รีวิว การใช้ซิมเติมเงิน AIS Sim2Fly ต่อเน็ตในสหรัฐอเมริกา

การท่องเที่ยวในยุคนี้จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตใช้ตลอดเวลา (ทั้งในแง่ติดต่อสื่อสารกับคนที่เมืองไทย, ติดต่อกันเองในกลุ่มคนที่ไปด้วยกัน, เอาไว้ดูแผนที่เผื่อหลง ฯลฯ) และเมื่อค่าเน็ตแบบโรมมิ่งมีราคาค่อนข้างแพงพอสมควร การซื้อซิมการ์ดท้องถิ่นใช้แทนอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า

แต่การซื้อซิมการ์ดในแต่ละประเทศก็มีความยากง่ายแตกต่างกันไป เพราะบางประเทศไม่มีแนวคิดเรื่องซิมพรีเพดเลย (เช่น ญี่ปุ่น ที่แก้ไขด้วยการเช่า Pocket WiFi แทน) หรือบางประเทศก็มีกฎยุ่งยากในการลงทะเบียนซื้อซิม (เช่น อินเดีย)

สหรัฐอเมริกาเป็นอีกประเทศที่หาซื้อซิมได้ค่อนข้างยาก เพราะมีโอเปอเรเตอร์ที่รองรับระบบ GSM เพียงแค่ 2 ราย แต่การซื้อซิมก็เป็นไปได้ (อ่าน บทความวิธีการซื้อซิมการ์ดในอเมริกา ประกอบ) แถมช่วงรอบปีหลัง การซื้อซิมยังทำได้ง่ายขึ้นมาก เช่น T-Mobile ออกทัวริสต์ซิมมาจับตลาดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ

แต่กระบวนการซื้อซิมก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดี เราไม่สามารถบินไปลงสนามบินในอเมริกา แล้วซื้อซิมที่สนามบินได้ง่ายนัก (ร้านขายซิมที่สนามบินมีน้อยมาก) ซึ่งไม่สะดวกนัก ถ้าเดินทางไปเอง ไม่ได้ไปกับหมู่คณะหรือมีคนมารับ

Sim2Fly ซิมพรีเพดสำหรับนักเดินทาง

ปัญหานี้หมดไปเมื่อ AIS ออกซิม Sim2Fly ซิมพรีเพดพร้อมใช้งานสำหรับโรมมิ่งในต่างประเทศออกมา (มันคือซิม data roaming แบบพรีเพด เป็นเบอร์แยกเฉพาะ)

Sim2Fly แบ่งออกเป็น 2 แพ็กเกจคือ

  • Sim2Fly Asia ได้เน็ตเต็มสปีด 3GB ในระยะเวลานาน 8 วัน ราคา 399 บาท
  • Sim2Fly Europe & USA ได้เน็ตเต็มสปีด 3GB ในระยะเวลานาน 15 วัน ราคา 899 บาท (ซิมอันนี้ชื่อ Europe & USA แต่จริงๆ ใช้กับประเทศในกลุ่มเอเชียได้ด้วย)

หลังจากใช้เน็ตครบโควต้า 3GB แล้ว ก็ยังต่อเน็ตได้อยู่ เพียงแต่ความเร็วจะลดลงเหลือแบบ limited speed 128Kbps แทน รายละเอียดและเงื่อนไขการใช้งาน ดูได้จากเว็บ Sim2Fly

บทความนี้จะรีวิวการใช้งาน Sim2Fly แพ็กเกจ 899 บาทในสหรัฐอเมริกา โดยผู้เขียนอยู่ในอเมริกาประมาณ 10 วัน

AIS sim2fly

การซื้อซิม Sim2Fly ซื้อที่ไหนอย่างไร

Sim2Fly แพ็กเกจเล็ก 399 บาท สามารถซื้อได้ที่ร้าน AIS Shop ทุกสาขา ซื้อง่ายหน่อย แต่แพ็กเกจใหญ่ 899 บาท มีขายเฉพาะ AIS Shop ร้านใหญ่ๆ เพียง 9 สาขาเท่านั้น (ทุกสาขาอยู่ในกรุงเทพ) ยังดีที่สามารถซื้อได้จาก AIS Shop ในสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ก่อนออกเดินทางด้วย

การซื้อซิมจำเป็นต้องใช้บัตรประชาชนเพื่อลงทะเบียนซิม ผู้เขียนซื้อที่สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว เจ้าหน้าที่ให้ความสะดวกเป็นอย่างดี (แต่รอคิวนานไปหน่อย) ไม่ได้ลองซื้อที่สนามบินจึงไม่สามารถเล่าได้ว่าเป็นอย่างไร

แพ็กเกจซิมตัวนี้มีซิมให้ 3 ขนาด คือ ขนาดปกติ, Micro SIM และ Nano SIM รองรับมือถือทุกรูปแบบในปัจจุบัน ใครที่ยังใช้มือถือ Micro SIM อยู่ก็มีตัวแปลงให้ในชุด (แต่ไม่มีเข็มจิ้มถาดซิมมาให้ อันนี้ต้องเตรียมไว้เอง)

การเปิดใช้งาน (Activate) ซิมเป็นครั้งแรก

ซิม Sim2Fly ต้องเปิดใช้งาน (activate) ก่อน ด้วยการใส่ซิมแล้วเปิดเครื่องใช้งานตามปกติ แล้วกด *120 โทรออก หรือเปิดใช้เน็ตก็ได้ จะได้รับข้อความยืนยันจาก AIS

ระยะเวลา 8/15 วันจะเริ่มนับจากการ activate ซิม ดังนั้นควร activate ก่อนเดินทาง (ตอนนั่งว่างๆ ไม่มีอะไรทำที่เกต ก่อนเครื่องขึ้น) หรือจะเปิดใช้ในต่างประเทศก็ได้ คือเสียบซิมแล้วรอให้เครื่องเกี่ยวสัญญาณ operator ท้องถิ่น ถ้าไม่เกิดปัญหาอะไร ก็ควรได้ข้อความยืนยันจาก AIS แบบเดียวกับการเปิดใช้ซิมที่เมืองไทย

ais-sim2fly-activate

การตั้งค่ามือถือเพื่อใช้งาน Sim2Fly ในต่างประเทศ

ซิม Sim2Fly ไม่ต้องตั้งค่าการใช้เน็ตพวก APN ให้ยุ่งยากเหมือนในอดีต (มือถือสมัยนี้มีข้อมูลพวก APN รวมมาให้ในตัวแล้ว) แต่เนื่องจากมันเป็นซิมแบบโรมมิ่ง เราต้องเปิดใช้ Data Roaming ด้วยจึงจะใช้ได้ (ค่าดีฟอลต์ของมือถือทุกเครื่อง จะปิดเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเน็ตรั่ว)

สำหรับผู้ใช้ Android มันจะอยู่ใน Settings > Mobile Networks ครับ (ในภาพมันเป็นสีเทาเพราะจับภาพหน้าจอตอนอยู่เมืองไทยแล้ว มันไม่ได้เป็น Roaming Mode เลยเปลี่ยนค่าไม่ได้)

data-roaming settings android

เมื่อเราเสียบซิม เปิดใช้งานมือถือในต่างประเทศ และตั้งค่า Data Roaming เป็น On แล้ว ก็ควรจะเปิดเน็ตใช้งานได้ทันที (ตัวสัญลักษณ์ 3G/4G ต้องขึ้น เน็ตวิ่ง) กรณีของผู้เขียนพบว่าใส่ซิมแล้วไม่สามารถเกี่ยวสัญญาณเครือข่ายท้องถิ่นในต่างประเทศได้ แต่พอรีบูตเครื่องแล้วก็หาย ใช้งานได้ทันที ตรงนี้ให้ไว้เป็นข้อมูลเผื่อว่ามีคนเจอปัญหาแบบเดียวกัน

การใช้งาน Sim2Fly ในสหรัฐอเมริกา

Sim2Fly จะโรมมิ่งกับเครือข่ายที่เป็น GSM คือ AT&T หรือ T-Mobile โดยจะเลือกให้อัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับความแรงของสัญญาณในแต่ละพื้นที่ครับ ตลอดทริปก็เดินทางไปหลายแห่ง พบว่าเกี่ยวทั้ง AT&T และ T-Mobile ส่วนคุณภาพเน็ตก็ขึ้นกับความแรงสัญญาณในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งถ้าอยู่ในเขตเมืองก็ใช้งานได้ดี แทบไม่มีปัญหาอะไร เว้นแต่จะไปอยู่ในตึกขนาดใหญ่ที่อับสัญญาณ หรือเดินทางไปเที่ยวนอกเมืองเท่านั้น

เราสามารถตรวจสอบแพ็กเกจเน็ตที่เหลือได้ ด้วยการกด *111*6# โทรออก หรือจะใช้ฟังก์ชันการวัดปริมาณเน็ต cellular ของตัวเครื่องมือถือก็ได้

การใช้งานโทรออก-รับสาย

ข้อจำกัดของ Sim2Fly แพ็กเกจมาตรฐาน 399/899 บาทคือมันไม่รวมค่าโทรมาด้วย มีแต่แพ็กเกจเน็ตเท่านั้น (ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็คงจำเป็นน้อยลงมาก เพราะโทรผ่าน VoIP ผ่าน Facebook/LINE กันได้ไม่ยาก)

ด้วยการที่พื้นฐานของมันคือซิม 1-2-Call ที่มาพร้อมแพ็กเกจ data roaming ดังนั้นเราสามารถ “เติมเงิน” เหมือน  1-2-Call ปกติ แล้วใช้โทรออกหรือรับสายด้วยเรตเดียวกับโรมมิ่งได้

การเติมเงิน 1-2-Call ก็มีทางเลือกว่าเราจะเติมมาเผื่อไว้ตั้งแต่เมืองไทย หรือถ้ามั่นใจว่ามีเน็ต Wi-Fi ใช้งานที่ต่างประเทศ (เช่น ใช้เน็ตโรงแรม ร้านกาแฟหรือศูนย์ประชุม) ก็สามารถเติมผ่านเว็บ AIS ด้วยบัตรเครดิตได้เหมือนการเติมเงินที่เมืองไทย

ในกรณีที่ใช้งานครบแพ็กเกจ 8-15 วันแล้ว เราสามารถนำซิมนี้กลับมาใช้งานต่อที่ประเทศไทย ในฐานะซิม 1-2-Call ได้ด้วย

เปรียบเทียบราคา Sim2Fly กับการซื้อซิมในสหรัฐอเมริกา

ในกรณีนี้จะขอเทียบ Sim2Fly แพ็กเกจ 899 บาท กับซิม T-Mobile Tourist SIM ซึ่งเป็นซิมพรีเพดสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ราคาถูกที่สุดในตอนนี้ (30 ดอลลาร์)

AIS Sim2Fly

  • ราคา 899 บาท
  • เน็ต 3GB เต็มสปีด, จากนั้นลดสปีด ไม่จำกัดปริมาณ
  • ใช้ได้นาน 15 วัน
  • ไม่รวมค่าโทร-ค่าส่ง SMS มาให้
  • ซื้อได้จากเมืองไทย เท้าแตะพื้นก็ใช้เน็ตได้เลย

T-Mobile Tourist SIM

  • ราคา 30 ดอลลาร์ (1050 บาท)
  • เน็ต 2GB เต็มสปีด, จากนั้นลดสปีด ไม่จำกัดปริมาณ
  • ใช้ได้นาน 3 สัปดาห์ (21 วัน)
  • มีค่าโทรในประเทศ 1,000 นาที, SMS ไม่จำกัด ส่งไปต่างประเทศได้ด้วย
  • ต้องไปซื้อที่ร้าน T-Mobile เท่านั้น

จะเห็นว่า Sim2Fly ราคาถูกกว่าเล็กน้อย ได้เน็ตเยอะกว่า แต่ไม่รวมค่าโทรมาให้ (ซึ่งบางคนก็ไม่ต้องใช้อยู่แล้ว) และมีระยะเวลาใช้งานสั้นกว่า

ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นต้องโทรในประเทศสหรัฐ เช่น ไปเที่ยวอย่างเดียว ไม่ได้ติดต่อธุรกิจกับใคร การใช้ Sim2Fly เป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก ถ้าคิดปัจจัยเรื่องไม่ต้องออกไปเดินหาซื้อซิมเพิ่มตอนไปถึง ก็จะยิ่งเพิ่มความคุ้มค่ามากขึ้น

ส่วนซิม T-Mobile Tourist SIM จะใช้คุ้มค่าก็ต่อเมื่อเรามีความจำเป็นต้องโทรติดต่อกับคนท้องถิ่นเท่านั้น

AIS sim2fly package

 

สรุปข้อดี-ข้อเสียของ Sim2Fly

ข้อดี

  • ถึงที่หมายปลายทางแล้วใช้งานได้ทันที คือเครื่องบินแตะพื้น เปิดมือถือมาสลับซิม คุณสามารถใช้เน็ตได้ตั้งแต่ยังไม่ออกจากเครื่องบินเลย ไม่ต้องไปหาซื้อซิมให้ยุ่งยากในระหว่างทาง (โดยเฉพาะการไปกับกรุ๊ปทัวร์ ที่แวะซื้อของกลางทางยาก) ไม่มีอะไรง่ายกว่านี้อีกแล้ว
  • ซิมสามารถใช้ได้หลายประเทศในทริปเดียวกัน (เพราะพื้นฐานมันคือโรมมิ่ง) ดังนั้นถ้าเราทัวร์ยุโรป 5 ประเทศในสองสัปดาห์ ก็ใช้ซิมเดียวเอาอยู่ ไม่ต้องไปหาซื้อซิมใหม่ทีละประเทศ
  • ใช้เสร็จแล้วสามารถนำกลับมาใช้งานต่อ ในฐานะซิม 1-2-Call ทั่วไปได้ และสามารถนำซิมกลับมาใช้ซ้ำได้ โดยซื้อแพ็กเกจราคาถูกลงเล็กน้อย (ลดไป 50 บาท เหลือ 349 บาทและ 849 บาท)
  • เนื่องจากเป็นเบอร์แยกเฉพาะไปเลย และเป็นเบอร์พรีเพด จึงไม่มีปัญหาเน็ตรั่วจากค่า Roaming โดยไม่รู้ตัว

ข้อเสีย

  • ซิมไม่ได้รวมแพ็กเกจค่าโทรมาให้ ดังนั้นถ้าจะโทรกลับไทย ต้องเสียค่าโทรในอัตราโรมมิ่ง (และต้องเติมเงินเข้าระบบ 1-2-Call ก่อนออกเดินทางด้วย)
  • ยังใช้ไม่ได้ในบางประเทศ อย่างฝรั่งเศส อินโดนีเซีย กัมพูชา เวียดนาม จีน  ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อัพเดต ใช้งานในประเทศเหล่านี้ได้ทั้งหมดแล้ว
  • ระยะเวลาแพ็กเกจไม่ค่อยยืดหยุ่นนัก เช่น จะไปอเมริกา 5 วัน ก็ไม่มีแพ็กเกจเล็กกว่านี้ ถูกกว่านี้ให้เลือก มีแค่แบบ 15 วัน 899 บาทอย่างเดียวเลย
  • ซิมแพ็กเกจ 899 บาท มีช่องทางการขายจำกัด คือ AIS Shop เพียง 9 สาขาใหญ่ๆ ในกรุงเทพเท่านั้น (ยังดีที่มีขายสาขาในสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ)
  • การใช้เบอร์แยกเฉพาะ ทำให้คนอื่นติดต่อเราไม่ได้ทางโทรศัพท์ (ซึ่งอาจเป็นข้อดี :P) ตรงนี้คนที่มีธุรกิจรัดตัว อาจใช้ท่าเอามือถือไปสองเครื่อง เครื่องนึงเปิดโรมมิ่งไปเพื่อรับสายอย่างเดียว แล้วอีกเครื่องใส่ซิม Sim2Fly เพื่อใช้งานเน็ต หรือจะใช้เป็นตัวแชร์ WiFi Hotspot ให้เพื่อนร่วมทริปก็ได้

โดยสรุปถือว่าซิม AIS Sim2Fly เป็นสิ่งดีมากสำหรับคนไปต่างประเทศแล้วต้องใช้งานอินเทอร์เน็ตทันที ช่วยอำนวยความสะดวก ลดความยุ่งยากของการออกไปหาซื้อซิมท้องถิ่นลงได้มาก (ถ้าเดินทางไปยังประเทศที่ Sim2Fly รองรับ) แถมราคาก็ถูกกว่าการไปซื้อซิมท้องถิ่นอีกด้วย ค่ายคู่แข่งอื่นๆ ควรรีบทำแพ็กเกจแบบนี้ออกมาขายกันโดยเร็ว