ปกติแล้ว นักท่องเที่ยวชาวไทยคงคุ้นเคยกับเว็บจองโรงแรมยอดฮิตอย่าง Agoda, Hotels.com, Booking.com หรือ Expedia ที่รวมโรงแรมมากมายหลายแบรนด์มาให้เลือกสรรกัน
หรือถ้าเดินทางแบบด่วนๆ ไม่ได้วางแผนแล้วยังไม่รู้ว่าคืนนี้จะมีที่นอนหรือเปล่า ก็มีเว็บไซต์อย่าง Hotel Tonight หรือ LastMinute.com ให้เลือกเช่นกัน เว็บไซต์เหล่านี้มักมีดีลกับโรงแรม นำห้องที่ขายไม่ออกในคืนนั้น มาประกาศขายในราคาถูก เรียกว่าสมประโยชน์กันทั้งฝั่งโรงแรม (ขายห้องออก) และนักท่องเที่ยว (มีที่นอนในราคาโอเค)
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์จองโรงแรมในนาทีสุดท้ายแบบนี้ มีข้อเสียต่อฝั่งโรงแรม คือไม่มีอะไรการันตีว่าห้องพัก (ที่เหลือค้าง) จะขายออก เพราะเน้นขายแบบวันต่อวันสำหรับลูกค้าผู้ไม่พร้อมเท่านั้น การวางแผนบริหารห้องว่างจึงค่อนข้างลำบากสำหรับผู้จัดการโรงแรม
จองโรงแรมแบบ Opaque ปิดชื่อโรงแรม แลกกับราคาถูกกว่า
เว็บขายโรงแรมอีกรูปแบบหนึ่งที่เริ่มเห็นกันมากขึ้น คือเว็บประเภทที่เรียกว่า Opaque คือไม่ระบุ “ชื่อ” ของโรงแรมบนหน้าเว็บว่าเป็นโรงแรมใด บอกแค่ทำเลแบบคร่าวๆ และราคาเท่านั้น
เหตุผลที่ต้องปิดชื่อโรงแรม มักเป็นเพราะโรงแรมกลัวเสียแบรนด์ที่ต้องนำห้องมาเลหลังถูกๆ หรือไม่ก็กลัวเสียรายได้จากช่องทางการขายปกติ (เพราะตัดราคากันเอง) หรือละเมิดข้อตกลงที่ทำกับเว็บจองโรงแรมรายอื่นไว้
ทางออกของโรงแรมจึงเป็นการนำห้องที่ยังขายไม่ออก (unsold rooms) ที่ไม่สร้างรายได้ มาขายผ่านเว็บแบบ Opaque ที่มีฐานลูกค้าอีกแนว เน้นราคาถูกในย่านที่ต้องการ โดยไม่แคร์นักว่าจะเป็นโรงแรมใด (ส่วนความน่าเชื่อถือว่าลูกค้าจะแคล้วคลาดจากโรงแรมห่วยๆ ก็ขึ้นกับชื่อเสียงของเว็บ Opaque แต่ละรายที่ต้องสั่งสมกันมาเอง)
เว็บไซต์แบบ Opaque จะขายห้องล่วงหน้านานกว่าเว็บกลุ่ม Last Minute ช่วยโรงแรมให้บริหารห้องว่างได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฝั่งของลูกค้านักท่องเที่ยวก็ได้ห้องพักในราคาถูกตั้งแต่ต้น โดยไม่ต้องไปลุ้นเอาวันสุดท้ายว่าจะต้องนอนข้างถนนหรือไม่
Staydilly ผู้เล่นตลาด Opaque บุกเข้าไทย
ล่าสุดมีเว็บไซต์ Staydilly ผู้เล่นตลาด Opaque ระดับเอเชียแปซิฟิกจากมาเลเซีย เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยแล้ว โดยชูจุดขายว่าราคาอาจถูกกว่าช่องทางอื่นถึง 60% และคัดกรองเฉพาะโรงแรมเกรดดีที่ได้คะแนนรีวิวเป็นบวกจากลูกค้ามาแล้วเท่านั้น
ในขั้นตอนการจองโรงแรม ลูกค้าจะไม่รู้ชื่อโรงแรมที่จอง แต่จะเห็นชื่อโรงแรมเป็น ‘Staydilly’ พร้อมชื่อย่านและราคา โดยจะเห็นชื่อโรงแรมเมื่อจองเสร็จเรียบร้อยแล้วเท่านั้น (ยกเว้นว่าเราดูภาพออกว่านั่นคือโรงแรมอะไร แต่ก็ต้องมีความรู้ท้องถิ่นอยู่ก่อนเท่านั้น)
ตอนนี้ Staydilly มีโรงแรมในมาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซียแล้ว เป้าหมายต่อไปเป็นการขยายไปยังตลาดอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย
