเขียน 3 โรงแรมที่อยู่ติดกันเลย ทั้งสามโรงแรมอยู่ตรงข้ามกับ Caesars Palace และอยู่ในเครือเดียวกับ Caesars ด้วย ไล่จากด้านล่างไปด้านบนคือ Flamingo, The Linq และ Harrah’s (ขึ้นไปอีกจะเป็น Venetian ที่อยู่ติดกัน)

Flamingo เป็นโรงแรมเก่าแก่ เปิดมาตั้งแต่ปี 1946 (อายุ 70 ปี!) ใช้ธีมอาคารสมัยเก่าทรงเหลี่ยมๆ และแน่นอนว่ามีนกฟลามิงโกให้ดูตามชื่อโรงแรม Flamingo Garden ดูได้ฟรี

ส่วน The Linq ที่อยู่ติดกันเดิมชื่อว่า Flamingo Capri แล้วเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง เพิ่งเปลี่ยนเป็น The Linq ในปี 2014 จุดเด่นคือมีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ด้านหลังโรงแรม ภายในโรงแรมมีโชว์รูมรถเก่า The Auto Collections เข้าฟรี

Harrah’s เป็นคาสิโนเก่าอีกแห่ง เป็นแบรนด์เดียวกับคาสิโน Harrah’s ที่เมืองนิวออร์ลีนส์ เลยใช้ธีมแนวคาร์นิวัลแบบเดียวกับที่นิวออร์ลีนส์ด้วย

Harrah’s

The Venetian

The Venetian เป็นโรงแรมยักษ์ใหญ่ระดับ 5 ดาวอีกแห่งของลาสเวกัส อยู่ในเครือ Sands (เครือเดียวกับ Marina Bay Sands ที่สิงคโปร์ และ The Venetian ที่มาเก๊า) โรงแรมมีขนาดใหญ่ 4,000 ห้อง มีศูนย์จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ และมีโรงแรมในเครือคือ Palazzo ตั้งอยู่ข้างกันอีก 3,000 ห้อง (รวมเป็น 7,000 ห้อง ถือเป็นโรงแรมใหญ่อันดับ 2 ของโลก) ธีมของโรงแรมก็ตามชื่อคือมาจากเมืองเวนิซในอิตาลี

ของเล่นใน The Venetian ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นกันคือนั่งเรือกอนโดลาแบบเดียวกับในเวนิซ การตกแต่งภายในก็หรูหราน่าเดิน ด้านหน้าโรงแรมยังมีห้างสรรพสินค้า Grand Canal Shoppes ให้ช็อปปิ้งด้วย

The Mirage

หนึ่งในโรงแรมและคาสิโนเก่าแก่ของ The Strip ใช้ธีมชาวเกาะแปซิฟิก ถือเป็นโรงแรมแห่งแรกของมหาเศรษฐี Steve Wynn และปัจจุบันอยู่ในเครือ MGM จุดเด่นคือมีภูเขาไฟจำลองที่จะระเบิดโชว์ในช่วงหัวค่ำ ด้านในโรงแรมมี Aquarium ให้เข้าฟรี

Treasure Island

โรงแรม Treasure Island หรือในวงการเรียกกันย่อๆ ว่า “TI” เป็นโรงแรมธีมโจรสลัด มีทางเชื่อมต่อกับ Mirage และห้างสรรพสินค้า Fashion Show ที่อยู่ติดกัน เดิมทีโรงแรมอยู่ในเครือเดียวกับ The Mirage แต่ภายหลังเปลี่ยนมือเจ้าของเลยแยกย้ายกันไปคนละทาง

Wynn / Encore

โรงแรมสุดท้ายที่จะกล่าวถึงบนถนน Strip คือ Wynn และ Encore ที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน ตั้งชื่อตามมหาเศรษฐี Steve Wynn ผู้ยิ่งใหญ่แห่งลาสเวกัส (ปัจจุบันเป็นโรงแรมในเครือ Wynn Resorts) โรงแรมค่อนข้างใหม่ เพิ่งเปิดในปี 2005 (Wynn) และ 2008 (Encore) มีจำนวนห้องรวมกัน 4,700 ห้อง

เนื่องจากเป็นโรงแรมสร้างใหม่ และเน้นความหรูหรา โรงแรมนี้จึงได้รางวัลระดับ 5 ดาวมากมาย ภายในโรงแรมมีสวน สระว่ายน้ำ น้ำตก ไนท์คลับ ร้านอาหาร ฯลฯ เรียกว่าอยู่ข้างในโรงแรมไม่ต้องออกไปไหนเลยก็ยังได้ ด้านหลังของโรงแรมยังมี “สนามกอล์ฟ” แห่งเดียวในเมืองลาสเวกัสด้วย

นอกจากนี้แล้ว ในย่าน Strip ยังมีโรงแรมและศูนย์ประชุมอื่นๆ อีก ซึ่งอาจอยู่ไกลออกไปสักหน่อยหรือไม่สำคัญมากนัก (แค่ที่กล่าวมาก็เยอะแล้ว) ขอกล่าวถึงโรงแรมบน Strip เพียงเท่านี้ครับ

Las Vegas Down Town

ถึงแม้จุดศูนย์กลางของลาสเวกัสในปัจจุบันอยู่ที่ถนน The Strip แต่จริงๆ แล้วต้นกำเนิดของคาสิโนลาสเวกัส อยู่ที่ย่าน “ดาวน์ทาวน์” ทางตอนเหนือของเมือง การเดินทางจำเป็นต้องนั่งรถเมล์ไปจาก The Strip ซึ่งก็นั่งต่อเดียวถึงไม่ยากอะไรมากครับ (อ่านรายละเอียดในหมวดการเดินทาง ด้านล่าง)

คาสิโนในดาวน์ทาวน์จะไม่ใหญ่เท่ากับ Strip แต่ก็เน้นแสงสีแบบโบราณๆ อารมณ์ถนนคนเดินดี ถ้ามีเวลาจะลองแวะไปดูก็ได้พอสนุกๆ แต่ถ้าไม่มีเวลา จะพลาดไปก็ไม่น่าเสียดายอะไรมาก

สถานที่ช็อปปิ้งใน Las Vegas

Las Vegas อาจไม่ใช่เมืองศูนย์กลางช็อปปิ้งเท่าไรนัก แต่คนไทยไปที่ไหนก็ต้องช็อปปิ้ง ขอคัดที่เด่นๆ มาให้ 4 แห่งดังนี้

Fashion Show

เป็นห้างสรรพสินค้าแบบจริงจังเพียงอันเดียวบน The Strip (อยู่ค่อนมาทางเหนือ ติดกับ Treasure Island) มีร้านค้าของแบรนด์เนมมากมาย ใครที่ต้องการซื้อสินค้าของ Apple ที่นี่มี Apple Store (รวมถึง Microsoft Store ด้วยถ้าต้องการ) พวกรองเท้า (Footlocker, Croc) กระเป๋า เสื้อผ้า (Forever21, Topshop)  ของเล่น (Disney, Lego) ก็มีให้ช็อปเช่นกัน

ภาพจาก Facebook Fashion Show Mall

Forum Shops (Caesars)

Forum Shops เป็นพลาซ่าที่อยู่ในโรงแรม Caesars (ติดกับ Bellagio) ถือว่าค่อนข้างใหญ่ทีเดียว (เดินแล้วหลงทุกที) สามารถเดินเข้าได้จากฝั่งถนนใหญ่ The Strip จะง่ายที่สุด ร้านส่วนใหญ่เน้นแฟชั่นพวกกระเป๋า เครื่องสำอาง ส่วนถ้าใครไม่ช็อปจะมากินข้าวก็ได้ มีร้านอาหารมากมายอยู่ในนี้ด้วย

Grand Canal (Venetian)

โซนพลาซ่าที่อยู่ในโรงแรม Venetian อารมณ์จะคล้ายๆ กับ Forum Shops คือเน้นกระเป๋า เครื่องสำอางแบรนด์เนม มีร้านอาหารจากเชฟชื่อดังหลายร้านทีเดียว

South Premium Outlets

สำหรับคนชอบเดินเอาต์เล็ต ลงใต้จากถนน The Strip และสนามบินไปหน่อย มีศูนย์เอาต์เล็ตใหญ่ชื่อว่า South Premium Outlets สินค้าราคาค่อนข้างถูก เน้นที่เสื้อผ้า รองเท้า ของเล่น มีร้านอาหารแบบฟาสต์ฟู้ดและฟู้ดคอร์ทให้บริการ การเดินทางต้องมาด้วยรถบัส, แท็กซี่, Uber หรือไม่ก็เช่ารถขับมาเองเท่านั้น

กินอะไรดีใน Las Vegas

คำถามสำคัญที่ตามมาคือ กินอาหารอะไรดีในลาสเวกัส ซึ่งคำตอบก็คือมีร้านทุกแบบทุกระดับราคา ขึ้นกับความอยากและงบประมาณ

ฟาสต์ฟู้ด

ตามโรงแรมใหญ่ๆ มีร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดหรือฟู้ดคอร์ทสำหรับคนงบน้อย ร้านก็มีหลากหลายตั้งแต่ McDonald’s, Subway, Chipotle, Taco Bell ไปจนถึงร้านจีนอย่าง Panda Express

สำหรับคนไทยที่อยากได้ร้านแปลกๆ ไม่มีในไทย เราขอแนะนำ Shake Shack เบอร์เกอร์ชื่อดัง (อยู่หน้าโรงแรม New York New York) และ Earl of Sandwich (ในโรงแรม Planet Hollywood)

บุฟเฟต์

อาหารดังของลาสเวกัสอีกอย่างคือ “บุฟเฟต์โรงแรม” ที่มีอาหารให้เลือกหลากหลาย พ่อครัวชื่อดังแข่งกันมาทำอาหารให้กิน ในราคาที่ถือว่าไม่แพง ใกล้เคียงกับบุฟเฟต์โรงแรมหรูบ้านเรา (มื้อเที่ยงอยู่ประมาณ 29-39 ดอลลาร์ ขึ้นกับความหรู) บุฟเฟต์มีให้กินแทบทุกโรงแรม ความดังก็แล้วแต่ละโรงแรมเลย เท่าที่เห็นดังๆ ก็มีของเครือ The Buffet ที่มีหลายโรงแรม (Wynn, Luxor, Aria, Bellagio) และ Bacchanal (Caesars)

ร้านอาหารหรู

โรงแรมในลาสเวกัส ต่างแย่งชิงเชฟระดับโลกเข้ามาเปิดร้านอาหารหรูๆ ให้ลิ้มลอง มีอาหารทุกแบบทั้งฝรั่ง ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ถ้าอยากกินอาหารระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาวก็ยังมีให้เลือก (Joel Robuchon ที่ MGM Grands) ส่วนระดับ 1-2 ดาวก็มีรวมกันเป็นสิบร้าน อันนี้แนะนำว่าอ่านรีวิวกันเองก่อนเลือกกินจะดีกว่า

ร้านอาหารท้องถิ่น

สำหรับคนที่อยากชิมอาหารท้องถิ่นที่คนธรรมดาเขากินกัน จำเป็นต้องเดินทางออกไปนอก The Strip กันสักหน่อย (ต้องมีรถหรือไม่ก็ Uber) ในตัวเมืองยังมีร้านอาหารดีๆ เล็กๆ ราคาไม่แพงอีกจำนวนมากให้ลิ้มลองกัน และได้ฟิลลิ่งแบบคนท้องถิ่นแท้ๆ

ร้านที่ผู้เขียนเคยไปลองมาแล้วประทับใจมากเป็นร้านอาหารเช้าแบบอเมริกันแท้ๆ (ที่เราเห็นกันในหนัง) ชื่อว่า Egg Works (มีหลายสาขา) และ Mr. Mamas ถ้าใครมีรถหรือมีศักยภาพที่จะตามไปกินได้ก็แนะนำ

อาหารเช้าแบบอเมริกันที่ Egg Works มัฟฟินอร่อยมาก

การเดินทางใน Las Vegas

การเดินทางของนักท่องเที่ยวใน Las Vegas ที่ไม่ได้ไปกับทัวร์ มีด้วยกัน 5 แนวทางคือ

1) เดิน

สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยู่เฉพาะบนถนน The Strip การเดินด้วยเท้าอย่างเดียวก็พอทำได้ (แต่แนะนำว่าควรเดินตอนมืดแล้ว ไม่ร้อน) ทั้งนี้ก็ขึ้นกับว่าเราได้นอนพักที่จุดไหนใน The Strip ด้วย ถ้านอนที่โซนตรงกลางๆ อย่างแถว Bellagio ก็สะดวกหน่อย แต่ถ้านอนที่ขอบด้านเหนือ (เช่น Encore) หรือด้านใต้ (เช่น Mandalay Bay) ก็ต้องเดินไกลหน่อย

2) รถราง Monorail และ Tram

เมืองลาสเวกัส มีรถรางของตัวเองชื่อว่า Las Vegas Monorail (เว็บไซต์) ที่ไม่ได้วิ่งบนถนน The Strip แต่วิ่งขนานกับถนน Strip ทางด้านขวามือถ้าดูจากแผนที่ ถ้าใครนอนโรงแรมฝั่งขวาของแผนที่ก็จะสะดวกหน่อย โดยเริ่มจากสถานี MGM ที่อยู่ใต้สุด วิ่งขึ้นไปถึงศูนย์ประชุม Las Vegas Convention Center ที่อยู่เหนือ The Strip ไปนิดหน่อย คนที่มาประชุมสัมมนาแล้วมีอีเวนต์จัดที่นี่ ก็จะสะดวกในการเดินทาง

แผนที่เส้นทางวิ่งของ Las Vegas Monorail

นอกจากนี้ บางโรงแรมใน Strip ที่อยู่ในเครือเดียวกัน โดยเฉพาะฝั่งซ้ายมือของถนน The Strip จะมีรถรางไฟฟ้า (tram) อำนวยความสะดวกให้ด้วยนิดหน่อย (ทั้งหมดนี่ขึ้นฟรี) เพียงแต่แทรมจะวิ่งเป็นระยะทางสั้นๆ ไม่ต่อเนื่องกันเป็นสายเดียว ยังไงก็ต้องเดินด้วยอยู่ดี ได้แก่

  • Mandalay Bay – Luxor – Excalibur ที่ด้านใต้สุดของ The Strip มีรถรางวิ่งวนเป็นวงกลมระหว่าง 3 โรงแรมนี้
  • Bellagio – Montecarlo
  • Treasure Island – Mirage 
เส้นทาง Tram และ Monorail ใน Vegas (ภาพจาก VegasJourney.com)

3) รถเมล์

มีด้วยกัน 3 ยี่ห้อคือ

  • RTC (วิ่งตามแนวเหนือใต้ ตามถนน The Strip)
  • WAX (วิ่งตามแนวถนน The Strip แต่ไปสนามบินด้วย)
  • รถเมล์ท้องถิ่น

รายละเอียดค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร และต้องระวังด้วยว่าบนถนน Strip รถค่อนข้างติด โดยเฉพาะช่วงเย็นถึงหัวค่ำ ข้อมูลที่เหลืออ่านในบทความ วิธีการเดินทางภายใน Las Vegas

4) Taxi

ถ้าไม่ใช้รถสาธารณะแล้ว แท็กซี่ในลาสเวกัสก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะสะดวก เรียกจากตรงไหนก็ได้ ข้อเสียคือราคาค่อนข้างแพง มีเตอร์ขึ้นไวมาก

5) Uber

เป็นวิธีที่สะดวกที่สุดในการเดินทางรอบ Vegas เพราะถูกกว่าแท็กซี่ แถมเราสามารถใช้แอพ Uber ตัวเดียวกับที่ใช้ในเมืองไทยได้เลย (ตัดบัตรเครดิตจากแอพเลย ไม่ต้องจ่ายเงินสด)

ข้อควรระวังคือเราไม่สามารถเรียก Uber ให้มารับที่ริมถนน The Strip ได้เพราะผิดกฎหมาย ต้องกำหนดจุดให้มารับที่โรงแรมหรือห้างสรรพสินค้าใดๆ เท่านั้น (หลายโรงแรมมีจุดจอด Uber แยกจากจุดจอดแท็กซี่เลย) ซึ่งเราอาจจำเป็นต้องโทรศัพท์หาคนขับ Uber เพื่อนัดแนะการรับส่งกันด้วย

6) เช่ารถขับ

เป็นวิธีที่สะดวกสำหรับคนที่พร้อมขับรถในสหรัฐอเมริกา และอยากออกไปเที่ยวนอกเมืองลาสเวกัสด้วย โรงแรมเกือบทุกแห่งมีเคาเตอร์รถเช่าให้บริการ (แต่เคาเตอร์จะปิดค่อนข้างเร็ว บางแห่งปิดตั้งแต่ 4 โมงเย็น) สามารถรับและคืนรถจากที่จอดรถของโรงแรมได้เลย ส่วนเรื่องการจอดรถก็สะดวก เพราะโรงแรม-คาสิโนส่วนใหญ่ให้จอดรถฟรีข้ามคืนอยู่แล้ว

รายละเอียดเรื่องการเช่ารถอ่านในบทความ แชร์ประสบการณ์ วิธีการเช่ารถขับท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา