เที่ยวอุทยานพลิตวิเซ่ (Plitvice) สุดยอดทะเลสาบแห่งโครเอเชีย

2Baht.com ขอนำท่านผู้อ่านไปเที่ยว “อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่” (Plitvice Lakes National Park หรือภาษาโครแอทเรียก Plitvička) อุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศโครเอเชีย ได้เป็นมรดกโลกในปี 1979 และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวมาชมมากกว่าปีละ 1 ล้านคน

จุดเด่นของพลิตวิเซ่คือ “ทะเลสาบ” ที่มีจำนวนทั้งหมด 16 แห่ง ทะเลสาบทุกแห่งต่อเชื่อมกัน และเนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาที่มีระดับสูงไม่เท่ากัน ทะเลสาบย่อยๆ จึงวางตัวลดหลั่นกันตามไหล่เขา น้ำที่ไหลไปมาระหว่างทะเลสาบจึงกลายเป็นน้ำตกใหญ่น้อยสวยงามมาก สีของน้ำในทะเลสาบแต่ละแห่งของพลิตวิเซ่ยังแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ ช่วงฤดู และช่วงเวลาในแต่ละวัน ทั้งน้ำสีเขียว ฟ้า คราม เทา สะท้อนแร่ธาตุและสิ่งมีชีวิตภายในลำน้ำแต่ละช่วง

พลิตวิเซ่เป็นอุทยานที่มาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และบรรยากาศจะแตกต่างกันไปตามช่วงฤดู โดยฤดูร้อนของฝรั่งจะมีนักท่องเที่ยวมากที่สุด แต่ฤดูหนาวหรือฤดูใบไม้ร่วงก็มีจุดเด่นไม่แพ้กัน ถ้าไปจังหวะที่อากาศหนาวมากๆ เราก็จะเห็นทั้งหิมะและน้ำตกกลายเป็นน้ำแข็งสวยงามไม่แพ้ช่วงอื่น

คลิปแนะนำ Plitvice โดยสถานีทีวี NHK

ทำเลที่ตั้ง

จากที่เราเคยเกริ่นไปแล้วใน บทความแนะนำประเทศโครเอเชีย ว่าโครเอเชียแบ่งออกเป็นตอนบนที่เป็นภูเขา มีภูมิประเทศแบบยุโรปภาคพื้นทวีป และตอนล่างที่เป็นที่ราบแคบๆ ริมทะเล มีสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน

อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่อยู่กึ่งกลางระหว่างสองภูมิภาคนี้ (แต่สภาพภูมิประเทศค่อนไปทางตอนบนมากกว่า) โดยตั้งอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างสองมณฑลตอนกลางประเทศคือ Lika-Senj County และ Karlovac County และอยู่ติดกับชายแดนทางตะวันออกที่เชื่อมกับประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวินา

ประเทศโครเอเชียมีทางหลวงเส้นสำคัญที่เชื่อมระหว่างภาคเหนือกับภาคใต้ชื่อว่า A1 มีจุดเริ่มต้นที่เมืองหลวงซาเกร็บ (Zagreb) ทางตอนเหนือ และเมืองใหญ่อันดับสอง สปลิท (Split) ทางตอนใต้ ซึ่งทางหลวง A1 จะต้องตัดผ่านอุทยานแห่งนี้ด้วย

การเดินทาง

การเดินทางมายังทะเลสาบพลิตวิเซ่อาจลำบากอยู่บ้าง เพราะบริเวณใกล้ๆ อุทยานไม่มีสนามบินเลย ต้องบินไปลงเมืองหลวงซาเกร็บ หรือเมืองใหญ่ที่อยู่ใต้ทะเลสาบอย่างเมือง Zadar แล้วนั่งรถบัสมา (ตัวอย่างตารางเวลารถบัสตามภาพ) หรือถ้ามากันเป็นกรุ๊ปก็สามารถซื้อทัวร์ท้องถิ่นหรือทัวร์แบบไปกลับวันเดียวได้ (เนื่องจากเราเดินทางกับกรุ๊ปทัวร์ เลยไม่ได้มีประสบการณ์ตรงนี้โดยตรง)

อย่างไรก็ตาม พื้นที่รอบทะเลสาบพลิตวิเซ่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ถ้าเป็นสายเทร็กกิ้งเดินป่ากันจริงจังก็ต้องใช้เวลาทั้งวัน (ขนาดเรามาแบบทัวริสต์ เดินเส้นทางสั้นที่สุดยังต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง) ดังนั้นวางแผนค้างคืนที่พลิตวิเซ่จะดีกว่า โรงแรมของอุทยานเองก็มีเพียบ หรือจะตั้งแคมป์ก็ได้เช่นกัน

ค่าเข้าชมอุทยานแปรผันตามฤดูกาล เพราะคนเข้ามากน้อยแตกต่างกัน ขอหยิบค่าเข้าชมของผู้ใหญ่ (Adult) แบบเข้าคนเดียว มาให้ดูพอเห็นภาพ ดังนี้

• ช่วงฤดูร้อน คนเยอะที่สุด (1 ก.ค.-31 ส.ค.) ค่าบัตร 180 คูนา (ประมาณ 900 บาท)
• ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (1 เม.ย.-30 มิ.ย.) ใบไม้ร่วง (1 ก.ย.-31 ต.ค.) ค่าบัตร 110 คูนา (ประมาณ 550 บาท)
• ช่วงฤดูหนาว (1 พ.ย.-31 มี.ค.) ค่าบัตร 55 คูนา (ประมาณ 280 บาท)

รายละเอียดของค่าตั๋วและเวลาเปิดปิด ดูได้จาก เว็บไซต์ของ Plitvice National Park

ตารางรถบัสระหว่างอุทยาน Plitvice ไปทางใต้ (Zadar, Sibenik, Split) และไปทางเหนือ (เมืองหลวง Zagreb)

แผนที่ภายในอุทยานพลิตวิเซ่

ตัวพื้นที่ของอุทยานถือว่ากว้างใหญ่มาก แต่จุดสำคัญจริงๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องไปเดินชมก็คือบริเวณทะเลสาบทั้ง 16 (ซึ่งก็ยังใหญ่อยู่ดี) ทะเลสาบแบ่งออกเป็นสองช่วงคือ ทะเลสาบตอนบน (Upper Lakes) มีทะเลสาบย่อยทั้งหมด 12 ทะเล และทะเลสาบตอนล่าง (Lower Lakes) มีทะเลสาบย่อยอีก 4 ทะเล

แน่นอนว่าแค่เดินริมทะเลสาบเดียวก็เหนื่อยแล้ว และถึงแม้ว่าทางอุทยานจะทำทางเดินไว้ดีมาก แต่มันก็ไกลอยู่ดี ดังนั้นในบางจุดจึงต้องมี “ตัวช่วย” เป็นเรือโดยสารข้ามทะเลสาบกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดคือ Kozjak ที่มีขนาดใหญ่ถึง 0.81 ตารางกิโลเมตร

ถนนสายหลักของพลิตวิเซ่ (ซึ่งก็คือทางหลวง A1) จะอยู่ฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ ตัวอุทยานมีทางเข้าสองฝั่ง จากภาพด้านล่างคือหมายเลข 1 (Entrance 1) และหมายเลข 4 (Entrance 2)

คณะของเราเข้าประตูฝั่ง Entrance 1 แล้วเดินลัดเลาะริมทะเลสาบช่วง Lower Lakes ไปเรื่อยๆ แวะชมน้ำตกยักษ์ Big Waterfall ที่หมายเลข 2 แล้วเดินต่อไปยังท่าเรือหมายเลข 3 (ในป้ายของอุทยานจะเรียกท่า P3) และนั่งเรือข้ามฟากกลับมาออกที่ Entrance 2 (หมายเลข 4) ซึ่งเป็นย่านรวมโรงแรมที่พักของอุทยานแห่งนี้ (เรารับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ด้วย)

ถ้าดูจากแผนที่อย่างละเอียดของอุทยาน เราเริ่มจาก Entrance 1 ที่ฝั่งขวามือ เดินตามทางสีชมพูหมายเลข 2 ในภาพด้านล่าง แวะไปดู Big Waterfall นิดหน่อย (เส้นเบอร์ 4) แล้วกลับมาเดินเส้นทางหมายเลข 2 ต่อด้วยเส้นเบอร์ 7 มายังท่าเรือ P3

แผนที่ครึ่งซ้ายมือต่อจากแผนที่ข้างบน เรานั่งเรือจากท่า P3 มายังท่า P1 แล้วเดินขึ้นมาเล็กน้อยที่บริเวณ Hotel Jezero ก่อนเดินทางกลับ

เสียดายว่าช่วงที่เราไปอากาศค่อนข้างหนาวแล้ว (ก่อนวันสิ้นปี) ทำให้ทะเลสาบช่วง Upper Lakes ไม่เปิดบริการแก่นักท่องเที่ยว อันนี้น่าเสียดายเหมือนกัน ถ้าใครมีแผนจะไปเที่ยวตามนี้ก็อาจต้องเช็คเรื่องสภาพอากาศด้วย

ว่าแล้วก็ไปลุยกันเลย เริ่มต้นจาก Entrance 1 หน้าตาดังภาพ ตั๋วก็ซื้อได้ที่หน้าทางเข้าเลย ถึงแม้อากาศจะหนาวแต่นักท่องเที่ยวก็ยังเพียบ

อุทยานพลิตวิเซ่ได้เข้าทำเนียบมรดกโลกของ UNESCO ด้วย ด้านหน้าเลยมีสัญลักษณ์ของ UNESCO ตั้งไว้

หน้าตาของตั๋วเข้าอุทยาน ซื้อตั๋วแล้วเก็บไว้ดีๆ ด้วยเพราะต้องใช้ตั๋วนี้ขึ้นเรือ

เส้นทางเดินของ Plitvice มีหลายรูทให้เลือก มีตั้งแต่ง่ายไปยาก แบบง่ายที่สุดคือแบบ A ใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมง แบบยากที่สุดคือแบบ K ให้เวลา 6-8 ชั่วโมง เดินกันแบบฟูลคอร์ส 18 กิโลเมตร ระหว่างทางจะมีป้ายบอกไว้ว่าเป็นเส้นทางเดินของรูทไหนบ้าง

Lower Lakes

จาก Entrance 1 เดินเข้าไปจะเจอทะเลสาบช่วง Lower Lakes ซึ่งเป็นจุดต่ำที่สุดของอุทยานทันที ตรงนี้จะเป็นหน้าผาทางชันที่ต้องค่อยๆ เดินลงไปชมทะเลสาบอย่างใกล้ชิด เส้นทางเดินเป็นทางลาดเดินได้สบายๆ ทำไว้ดีมาก ผู้สูงอายุก็สามารถเดินได้ (แต่ถ้าไปช่วงคนเยอะๆ อาจเดินลำบากอยู่บ้างเพราะทางแคบและติดคนข้างหน้าหยุดถ่ายรูป)

ระหว่างทางเดินลงไป Lower Lakes ก็จะเห็นวิวที่สวยงามดังภาพ น้ำตกที่สูงๆ อันนั้นคือ Big Waterfall ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลิตวิเซ่ด้วย (ช่วงที่มาน้ำไม่ค่อยเยอะเท่าไร)

ระหว่างที่เราค่อยๆ ไต่ลงไปก็ชมทัศนียภาพสวยงาม จากภาพด้านล่างจะเห็นน้ำในทะเลสาบสีเขียว เมื่อบวกกับน้ำตกเป็นพื้นหลัง บรรยากาศหมอกจัด อากาศเย็นสบาย อารมณ์คล้ายกับเมือง Rivendell ของพวกเอลฟ์ในหนังเรื่อง Lord of the Rings อยู่พอตัวเลยล่ะ

ภูเขาหินที่นี่มีลักษณะเป็นหินปูน และเมื่อสภาพของน้ำมาเจอกับภูเขาที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ เมื่อบวกกับพวกแร่ธาตุ ตะกอน อินทรียสาร รวมถึงพวกพืชที่ลอยน้ำมา ทำให้เกิดสภาพเป็นเขื่อนธรรมชาติระหว่างทะเลสาบแต่ละชั้น พอน้ำไหลผ่านก็ดูแปลกตา สวยงาม

เมื่อเราเดินลงมาถึงชั้นล่างสุดแล้ว ทางอุทยานจะทำสะพานไม้ให้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ทางเดินพวกนี้ซ่อมบำรุงอย่างดีไม่มีอันตรายใดๆ (มีอยู่จุดนึงเราเดินผ่าน ยังมีกองไม้ใหม่ๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่มาเลื่อยเอาไว้เตรียมรอซ่อมสะพานด้วยซ้ำ) ถ้ามาช่วงหน้าน้ำเยอะๆ อาจต้องเตรียมรองเท้ามาดีๆ เพราะน้ำอาจสูงเท่าระดับสะพานเลยด้วยซ้ำ

อันนี้เราข้ามมาอีกฟากของทะเลสาบแล้ว มองกลับไปบนผาฝั่งตรงข้ามจะเห็นทางเดินที่เราเดินลงมาจาก Entrance 1

น้ำตกยักษ์หรือ Big Waterfall จะต้องเดินเข้าทางแยกไปอีกนิดหน่อย ไม่ไกล มีป้ายบอกทางตลอด

ดูน้ำตก Big Waterfall เสร็จแล้วก็เดินย้อนกลับมาทางเดิม ลัดเลาะตามริมทะเลสาบไปเรื่อย

สัมผัสน้ำตกแบบใกล้ชิด อลังการมาก

ใครชอบบรรยากาศแบบนี้ต้องบอกเลยว่าห้ามพลาด มีเยอะมากๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ดูกันให้เบื่อไปข้างเลย

ทางเดินข้ามกลางน้ำแบบนี้ก็มีนะ

จุดพักผ่อนริมทาง ช่วงที่ไปอากาศค่อนข้างเย็น (ประมาณ 1-3 องศา ช่วงก่อนวันปีใหม่) ดังนั้นเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อม หมวกไหมพรมปิดหูและถุงมือเป็นสิ่งสำคัญมาก

พอเราเดินตามทางมาเรื่อยๆ ถึงจุดหมายเลข 3 ในแผนที่ข้างต้น จะเป็นทะเลสาบใหญ่ที่สุดของ Plitvice ชื่อว่า Kozjak Jezero (Jezero แปลว่า “ทะเลสาบ”) จุดนี้เป็นท่าเรือสำหรับข้ามฟาก มีห้องน้ำ ร้านอาหาร ร้านกาแฟให้บริการ

เรือข้ามฟากจะมีบริการเป็นระยะ (ความถี่อาจขึ้นกับฤดูกาลและจำนวนนักท่องเที่ยว) เรือหนึ่งลำบรรทุกผู้โดยสารได้ 100 คนถ้วน และต้องย้ำว่าคนรอคิวขึ้นเรือเยอะมาก ถ้าคิวยาว โอกาสไม่ทันเรือลำแรกก็มีสูง ดังนั้นวางแผนและคำนวณเวลากันดีๆ

ตามปกติแล้ว เรือจะวนไปส่งที่ท่าเรือของฝั่ง Upper Lakes ก่อน แต่วันที่เราไป โซน Upper Lakes ปิดทำการ เรือจึงข้ามมาส่งที่ท่าของฝั่ง Entrance 2 เลย เดินขึ้นเขาไปอีกนิดเดียวก็จะถึงทางเข้า Entrance 2 แล้ว

ภาพด้านล่างถ่ายจากท่าเรือฝั่ง Entrance 2 จะเห็นว่าภูเขาฝั่งตรงข้ามมีน้ำแข็งเกาะต้นไม้แล้ว (หิมะยังไม่ตก)

บริเวณแถบ Entrance 2 เป็นดงป่าสนที่มีโรงแรมหรูหราแทรกตัวอยู่หลายตึก บริการมาตรฐานอย่างดี โรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดชื่อว่า Jezero Hotel (โรงแรมทะเลสาบ)

เราแวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหาร Poljana ซึ่งมีทั้งอาหารจานด่วน และร้านอาหารแบบมีบริกรเสิร์ฟ เผอิญไปถึงเร็ว คนยังน้อยอยู่สักหน่อย

อาหารเที่ยงเป็นปลาเทราต์ย่าง อร่อยมากเลยทีเดียว

สรุปแล้ว Plitvice เป็นอุทยานที่โดดเด่นระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ใครที่ชอบการท่องเที่ยวแนวสัมผัสธรรมชาติไม่ควรพลาด (และสมควรจัดเต็มเดินให้ทั่วๆ) ส่วนใครที่เฉยๆ กับการเดินป่าก็ควรมาลองดูสักเล็กน้อย รับรองไม่ผิดหวัง

การเดินทางมา Plitvice อาจยากสักนิดแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังคือต้องเลือกฤดูกาลที่มาท่องเที่ยวให้ดีๆ หลีกเลี่ยงช่วงคนเยอะๆ ได้น่าจะช่วยให้เที่ยวอย่างมีความสุขมากขึ้น