วิธีไปสวนสนุก Fuji-Q Highland แบบคุ้มค่า-คุ้มเวลา-ต่อคิวน้อย-ได้เล่นเยอะ

Fuji-Q Highland เป็นสวนสนุกชื่อดังของญี่ปุ่น ที่มีเครื่องเล่นเอาใจคนชอบความหวาดเสียวมากมาย บางเครื่องได้รับการันตีว่ามีความท้าทายติดอันดับโลก (ดูเครื่องเล่นทั้งหมดได้ ที่นี่) จึงไม่แปลกที่จะมีผู้เข้าไปเล่นในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ทั้งคนญี่ปุ่นเอง และคนต่างชาติแบบเราๆ นั่นเอง (บางเครื่องต้องต่อคิวรอ 1-2 ชั่วโมง และนานสุด 3 ชั่วโมงก็เคยมี)

อย่างไรก็ดี วิธีบริหารเวลาในสวนสนุก Fuji-Q แบบคุ้มค่า คุ้มเวลา ต่อคิวน้อย ได้เล่นเยอะ ก็ยังพอมีอยู่ จากที่ไปมาด้วยตัวเอง ได้เล่นเครื่องเล่นทั้งหมด 9 เครื่อง (10 ครั้ง) ใช้เวลาตั้งแต่ 9.30 น. – 15.45 น. โดยใช้เทคนิคดังต่อไปนี้

1) ไปตั้งแต่สวนสนุกยังไม่เปิด

หากนอนค้างที่ทะเลสาบ Kawakuchiko อยู่แล้ว คงไม่ยากถ้าจะเดินทางมา Fuji-Q Highland ก่อนเวลาเปิด แต่หากนอนค้างที่อื่น เช่น โตเกียว ควรจะวางแผนแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มาถึงได้ก่อนเวลาสวนสนุกเปิด

หากเดินทางจากโตเกียว แนะนำการเดินทางด้วยรถบัสที่ขึ้นจากชินจูกุ (สามารถจองล่วงหน้าได้ ที่นี่) รอบที่ดีที่สุดในการเดินทางคือ 7.10 น. ซึ่งจะไปถึง Fuji-Q Highland เวลา 8.50 น. (เวลาเปิดสวนสนุกไม่แน่นอน ลองสอบถามจากที่จองตั๋วรถบัส)

อนึ่งหากจองตั๋วบัสไปกลับ สามารถซื้อ pass เข้า Fuji-Q Highland ในราคาถูกกว่าปกติ 6,700 เยนด้วย

เหตุผลที่ต้องไปก่อนสวนสนุกเปิดเพราะจะได้ต่อคิวซื้อตั๋วเข้าได้เป็นคนแรกๆ (ต่อให้มี pass จากรถบัสแล้ว ก็ต้องไปเปลี่ยนเป็นตั๋วจริงที่เคาน์เตอร์อยู่ดี)

ตั๋วเข้า Fuji-Q Highland

2) เมื่อสวนสนุกเปิด จงวิ่งไปซื้อบัตร Free Pass

บัตร Free Pass เป็นบัตรที่ทำให้เราไม่ต้องต่อคิวยาวๆ แต่เป็นบัตรที่ราคาค่อนข้างสูงอยู่ (เครื่องละ 1,000 เยน และใช้ได้แค่ครั้งเดียว) ดังนั้น เพื่อความประหยัด ควรซื้อเฉพาะเครื่องที่เป็นเครื่องเล่นตัวท็อป ได้แก่ Eejanaika, Dodonpa, Takabisha และ Fujiyama หรือถ้ามีงบมากกว่านั้นจะซื้อหลายใบก็จัดไป แต่หนึ่งคนซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 9 ใบ และบัตรมีจำนวนจำกัดในหนึ่งวัน จึงต้องรีบวิ่งไปซื้อตั้งแต่สวนสนุกเปิด

จุดซื้อบัตร Free Pass จะอยู่ในกลางสวนสนุก ถ้าเข้ามาทางประตู 1 ให้วิ่งตรงมาแล้วมองด้านขวา บูธที่ซื้อตั๋วจะมีหน้าตาเป็นแบบนี้

หน้าตาจุดขายตั๋ว Free Pass
หน้าตาจุดขายตั๋ว Free Pass

บัตร Free Pass จะทำให้การต่อคิวจาก 1-3 ชั่วโมง เป็นการต่อคิวประมาณ 10 นาทีใสๆ กันเลยทีเดียว

3) วางแผนลำดับการเล่นให้ดี

เมื่อรู้แล้วว่าจะใช้บัตร Free Pass กับเครื่องเล่นไหน ก็วางแผนไปตั้งแต่เนิ่นๆ ว่า อยากจะเล่นเครื่องเล่นอะไรบ้างตามลำดับ (แน่นอนว่าควรเล่นเครื่องที่หวาดเสียวจากน้อยไปหามาก) เพื่อที่จะได้เก็บแต้มเครื่องเล่นให้มากที่สุด

ตัวอย่างลำดับการเล่นเครื่องเล่นของผู้เขียน

เผื่อใครอยากทราบ ผู้เขียนใช้เวลาตั้งแต่ 9.30 – 16.00 น. เล่นเครื่องเล่นได้ 9 เครื่องเล่น รวม 10 ครั้ง ดังต่อไปนี้

mad mouse –> panic clock –> red tower –> hamtaro –> takabisha (ใช้ Free Pass) –> takabisha (เข้าคิวราวๆ 1 ชั่วโมง) –> eejanaika (ใช้ Free Pass) –> dodonpa (ใช้ Free Pass) –> wave swinger –> Tondomenia (วันที่ไป เครื่องเล่น Fujiyama ปิดช่วงบ่าย น่าเสียดายมาก)

4) ใช้เว็บพยากรณ์จำนวนคนเล่นสวนสนุกในวันนั้นๆ

เว็บที่ว่าคือ http://fujiq-fan.com/ เป็นเว็บที่เอาไว้พยากรณ์คนเข้าสวนสนุกคร่าวๆ (ตารางฝั่งซ้ายมือจะเริ่มด้วยวันอาทิตย์ – วันเสาร์) ซึ่งจะเห็นว่าวันเสาร์-อาทิตย์จะเป็นวันที่คนหนาแน่นพอสมควร ก็ควรเลี่ยงไปวันธรรมดา

อนึ่งควรวางแผนเช็คสภาพอากาศด้วย เพราะวันที่สภาพอากาศไม่ปกติ (ฝนตก, มีเมฆมาก, ลมแรง) เครื่องเล่นบางเครื่องจะปิดทำการ

หวังว่าแผนที่เขียนไปนี้ จะช่วยทำให้เล่นเครื่องเล่นใน Fuji-Q Highland ได้เยอะขึ้นนะ 😀

เครื่องเล่นที่แนะนำสำหรับคนชอบความเร้าใจ
บรรยากาศตอนกลางคืนสวยงามมาก