สหรัฐอเมริกามีอุทยานทางธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก อุทยานแห่งนี้มีทั้งที่เรียกว่าเป็น อุทยานแห่งชาติ (National Park), อุทยานระดับรัฐ (State Park), สวนป่าแห่งชาติ (National Forest), สถานที่สำคัญ (National Monument), สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ (National Historic Park), พื้นที่อนุรักษ์ (National Preserve) เป็นต้น
พื้นที่เหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานรัฐบาล ที่แยกออกเป็น 5 กระทรวง และส่วนใหญ่ต้องเสียค่าเข้าชม สร้างความยุ่งยากและความสิ้นเปลืองให้กับนักท่องเที่ยวที่มีแผนจะเข้าชมอุทยานหลายแห่ง
ทางออกของเรื่องนี้ทำให้รัฐบาลสหรัฐออก “บัตรผ่าน” สำหรับเที่ยวพื้นที่อุทยานลักษณะนี้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งใน 1 ปี โดยใช้ชื่อว่า America the Beautiful Annual Pass
บัตรผ่าน America the Beautiful ใช้เข้าชมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่อนุรักษ์กว่า 2,000 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา เช่น Grand Canyon, Yosemite, Rocky Mountain, Zion National Park (รายชื่ออุทยานแห่งชาติและพื้นที่อนุรักษ์ที่สามารถใช้บัตร America the Beautiful) โดยใครๆ ก็สามารถซื้อได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นพลเมืองอเมริกันแต่อย่างใด นักท่องเที่ยวที่อยากเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติควรหาซื้อไว้ติดตัว
บัตรผ่านใบนี้มีราคา 80 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,800 บาท) มีอายุใช้งาน 1 ปี ตามปกติแล้วใช้ได้กับรถยนต์หนึ่งคัน ที่มีผู้โดยสารไม่เกิน 4 คน และสามารถลงลายมือชื่อเจ้าของบัตรได้ 2 คน (แปลว่ายืมกันใช้งานได้)
ตามปกติแล้ว ค่าเข้าอุทยานของสหรัฐจะมีราคาประมาณ 20-30 ดอลลาร์ (ขึ้นกับสถานที่) ต่อรถยนต์หนึ่งคัน ดังนั้นถ้ามีแผนจะเข้าอุทยานในสหรัฐมากกว่า 4 ครั้งในรอบปี บัตร America the Beautiful จะคุ้มค่าทันที
วิธีการซื้อบัตร
บัตร America the Beautiful สามารถซื้อได้ที่ด่านทางเข้าอุทยานทุกแห่งในสหรัฐ ตามปกติเวลาขับรถเข้าอุทยานจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าชมอยู่แล้ว เราก็แจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้เลยว่าต้องการซื้อบัตร America the Beautiful Pass สามารถจ่ายเงินได้ทั้งเงินสดและบัตรเครดิต เจ้าหน้าที่จะเจาะหลังบัตรเพื่อระบุวันซื้อบัตร และให้เราเซ็นหลังบัตรเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของบัตร
วิธีการใช้บัตร
เมื่อเข้าอุทยานครั้งต่อไป สามารถยื่นบัตร America the Beautiful ที่ด่านได้เลย พร้อมกับยื่นบัตร Photo ID (บัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายของเรา) ประกอบ ซึ่งจะเป็นพาสปอร์ต หรือใบขับขี่ของประเทศไทยก็ได้เช่นกัน
เงื่อนไขอื่นๆ ของการใช้งานบัตร อ่านได้จากเว็บไซต์ USGS.gov