รีวิว Tim Ho Wan ติ่มซำดาวมิชลินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านมิชลินที่ถูกที่สุดในโลก

หากมาฮ่องกงและชอบแสวงหาติ่มซำทาน หนึ่งในติ่มซำเป็นที่กล่าวขานกันว่า “ต้องไป” ทั้งในระดับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น คงหนีไม่พ้นร้านดังอย่าง Tim Ho Wan ที่มีสาขากระจายไปทั่วเกาะฮ่องกง (ภายหลังกระจายสาขาไปยังต่างประเทศ รวมถึงไทยด้วย)

คุณภาพของร้านนี้อยู่ในระดับได้ดาวมิชลินมาประดับร้าน แถมด้วยราคาที่ถือว่าถูกมาก ก็ทำให้หลายยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “อาหารติดตาวมิชลินที่มีราคาถูกที่สุดในโลก”

ทีมงาน 2baht.com เดินทางไปฮ่องกงพอดี จึงไม่พลาดการไปชิม โดยครั้งนี้เลือกกินที่สาขา North Point บนฝั่งเกาะฮ่องกงครับ

ที่มาของร้าน Tim Ho Wan

หน้าร้าน Tim Ho Wan สาขา North Point
wหน้าร้าน Tim Ho Wan สาขา North Point

Tim Ho Wan เกิดจากเชฟติ่มซำของร้านดัง Lung King Heen (ที่เราเคยรีวิวไปแล้ว) ชื่อว่า Mak Kwai-pui ลาออกมาเปิดกิจการของตนเอง โดยร้านใหม่ของคุณ Mak เป็นร้านติ่มซำที่ขายแต่ติ่มซำอย่างเดียว ไม่มีอาหารจีนประเภทอื่นๆ ด้วย ร้านสาขาแรกเปิดที่ย่าน Mongkok ในปี 2009 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และเพียงปีเดียวหลังเปิดร้านคือปี 2010 Tim Ho Wan จึงได้ดาวมิชลินดวงแรกมาประดับร้านอย่างไม่ยากเย็น

ความตลกร้ายอย่างหนึ่งคือตัวของ Mak Kwai-pui เคยวิจารณ์ระบบดาวมิชลินว่าเป็นระบบที่ให้ค่าแต่ร้านดังและแพง (elitist) และไม่ได้สนใจกับรสชาติในท้องถิ่นมากนัก แต่ร้าน Tim Ho Wan หลายสาขาทั่วเกาะฮ่องกงของเขา กลับได้รับดาวมิชลินอย่างต่อเนื่อง

หลังจากเปิดร้านแรกสาขา Mongkok และได้รับความนิยมจากคนท้องถิ่นอย่างถล่มทลาย (การต่อคิวที่ต้องรอยาวนาน 1 ชั่วโมงถือเป็นเรื่องปกติ) ร้าน Tim Ho Wan ก็ค่อยๆ ขยายสาขาไปเรื่อยๆ จนปัจจุบันครอบคลุมทั้งเกาะฮ่องกง รวมถึงในต่างประเทศด้วย (ในบ้านเรามีเปิดแล้วที่ Terminal 21) แต่น่าเสียดายว่าสาขาดั้งเดิมปิดตัวไปแล้ว โดยทีมงานทั้งหมดย้ายไปอยู่ที่สาขา Olympian City แทน

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า Tim Ho Wan ทุกสาขาจะได้รับดาวมิชลินเสมอไป จากข้อมูลของ Michelin Guide เมื่อปี 2015 มีเพียง 3 สาขาที่ได้รับดาวมิชลินมาครอบครอง (North Point, Tai Kok Tsui และ Sham Shui Po) ส่วนข้อมูลปีล่าสุดที่เพิ่งประกาศไป (2016) มีเพียงสาขา North Point และ Sham Shui Po แค่ 2 สาขาเท่านั้น (อ้างอิง HK Magazine)

การเดินทางมาร้าน

ครั้งนี้ทีมงาน 2baht.com เลือกมาทานสาขา North Point บนฝั่งเกาะฮ่องกง ซึ่งเป็นสาขาที่ยังได้ดาวมิชลินตาม Michelin Guide ฉบับปีล่าสุด

ข้อมูลของ Tim Ho Wan สาขา North Point

  • เปิดบริการทุกวัน 10.00 น. – 21.30 น.
  • หมายเลขโทรศัพท์ 2979 5608
  • สถานีรถไฟฟ้า MTR ที่ใกล้ที่สุด สถานี Fortress Hill (MTR สายสีน้ำเงิน Island Line) โดยใช้ทางออก A แล้วเดินลัดเลาะมุ่งหน้าไปยัง North Point โดยใช้ King’s Road เลี้ยวซ้ายเข้า Fortress Hill Road จากนั้นจึงเลี้ยวขวาเข้า City Garden Road อีกทีหนึ่ง ร้านจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ (ตรงนี้มี Lei Garden สาขา North Point ด้วยเช่นกัน)

บรรยากาศและข้อควรรู้

บรรยากาศภายในร้าน
บรรยากาศภายในร้าน

สิ่งแรกที่ควรทราบและถือเป็นแนวปฏิบัติของร้านอาหารในฮ่องกงคือ เราอาจต้องนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่น ในกรณีที่ร้านแน่นมากๆ ตรงนี้คนไทยอาจไม่สะดวกใจนัก แต่ขอให้คิดว่าแบ่งปันที่กันไปเถอะนะครับ

นอกจากนั้นแล้ว Tim Ho Wan ยังมีกฎพิเศษเพิ่มอีกสองอย่าง (และอันที่จริงหลายร้านในฮ่องกงก็ใช้แนวทางนี้) คือ มาให้ครบทุกคนก่อนแล้วค่อยเข้าร้าน เพราะถ้าคนในทีมเรามาไม่ครบ แล้วเราไปนั่งรอเพื่อนในร้านก่อน ก็จะเสียที่นั่ง ซึ่งปกติร้านควรได้ลูกค้าเพิ่ม ส่วนกฎอีกข้อคือ สั่งให้จบทีเดียวแต่แรก โดยพนักงานจะมารับออร์เดอร์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นตัดสินใจและกะปริมาณให้เพียงพอตั้งแต่แรกนะครับ 🙂

ใบระบุจำนวนติ่มซำ
ใบระบุจำนวนติ่มซำ

เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อย ร้านจะแจกถ้วยชามและอุปกรณ์การกินให้เราลวกจากน้ำชาร้อน และพนักงานจะมอบใบสั่งอาหารให้เราระบุจำนวนติ่มซำที่ต้องการ (ใบภาษาอังกฤษจะเป็นสีฟ้าแบบในภาพ ส่วนภาษาจีนจะเป็นสีชมพู)

อาหารของ Tim Ho Wan

เนื่องจาก Tim Ho Wan เป็นร้านที่ขายแต่ติ่มซำเพียงอย่างเดียว เมนูอาหารจึงเหมือนติ่มซำมาตรฐานทั่วไป รอบนี้เราจึงเลือกเมนูอย่าง ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้ง, ฮะเก๋า, ซาลาเปาไส้หมูแดงอบ, ขนมจีบ และเยลลี่ดอกหอมหมื่นลี้พร้อมเม็ดเก๋ากี๊ครับ

เริ่มต้นกันที่จานแรกเลยคือ ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง ครับ

ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง
ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง

ต้องอธิบายสักนิดว่า ก๋วยเตี๋ยวหลอดแบบที่เราคุ้นเคยกันในบ้านเราเป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่องมีผักที่ได้รับอิทธิพลมาจากแต้จิ๋ว (ถาดเล็กๆ ซีอิ้วหวาน ใส่ในเข่ง) แต่ก๋วยเตี๋ยวหลอดของฮ่องกงแทบไม่มีผักใดๆ เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวขนาดใหญ่พับไว้แล้วใส่ไส้ ก่อนราดด้วยน้ำซีอิ้วที่หนักไปทางเค็ม (มีหวานปะแล่มบ้าง)

จานนี้ถือว่าสอบผ่านที่น้ำจิ้มและไส้ แต่มีจุดให้ติตรงที่แป้งทำออกมาหนามาก ไม่ได้บางอย่างที่คิดเอาไว้ ใครไม่ชอบแป้งหนาอาจต้องขอผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ฮะเก๋ากุ้ง
ฮะเก๋ากุ้ง

เข่งต่อไป ฮะเก๋ากุ้ง ตัวแป้งบางกว่าที่คิดมาก ส่วนตัวไส้เด้งสู้ฟัน และยังคงรักษาความนุ่มเอาไว้ได้ดี รสชาติเค็มและความสนุกในการเคี้ยวยังอยู่ครบ จานนี้ถือว่าแสดงความเป็นฮะเก๋าได้อย่างดีเยี่ยม

ซาลาเปาไส้หมูแดงอบ
ซาลาเปาไส้หมูแดงอบ
ซาลาเปาไส้หมูแดงอบ
ซาลาเปาไส้หมูแดงอบ
ซาลาเปาไส้หมูแดงอบ
ซาลาเปาไส้หมูแดงอบ

จานต่อไปเป็น ซาลาเปาไส้หมูแดงอบ ถือเป็นหนึ่งในจานยอดนิยมของร้าน และเป็นเอกลักษณ์ของ Tim Ho Wan ไปแล้ว (ในไทยเรียกว่า ซาลาเปาโปโล หรือซาลาเปาหิมะ แล้วแต่ที่จะเรียก)

ตัวแป้งเมื่อบิออกมาแล้วกัดจะได้กลิ่นเนยมาการีนคละคลุ้งอยู่ทั่วปาก ตัวสัมผัสค่อนไปทางขนมปังฝรั่งเศส (ไม่แข็งเหมือน baguette แต่ก็ไม่นุ่มเสียจนเหมือนขนมปังแซนด์วิชทั่วไป) ส่วนไส้ฐานเป็นรสหวานตัดกับเค็มภายใน รสชาติติดออกแหลมไปสักเล็กน้อย

เมื่อเทียบกับซาลาเปาหมูแดงอบของ Lung King Heen แล้ว ส่วนตัวชอบของ Lung King Heen มากกว่า เนื่องจากรสชาติของ Tim Ho Wan แม้อร่อยจริง แต่ลักษณะจะแหลมและมันเพราะความหวาน ผิดกับของ Lung King Heen ที่เน้นความนุ่มและกลมกล่อมมากกว่า รวมถึงกลิ่นของเนยหรือมาการีนที่ใช้ก็รุนแรงน้อยกว่าด้วย ถือว่าเป็นคนละสไตล์กันครับ

ขนมจีบหมูกุ้ง
ขนมจีบหมูกุ้ง

ขนมจีบหมูกุ้ง เป็นอีกเข่งที่ทำผลงานได้ดี ถึงแม้ว่าขนาดไม่ได้ใหญ่โตเท่าร้านอื่น แต่แป้งเหนียวนุ่มมาก ส่วนไส้ถือว่าอัดแน่นและเด้งมาก ความเค็มที่มีถือว่าพอดี และตัดกับความหวานของตัวเก๋ากี๊ด้านหน้าเล็กน้อย ถือว่ายอดเยี่ยมมาก

เยลลี่ดอกหอมหมื่นลี้และเม็ดเก๋ากี๊
เยลลี่ดอกหอมหมื่นลี้และเม็ดเก๋ากี๊

ปิดท้ายกันที่ของหวานอย่าง เยลลี่ดอกหอมหมื่นลี้และเม็ดเก๋ากี๊ ถือเป็นหนึ่งในจานที่อร่อยและให้ความสดชื่นอย่างมาก ตัวเยลลี่ทำออกมาได้หวานกำลังลงตัว ไม่หวานแหลม ส่วนกลิ่นถือว่าหอมจริงๆ สมชื่อดอกไม้ที่นำเอามาทำ เรียกว่าอร่อยอย่างลงตัวจนแทบหาที่ติไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

บทสรุปการรีวิว

รีวิวนี้หมดเงินไป 107 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 494 บาท) ถ้าเทียบราคาอาหารทั่วไปของฮ่องกงแล้วถือว่าค่อนข้างถูก ถ้าใครทานน้อยกว่านี้ (สมมติว่ามีเฉพาะเยลลี่กับ ติ่มซำสองเข่ง) ราคาจะถูกลงไปอีก เมื่อเทียบรสชาติอาหารที่ได้กลับมา คำยกย่องว่าเป็น “อาหารที่ติดดาวมิชลินที่ถูกที่สุดในโลก” อาจไม่เกินเลยนัก

อย่างไรก็ตาม คนที่จะไปทานร้านนี้ ควรเตรียมตัวล่วงหน้าและวางแผนกันให้ดีๆ เพราะร้านนี้มีกฎบางอย่างที่อาจไม่ถูกใจคนไทยเท่าไหร่ (อย่างเช่นต้องไปให้ครบคนทั้งหมด ถึงจะเข้าร้านได้) และพอเป็นร้านดัง คนย่อมเยอะแน่นอน เวลาที่ไปทานในรอบนี้คือ 11.30 น. เศษ พบว่าคนแน่นเต็มร้านแล้ว