พาเที่ยวเมืองออสติน เมืองหลวงของรัฐเท็กซัส

เมืองออสติน (Austin) เป็นเมืองหลวงของรัฐเท็กซัส รัฐขนาดใหญ่ทางภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา ออสตินเป็นเมืองศูนย์กลางทางการปกครองของเท็กซัส และถือเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 (รองจากฮุสตัน ซานอันโตนิโอ และดัลลัส)

ถ้าดูจากแผนที่ของรัฐเท็กซัส จะเห็นว่าเมืองใหญ่ทั้ง 4 เมืองของเท็กซัสจะอยู่ค่อนไปทางฝั่งตะวันออกของรัฐ (เพราะฝั่งตะวันตกส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย) โดยเมืองจะเรียงตัวเป็นรูป 3 เหลี่ยม และเมืองออสตินตั้งอยู่ตรงกลาง

แผนที่รัฐเท็กซัส แสดงเมืองหลักทั้ง 3 เมือง
แผนที่รัฐเท็กซัส แสดงเมืองหลักทั้ง 3 เมือง

ออสตินอาจไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากนัก เน้นเป็นเมืองเพื่ออยู่อาศัยเป็นหลัก เพราะอากาศสบายๆ (ค่อนไปทางร้อนด้วยซ้ำ) สิ่งที่ทำให้ออสตินมีชื่อเสียง คืองานเทศกาลด้านภาพยนตร์และดนตรีต่างๆ จำนวนมาก เรียกว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมป๊อปรุ่นใหม่ (เป็นเมืองหลวงอีกแห่งของบรรดาฮิปสเตอร์)

ถ้าจะมาดูสถานที่หรือสิ่งปลูกสร้าง ออสตินคงไม่ใช่เป้าหมายที่ดีนัก แต่ถ้าเน้นมาดูดนตรีสด หรือภาพยนตร์อินดี้ นี่แหละออสติน

ผู้เขียนมีโอกาสมาเยือนออสตินเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อร่วมประชุมสัมมนาที่ศูนย์ประชุม Austin Convention Center แต่ไหนๆ มาถึงที่นี่ทั้งที ก็ขอแวะดูบ้านดูเมืองของเขากันสักหน่อย

austin-airport
สนามบิน Austin-Bergstrom International Airport

การเดินทางไปออสติน ผ่านสนามบินที่ไหนดี?

ถึงแม้ออสตินมีสนามบินนานาชาติ Austin–Bergstrom International Airport อยู่ใกล้กับตัวเมือง แต่ไฟลท์ระหว่างประเทศส่วนใหญ่มักเป็นไฟลท์ในอเมริกาเหนือหรือยุโรปเท่านั้น

การเดินทางจากประเทศไทย หรือประเทศฝั่งเอเชียไปยังออสติน สนามบินที่เที่ยวบินจากเอเชียบินไปลงในรัฐเท็กซัสมีให้เลือก 2 แห่งหลักๆ คือ Dallas และ Houston จากนั้นต้องต่อสายการบินในประเทศของสหรัฐเพื่อไปยังออสตินอีกที (ถ้าไม่อย่างนั้นจะบินไปลง LA / San Francisco / Seattle แล้วต่อเครื่องในประเทศก็ได้เช่นกัน)

  • Korean Air มีบินตรงจาก Incheon ไปลงทั้ง Dallas และ Houston
  • JAL มีบินตรงไป Dallas
  • ANA มีบินตรงไป Houston

ผู้เขียนใช้วิธีบินกับ Korean Air จากไทยไปแวะ Incheon เพื่อไปลง Dallas จากนั้นต่อเครื่องในประเทศคือ American Airlines ไปยัง Austin อีกที ใช้เวลาบินไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

สิ่งที่ต้องระวังในการต่อเครื่องที่สนามบิน Dallas-Fort Worth (จริงๆ ก็รวมถึงทุกสนามบินในอเมริกา) คือการตรวจคนเข้าเมืองจะเสียเวลานานมากสำหรับคนต่างชาติ จนเราอาจตกเครื่องในประเทศได้เพราะไปติดอยู่ที่ ตม. นาน ผู้เขียนโดนไปเกือบ 2 ชม. เกือบตกเครื่องเหมือนกัน มาทันแบบฉิวเฉียด (ถ้าจะให้ดีควรเผื่อเวลาเปลี่ยนเครื่องไว้สัก 3 ชั่วโมงจะปลอดภัย)

สนามบิน Austin-Bergstrom International Airport
สนามบิน Austin-Bergstrom International Airport

การเดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมือง

เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้เพื่อเข้าประชุม เจ้าภาพเลยจัดรถมารับอย่างดี ไม่มีประสบการณ์เดินทางไป-กลับสนามบินด้วยตัวเอง แต่เท่าที่หาข้อมูลเอาไว้ ถ้าไม่ใช้แท็กซี่ เรามีทางเลือก 2 ทาง (ขึ้นกับว่าจะไปที่ไหนด้วย)

  • รถบัส – สามารถขึ้น Airport Bus หมายเลข 100 วิ่งเข้าไปยังตัวเมืองออสตินเลย ค่าตั๋ว 1.75 ดอลลาร์ ถ้าเป้าหมายหลักคือศูนย์ประชุม Austin Convention Center จะสะดวกมาก เพราะผ่านหน้าศูนย์ประชุมเลย – เว็บไซต์
  • ชัทเทิลบัส – ถ้าหากโรงแรมของเราอยู่นอกเส้นทางรถบัส การนั่งชัทเทิลแบบ shared ride อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะส่งถึงหน้าโรงแรมเลย สามารถจองได้ผ่านเว็บไซต์ ส่วนราคาขึ้นกับเป้าหมายปลายทาง ลองเลือกเป็นโรงแรมในตัวเมือง คิด 12 ดอลลาร์

การเดินทางภายในเมืองออสติน

ออสตินเป็นเมืองที่การขนส่งสาธารณะไม่เลิศเลอนัก ไม่มีรถไฟฟ้ารถใต้ดิน มีแต่รถบัสวิ่งเท่านั้น ทางเลือกหนึ่งที่คนในเมืองออสตินใช้งานคือ “ขี่จักรยาน” ซึ่งได้รับความนิยมไม่น้อย ถนนบางเส้นมีเลนจักรยานให้พร้อมสรรพ

อีกเรื่องที่ควรรู้คือ ออสตินไม่มีบริการเรียกรถยอดฮิตอย่าง Uber หรือ Lyft ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย แต่ก็มีบริการเรียกรถยี่ห้ออื่นๆ ของท้องถิ่นมาแทน ใครที่คิดจะมาเรียก Uber ที่ออสตินก็ควรรู้ไว้ล่วงหน้าว่าไม่มีให้เรียก

เนื่องจากผู้เขียนอยู่แต่ในตัวเมืองออสตินจริงๆ เลยไม่มีโอกาสลองบริการพวกนี้ ได้แต่ลองนั่งรถบัส 1 รอบ ซึ่งก็มาตรงเวลาดี และที่เหลือคือพึ่งกำลังขาของตัวเองล้วนๆ เดินอย่างเดียว

สภาพอากาศของเมืองออสตินคือ ร้อนแห้ง ถ้าไม่ได้มาช่วงหน้าหนาวก็สามารถใส่เสื้อปกติอยู่ได้สบาย เพียงแต่อากาศร้อนก็ควรเตรียมหมวก ร่ม น้ำ ให้พร้อม

Austin Bus
รถเมล์ในออสติน คันใหญ่นั่งสบาย มาตรงเวลา แต่มีสายรถเมล์และความถี่ไม่เยอะนัก

ออสตินมีเทศกาลท่องเที่ยวอะไรบ้าง

อย่างที่เขียนไปแล้วว่า ออสตินเป็นเมืองที่ไม่ได้มีสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ หรือสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติโดดเด่นนัก ถ้าจะมาดูอะไรพวกนี้บอกเลยว่าไม่มี แต่ออสตินกลับมีชื่อเสียงเรื่องงานเทศกาล

เทศกาลที่เด่นๆ ได้แก่

  • การแข่งขัน F1 นอกเมืองออสติน (ใกล้กับสนามบิน) เพิ่งสร้างสนามแข่งรถ Circuit of the Americas เป็นสนามหลักของการแข่งรถ F1 ของสหรัฐอเมริกา  United States Grand Prix มาตั้งแต่ปี 2012 ส่วนใหญ่แล้วจะแข่งช่วงปลายเดือนตุลาคม
  • เทศกาล SXSW (South by Southwest) เป็นเทศกาลด้านดนตรีและภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้ออสตินมาก ถือเป็นงานใหญ่ประจำปีของออสติน มักจัดช่วงกลางเดือนมีนาคม
  • เทศกาล Austin Film Festival เทศกาลภาพยนตร์ประจำปี จัดช่วงกลางเดือนตุลาคม
  • เทศกาล Austin City Limits Music Festival เทศกาลดนตรีที่เป็นต้นฉบับของออสติน จัดช่วงเดือนตุลาคม

ทั้งนี้ถ้าจะมาออสติน โดยไม่ได้มางานเทศกาลสำคัญๆ เหล่านี้แต่แรกก็ควรเลี่ยง เพราะค่าโรงแรมจะแพงมาก แม้ว่าในตัวเมืองออสตินมีโรงแรมจำนวนค่อนข้างเยอะอยู่แล้วก็ตาม

ภาพที่เห็นได้ไม่ยากในออสติน งานแถลงข่าวหนังใหม่หน้าโรงภาพยนตร์ พร้อมคนต่อคิวดูรอบแรกๆ
ภาพที่เห็นได้ไม่ยากในออสติน Austin Film Festival งานแถลงข่าวหนังใหม่หน้าโรงภาพยนตร์ พร้อมคนต่อคิวดูรอบแรกๆ กันคับคั่ง

แผนที่ใจกลางเมืองออสติน

เมืองออสติน ตั้งอยู่บนฝั่งของแม่น้ำโคโลราโด (Colorado River แต่เป็นคนละแม่น้ำกับที่ไหลผ่านแกรนด์แคนยอน แค่ใช้ชื่อเดียวกันเฉยๆ แม้น้ำสายนี้ไหลอยู่แค่ในรัฐเท็กซัสรัฐเดียวเท่านั้น) โลเคชั่นกลางเมืองออสตินจึงค่อนข้างสวย มีแม่น้ำไหลผ่าน มีสวนริมแม่น้ำ มีสะพานข้ามแม่น้ำหลายจุด

แผนที่สถานที่สำคัญใจกลางเมือง Austin
แผนที่สถานที่สำคัญใจกลางเมือง Austin
วิวริมแม่น้ำโคโลราโดที่ออสติน
วิวริมแม่น้ำโคโลราโดที่ออสติน

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในออสติน

ออกตัวก่อนว่า ผู้เขียนเดินอยู่เฉพาะโซนกลางเมืองออสตินเท่านั้น ไม่มีโอกาสออกไปดูโซนอื่นๆ ของออสตินมากนัก สิ่งที่เห็นก็มีเฉพาะในเมืองเท่านั้น

แหล่งท่องเที่ยวที่มีโอกาสไปเยือน มีดังนี้

Texas State Capital

สัญลักษณ์ของเมืองออสตินคืออาคารที่ทำการของรัฐบาลรัฐเท็กซัส หรือ Texas State Capitol ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่าน downtown โดยอาคารหลังนี้สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1888 จุดเด่นคือมีความสูงถึง 94 เมตร เป็นอาคารที่ทำการรัฐที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา สูงกว่าอาคารที่ทำการรัฐบาลหรือ United States Capitol ที่วอชิงตันดีซีด้วยซ้ำ

ปัจจุบันอาคารหลังนี้ใช้เป็นที่ทำงานของผู้ว่าการรัฐ และเป็นที่ประชุมสภาของรัฐ พื้นที่โดยรอบมีสวนและอนุสาวรีย์ต่างๆ ให้เดินชมอีกเล็กน้อย สามารถเดินมาได้จากใจกลางเมืองย่านธุรกิจ

อาคาร Texas State Capitol
อาคาร Texas State Capitol

นักการเมืองที่มีชื่อเสียงจากรัฐเท็กซัสคือ Lyndon B. Johnson ประธานาธิบดีคนที่ 36 ของสหรัฐ ที่เป็นชาวเท็กซัสแต่กำเนิด และเคยดำรงตำแหน่งทั้ง ส.ส. และ ส.ว. จากรัฐเท็กซัส ก่อนมาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี และขึ้นสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีหลัง John F. Kennedy โดนลอบสังหาร บุคคลที่มีชื่อเสียงอีกคนของเมืองออสตินคือ Lady Bird Johnson ภรรยาของ Lyndon B. Johnson ที่เป็นนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองออสตินเช่นกัน ในเมืองนี้เลยมีหลายจุดที่กล่าวถึงสามีภรรยาคู่นี้ (เวลามาออสตินแล้วเห็นคำว่า Lady Bird อาจจะดูแปลกๆ แต่นี่คือชื่อคน และชื่อของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศด้วย)

นักการเมืองสายเท็กซัสอีกตระกูลที่โด่งดังคือตระกูล Bush ที่ได้เป็นประธานาธิบดีกันทั้งพ่อและลูก เพียงแต่ฐานของ Bush จะอยู่ที่เมือง Dallas มากกว่า แม้ว่าสมัย Bush ผู้ลูกเป็นผู้ว่าการรัฐ เขาก็ต้องมานั่งทำงานที่ Texas State Capitol แห่งนี้

University of Texas at Austin

ย่านติดกับดาวน์ทาวน์ไปทางเหนือ เลยที่ทำการรัฐบาล Texas State Capitol ไปอีกหน่อย เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย University of Texas at Austin หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “UT”

University of Texas at Austin เป็นมหาวิทยาลัยใหญ่อันดับ 7 ของสหรัฐอเมริกาในแง่จำนวนนักศึกษา (ปีละ 5 หมื่นคน) ตัวแคมปัสมีขนาดกว้างมาก ด้วยขนาดที่ใหญ่มหึมา ส่งผลให้ออสตินกลายเป็นเมืองนักศึกษาไปโดยปริยาย เมืองเลยมีแต่วัยรุ่นและวัฒนธรรมป๊อปกันซะมาก

ตัวแคมปัสของ UT ก็ถือว่ามีความสวยโดดเด่นไม่แพ้ใคร ใช้สถาปัตยกรรมออกแนวๆ กรีกโรมัน ลักษณะเดียวกับมหาวิทยาลัยสาย Ivy League ที่คนไทยรู้จักกันดี ถ้าใครอยากลองไปเดินๆ ที่ UT ดู อาจใช้วิธีนั่งรถบัสจากในตัวเมืองไปได้ (ผู้เขียนนั่งรถบัสไปมหาลัยแล้วขากลับเดินเอา)

สัญลักษณ์สำคัญของ UT คือหอนาฬิกาขนาดใหญ่ เด่นเป็นสง่า

University of Texas at Austin

มหาวิทยาลัยจะอยู่ถัดจาก Texas State Capitol ไปไม่ไกลนัก อยู่ในระยะที่เดินได้เลย

University of Texas at Austin

บรรยากาศสวยร่มรื่น ถ้าอากาศดีก็เดินชมมหาวิทยาลัยได้สบายๆ ตัวอาคารก็ดูสวยงามดี

University of Texas at Austin

University of Texas at Austin

University of Texas at Austin

ในพื้นที่ของ UT ยังมีสนามกีฬาขนาดใหญ่คือ สนามอเมริกันฟุตบอล Darrell K. Royal–Texas Memorial Stadium ซึ่งเป็นสนามทีมเหย้าของ Texas Longhorns ทีมอเมริกันฟุตบอลระดับวิทยาลัย (college football) ที่ประสบความสำเร็จมากทีมหนึ่งของสหรัฐอเมริกา แค่สนามก็จุผู้ชมได้ 1 แสนคนแล้ว ลองคิดดูว่าวันที่เป็น game day คนจะเยอะขนาดไหน

Darrell K Royal–Texas Memorial Stadium
Darrell K. Royal–Texas Memorial Stadium

Bullock Texas State History Museum

สำหรับคนที่ชอบเดินพิพิธภัณฑ์ ขอแนะนำ Bullock Texas State History Museum พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของรัฐเท็กซัส ซึ่งอยู่หน้ามหาวิทยาลัย UT ห่างไปเพียงข้ามถนนหนึ่งครั้ง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของรัฐเท็กซัส ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเม็กซิโก และเคยเป็นประเทศเอกราช (Republic of Texas) อยู่สั้นๆ ประมาณ 10 ปี ก่อนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา (ชื่อพิพิธภัณฑ์ตั้งตาม Bob Bullock นักการเมืองของเท็กซัสผู้ผลักดันให้ตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้)

Bullock Texas State History Museum

พิพิธภัณฑ์เปิด 9:00-17:00 เป็นประจำทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์จะเปิด 12:00-17:00 แทน ภายในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์มีโรงหนัง IMAX ที่ฉายหนังปกติทั่วไปด้วย แต่ถ้าเรามาดูพิพิธภัณฑ์อย่างเดียว ก็ไม่ต้องเสียเงินส่วนค่าโรงหนัง เฉพาะค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ ตั๋วราคา 13 ดอลลาร์ รายละเอียดดูได้จากเว็บไซต์

ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ยังมี “ดาว” ขนาดยักษ์ตั้งอยู่ด้วย เพราะสัญลักษณ์ของเท็กซัสคือ “ดาวหนึ่งดวง” (ในธงประจำรัฐก็เป็นรูปดาวดวงเดียว) ส่งผลให้รัฐเท็กซัสมีชื่อเล่นว่า Lone Star State (รัฐหนึ่งดาว)

Bullock Texas State History Museum

บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ มีทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้น 2-3 เป็นนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับประวัติของรัฐเท็กซัส ส่วนชั้น 1 เป็นนิทรรศการเวียน ตอนที่ไปนี้เป็นเรื่องของ “นาซีเยอรมัน” ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง

การจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับโดดเด่นระดับโลกชนิดว่าต้องดั้นด้นมาเยือน แต่ก็คุ้มค่าตั๋ว 13 ดอลลาร์ (แถมมีห้องน้ำสะอาด แอร์เย็น น้ำดื่มให้เติม เก้าอี้นั่งพักผ่อน)

Bullock Texas State History Museum

ประวัติศาสตร์โดยย่อของเท็กซัสคือในอดีตเป็นพื้นที่ของประเทศเม็กซิโก (มาจากคำว่า “เทคัส” Tejas ในภาษาอินเดียแดงท้องถิ่น) แต่ก็เป็นพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวงของเม็กซิโกมากจนถูกทอดทิ้ง ภายหลังเมื่อเกิดความขัดแย้ง ทางประชากรท้องถิ่นจึงแยกตัวออกมาตั้งเป็นประเทศอิสระ ก่อนจะไปไม่รอดและขอรวมเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

ดังนั้นประวัติศาสตร์ช่วงแรกของเท็กซัสจะเต็มไปด้วยสงครามและความขัดแย้ง โดยมีฮีโร่คือ Sam Houston ผู้ก่อตั้งประเทศ ผู้นำการประกาศอิสรภาพ และประธานาธิบดีคนแรกของเท็กซัส (เมือง Houston จึงตั้งชื่อเป็นเกียรติให้กับเขา)

ส่วนเมือง Austin ก็ตั้งชื่อตาม Stephen F. Austin เจ้าที่ดินคนแรกของ Texas สมัยเริ่มอาณานิคม ช่วงที่เริ่มย้ายคนขาวอพยพเข้ามาอยู่อาศัย หักร้างถางพง ก่อนจะแยกตัวออกมาจากเม็กซิโก

Texas History Map

หลังเท็กซัสเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐได้ไม่นาน ก็เกิดสงครามกลางเมืองอเมริกาขึ้น (American Civil War) โดยเท็กซัสอยู่กับฝ่ายใต้ที่สนับสนุนให้มีทาส เมื่อฝ่ายใต้แพ้สงครามให้กับฝ่ายเหนือ ยุคถัดมาก็เป็นการสร้างระบบเศรษฐกิจของฝ่ายใต้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง (แม้เท็กซัสจะไม่ใช่พื้นที่สมรภูมิหลักที่มีการรบ แต่ก็มีความเสียหายบ้าง) และการฟื้นฟูก็สำเร็จลุล่วงด้วยการจัดเทศกาลเฉลิมฉลอง World Expo ในโอกาสครบรอบ 100 ปีของเท็กซัส (Centennial Exposition)

Bullock Texas State History Museum

เศรษฐกิจของเท็กซัสช่วงแรกอยู่ด้วยการเลี้ยงปศุสัตว์และการเกษตร แต่เมื่อภายหลังค้นพบน้ำมัน ก็ทำให้เศรษฐกิจของเท็กซัสเปลี่ยนไป กลายเป็นรัฐที่ร่ำรวยจากน้ำมันแทน พวกบริษัทน้ำมันชื่อดังทั้งหลาย ก็ล้วนแต่มีจุดกำเนิดมาจากเท็กซัสทั้งนั้น

ช่วงหลายสิบปีให้หลัง เท็กซัสก็เข้าสู่โลกเทคโนโลยี ด้วยการเป็นจุดผลิตอาวุธสำคัญในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากนี้ก็ยังมีบทบาทสูงในยุคอวกาศ เพราะศูนย์ควบคุมของ NASA ตั้งอยู่ที่เมือง Houston และเท็กซัสก็ยังมีบริษัทไอทีหลายรายตั้งอยู่ เช่น Texas Instrument, Compaq และ Dell (Michael Dell เป็นศิษย์เก่า UT)

Bullock Texas State History Museum

สิ่งของที่น่าสนใจของ Bullock Museum คืออนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ Goddess of Liberty ที่อยู่บนยอดโดมของ Texas State Capitol โดยอนุสาวรีย์ต้นฉบับ ผ่านแดดผ่านฝนมามากจนทรุดโทรม เลยถูกนำมาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์แทน ส่วนเทพีที่ตั้งอยู่บนยอดโดมในปัจจุบันคือองค์ใหม่ที่สร้างขึ้นมาทีหลัง

สังเกตว่า Goddess of Liberty ที่นี่จะถือ “ดาว” ตามสัญลักษณ์ Lone Star State นั่นเอง

Goddess of Liberty

Austin Bats

สถานที่ท่องเที่ยวแปลกๆ อีกอย่างของเมืองออสตินคือ “ค้างคาว” ครับ จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ ค้างคาวจำนวนมหาศาลมาอาศัยอยู่ใต้สะพาน Congress Avenue Bridge ข้ามแม่น้ำ Colorado จนกลายเป็น “จุดชมค้างคาว” ที่มีชื่อเสียง เพราะช่วงเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะตก ค้างคาวจำนวนมากจะบินออกหากินจากรังใต้สะพาน เป็น “เมฆสีดำ” ที่แปลกตาและหาดูได้ยาก (ที่สำคัญคือมันอยู่กลางเมือง)

สะพาน Congress Avenue Bridge ตั้งอยู่กลางเมืองเลย เพราะเป็นสะพานที่ต่อจากถนน Congress Avenue ที่ตัดผ่านจากหน้า State Capitol ข้ามแม่น้ำไปยังฝั่งใต้ของเมือง จุดชมค้างคาวจะอยู่ที่ฝั่งใต้ของสะพาน ซึ่งช่วงเย็นๆ ก็จะมีนักท่องเที่ยวมากมายมารอดูค้างคาวอยู่ทั้งบนสะพาน ใต้สะพาน รวมถึงบางกลุ่มที่ลงทุนล่องเรือ พายเรือมาดูกันอีกต่างหาก

Austin Congress Bridge

น่าเสียดายว่า ค้างคาวเมืองออสตินไม่ได้มีให้ดูทั้งปีครับ จะมีถึงประมาณช่วงต้นเดือนตุลาคมเท่านั้น เพราะอากาศจะเริ่มหนาว แล้วค้างคาวจะย้ายถิ่นฐานหนีหนาวไปที่เม็กซิโกกันหมด วันที่ผู้เขียนไปเป็นช่วงปลายเดือนตุลาคม คนนับร้อยรอกันจนมืดค่ำก็ไม่เห็นค้างคาวแม้แต่เงา วืดกันไปหมด (วันถัดมา เจอกับคนออสติน เขาอธิบายว่าก่อนหน้านั้นอากาศหนาวมาช่วงหนึ่งแล้ว ค้างคาวเลยหนีไปหมด ก่อนจะกลับมาอากาศร้อนใหม่อีกครั้ง)

เพื่อให้ได้บรรยากาศ ก็ดูคลิปของคนอื่นใน YouTube แทนละกันครับ ใครสนใจจะไปก็ลองหาดูด้วยคำว่า “Austin Bats”

นอนที่ไหนดี?

ผู้เขียนมีโอกาสนอนที่โรงแรม Kimpton Van Zandt Hotel ซึ่งอยู่ด้านใต้ของศูนย์ประชุม Austin Convention Center ในแง่การเดินทางมาศูนย์ประชุมก็สะดวก เพราะเดินข้ามถนนมาทีเดียวก็เจอศูนย์ประชุมแล้ว แต่ถ้าไม่ได้มาประชุมสัมมนา คิดว่าโรงแรมนี้อยู่ห่างจากพื้นที่หลักของดาวน์ทาวน์ไปหน่อย และแถบโรงแรมแทบไม่มีอะไรให้กินเท่าไรนัก (ร้านสะดวกซื้อก็ไม่มี)

ดังนั้นถ้าตั้งใจมาเที่ยวหรือมาทำอย่างอื่น คิดว่าเลือกโรงแรมที่อยู่ในย่านใจกลางดาวน์ทาวน์หน่อย น่าจะสะดวกกว่าครับ อันนี้ให้ไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่จะต้องเลือกจองโรงแรมในออสติน

กินอะไรดีในออสติน? รู้จักอาหารท้องถิ่นของเท็กซัส

เนื่องจากทริปที่ไปครั้งนี้เป็น business trip เลยได้กินอยู่แต่ที่โรงแรมและศูนย์ประชุมเป็นหลัก มีโอกาสมากินอาหารท้องถิ่นน้อยมาก ได้กินเพียงร้านเดียวเท่านั้น

อาหารท้องถิ่นของเท็กซัสที่มีชื่อเสียงคือพวกบาร์บีคิว เบอร์เกอร์ ตามสไตล์เมืองคาวบอยแต่เดิม แต่จานที่คนเท็กซัสถือว่าเป็นอาหารประจำถิ่นอย่างเป็นทางการคือ Texas Chili หรือบ้างก็เรียกว่า Chili con carne

โดยหลักแล้ว Texas Chili คือ “สตูเนื้อ” ที่ใส่พริกแบบเม็กซิกันเข้าไป เน้นรสชาติเผ็ดๆ แสบๆ หน่อย ซึ่งคนท้องถิ่นก็จะอวดกันว่ากิน Chili ได้เผ็ดถึงระดับไหน (แต่เผ็ดระดับนี้คนไทยกินได้สบายมากครับ)

ร้านที่มีโอกาสไปกินชื่อ Texas Chili Parlor เป็นร้านยอดฮิตของคนท้องถิ่น (ได้คะแนนใน Yelp สูงมาก) อยู่ไม่ไกลจาก Bullock Museum และ Texas State Capitol

texas chili parlor

บรรยากาศในร้านจะเป็นแนวผับมืดๆ หน่อย (แต่เราไปกินมื้อเที่ยงนะ) พนักงานอัธยาศัยดี ช่วยแนะนำให้ว่าควรสั่งอะไรบ้าง ราคาก็ถูกเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ด้วย

texas chili parlor

หน้าตาของ Texas Chili จะเป็นเช่นนี้ ในวงการอาหารมีการถกเถียงกันมาตลอดว่าควรใส่ “ถั่ว” หรือไม่ ซึ่งสูตรของ Texas ของแท้จะไม่ใส่ถั่วนะ (แต่มาร้านนี้จะใส่ถั่วก็ได้ พนักงานก็แนะนำว่ากินสูตรปกติไปเถิด) เวลาสั่งแล้ว พนักงานเสิร์ฟจะนำแคร็กเกอร์มาวางให้อีกกระจาด เพราะต้องกินคู่กัน (แคร็กเกอร์กินได้ไม่อั้น) โดยมีหัวหอมทำแบบอาจาดมาให้กินตัดเลี่ยน

กินแล้วก็ถือว่าแปลกๆ ดี รสชาติออกเผ็ดๆ เนื้อๆ แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่อาหารที่คนไทยชอบสักเท่าไรนักครับ กินเพื่อรู้ว่ามันเป็นอย่างไรครั้งเดียวก็น่าจะพอ (ฮา)

Texas Chili

ขอปิดท้ายบทความพาเที่ยวเมืองออสติน ด้วยร้านดังคนต่อคิวเยอะ ที่ไม่มีโอกาสได้กิน นั่นคือร้านบาร์บีคิวปิ้งย่างต้นฉบับเท็กซัสชื่อว่า Salt Lick มีสาขาอยู่ในสนามบิน Austin Bergstrom ด้วย ร้านนี้คิวยาวเหยียด อ่านรีวิวดูแล้วก็คะแนนสูง แต่เสียดายมากว่าผู้เขียนดันกินข้าวไปก่อนแล้วเลยไม่มีท้องเหลือกินตอนขากลับรอบินออกจากเมืองออสติน ใครที่มีโอกาสแวะเวียนไปก็อย่าพลาด เตรียมท้องเผื่อไปลองกันด้วย

salt-lick

สุดท้ายก็ขอให้ทุกท่านสนุกกับการไปเมืองออสติน และหวังว่ารีวิวการเที่ยวเมืองออสตินบทความนี้ จะมีประโยชน์ช่วยให้วางแผนการท่องเที่ยวได้ดีขึ้นนะครับ