รีวิวโรงแรมดุสิตธานีพัทยา กับห้องพักระดับ Club Room ที่มาพร้อมบริการสุดพิเศษ

เมื่อไม่นานมานี้ ทีมงาน 2baht.com มีโอกาสเดินทางไปพักที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา โรงแรมเก่าแก่แห่งหนึ่งของเมืองพัทยา ในห้องพักระดับ Club Room เลยจึงถือโอกาสนี้รีวิวห้องพักและบริการอื่นๆ ของโรงแรมที่เป็นสิทธิพิเศษซึ่งมาพร้อมกับห้องพักครับ

อนึ่ง รีวิวนี้ทีมงาน 2baht.com เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง ทางโรงแรมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ประการใดครับ

โรงแรมดุสิตธานีพัทยา
โรงแรมดุสิตธานีพัทยา

รู้จักกับโรงแรมดุสิตธานี พัทยา

โรงแรมดุสิตธานี พัทยา (หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า “ดุสิตพัทยา” ซึ่งจะใช้คำนี้ในรีวิวนี้) ถือเป็นโรงแรมเก่าแก่แห่งหนึ่งของเมืองพัทยา ตั้งอยู่ที่ย่านพัทยาเหนือในจุดที่เป็นแหลมยื่นออกไป กั้นระหว่างตัวหาดของเมืองพัทยา และหาดวงศ์อมาตย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่แถบนาเกลือ (ตรงวงเวียนปลาโลมา)

ดุสิตพัทยาเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2530 (ปีเดียวกับโรงแรมดุสิต ลากูน่า ภูเก็ต เปิดให้บริการ) นับรวมจนถึงปีนี้ก็มีอายุครบ 30 ปี พอดี ถือเป็นโรงแรมกลุ่มแรกของดุสิตที่ขยายฐานออกนอกกรุงเทพ ไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างจังหวัด จากเดิมที่มีเฉพาะโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เท่านั้น

ดุสิตพัทยามีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 457 ห้อง ตัวอาคารเป็นรูปใบพักสามแฉกเมื่อมองจากมุมสูง และมีสนามเทนนิสที่เคยใช้เป็นสถานที่แข่งขันในรายการอย่าง Pattaya Open ด้วย

นอกจากทำเลที่ตั้งเป็นแหลมยื่นไปในทะเลแล้ว ยังตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ทำให้ส่วนต้อนรับ (ล็อบบี้) ของโรงแรมอยู่ที่ชั้น 4 แทนที่จะเป็นชั้น 1 ตรงนี้อาจแปลกไปสักหน่อยสำหรับใครหลายคน

ตัวอาคาร โรงแรมดุสิตธานีพัทยา เมื่อมองจากแหลมที่ยื่นออกไปยังทะเล
ตัวอาคาร โรงแรมดุสิตธานีพัทยา เมื่อมองจากแหลมที่ยื่นออกไปยังทะเล

ห้องพักของโรงแรมเริ่มต้นที่ Deluxe Room ห้องพักระดับขั้นต่ำสุดของที่นี่ ไปจบที่ Royal Princess Suite ที่เป็นห้องพักใหญ่ที่สุดของที่นี่ (มีห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอนสามห้อง!)

ส่วนห้องพักในรีวิวครั้งนี้คือห้องพักในระดับ Club Room (แปลเป็นไทยได้ว่าห้องพักระดับสโมสร แต่ชื่อภาษาไทยอย่างเป็นทางการคือห้องคลับ) ที่มีเพียง 58 ห้อง มีพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 40 ตารางเมตร

จุดแตกต่างของ Club Room จาก Deluxe Room แบบปกติ อยู่ที่การตกแต่ง อุปกรณ์ และสำคัญที่สุดคือเรื่องของการบริการครับ

Club Room: เพิ่มมิติความหรูสบายให้กับการพักผ่อน

ความแตกต่างระหว่างห้อง Deluxe Room และ Club Room โดยหลักๆ แล้ว มีดังต่อไปนี้

  • เช็คอินได้ที่ Club Lounge (ชั้น 8 ของโรงแรม) ได้โดยตรง ไม่ต้องไปเช็คอินปะปนกับแขกหลักของโรงแรมที่ล็อบบี้ และสามารถเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมได้ช้ากว่าปกติ (ได้ถึง 14.00 น.)
  • มีบริการอาหารเช้าแยกพิเศษให้ต่างหาก พร้อมบริการน้ำดื่มฟรีตลอดวัน มีอาหารว่างให้ทั้งวัน รวมถึงบริการอาหารเรียกน้ำย่อย (hos d’oeuvres) และเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ให้บริการในระหว่างเวลา 17.30 น. – 19.30 น. ทั้งหมดอยู่ที่ Club Lounge ชั้น 8 ของโรงแรม
  • บริการซักแห้งฟรี 3 ชิ้นต่อวันต่อห้อง, ผลไม้ฟรี, บริการขัดรองเท้า, โทรศัพท์ภายในจังหวัดชลบุรีฟรี และสามารถพิมพ์เอกสารได้ฟรีที่ Club Lounge

ความแตกต่างที่เหลือ จะเป็นเรื่องของการตกแต่งภายใน อุปกรณ์ภายในห้องที่ทันสมัย (เช่น เครื่องชากาแฟแบบแพง) รวมไปถึงบริการเลขาส่วนตัว (Personal Butler) ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะได้มีโอกาสใช้หรือไม่ครับ

ทางเข้าโรงแรม
ทางเข้าโรงแรม

ในวันที่เข้าพัก เมื่อขับรถเข้าโรงแรม ทางทีมงาน 2baht.com แจ้งเจ้าหน้าที่ด้านล่างว่าจองห้องพักที่ Club Lounge เจ้าหน้าที่แนะนำให้ขึ้นไปเช็คอินที่ชั้น 8 ทันที ซึ่งต้องเดินผ่านบรรยากาศโถงต้อนรับที่ร่มรื่น โอ่โถง และหรูหรา ส่วนกระเป๋าเดินทางของเรา เจ้าหน้าที่ก็รับไว้ทันทีไม่ต้องลากไปเอง

บรรยากาศภายในโถงต้อนรับ
บรรยากาศภายในโถงต้อนรับ
สวนเขียวใจกลางอาคารของโรงแรม
สวนเขียวใจกลางอาคารของโรงแรม

เมื่อถึงชั้น 8 ทีมงานแจ้งชื่อ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เชิญมานั่งก่อนจะเสิร์ฟน้ำ ใช้เวลาไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็นำเอาบัตรห้องพักมามอบให้ครับ และแจ้งว่ากระเป๋าอยู่ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว ถือว่าสร้างความประทับใจได้ดีด้วยการทำงานที่รวดเร็ว และวิวของเลาจน์ที่สวยงาม

จุดตินิดเดียวคงเป็นเรื่องที่แอร์ของเลาจน์ทำความเย็นสู้อุณหภูมิข้างนอกได้ไม่ดีนัก เลยรู้สึกว่าร้อนพอสมควรครับ

วิวจาก Club Lounge ที่มองออกไปยังทะเล
วิวจาก Club Lounge ที่มองออกไปยังทะเล

ห้องพัก การตกแต่ง และสิ่งอำนวยความสะดวก

ห้องพัก Club Room ที่ทางทีมงานเข้าพัก ต้องถือว่าตกแต่งได้ดีและทันสมัย (ไม่มีกลิ่นของโรงแรมเก่า 30 ปีเลย) มีอุปกรณ์ครบครัน ส่วนวิวของห้องพักก็ดีมาก มองเห็นทะเลสวยงาม ใครเป็นคอกาแฟ ที่นี่เลือกใช้เครื่องกาแฟแบบแคปซูลจาก Lavazza

ข้อติคือเตียงอาจจะอ่อนนุ่มไปนิดหนึง สำหรับผู้สูงอายุอาจต้องพิจารณาเรื่องนี้หน่อยนะครับ

เตียงในห้องพัก Club Room
เตียงในห้องพัก Club Room
ภายในห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำ
อ่างอาบน้ำและโถส้วม
อ่างอาบน้ำและโถส้วม
น้ำเปล่าและเครื่องชงกาแฟ
น้ำเปล่าและเครื่องชงกาแฟ
ตู้เสื้อผ้า
ตู้เสื้อผ้า
ทีวีและการตกแต่งภายใน
ทีวีและการตกแต่งภายใน
วิวจากห้องพัก
วิวจากห้องพัก

โดยรวมต้องถือว่าห้อง Club Room เป็นห้องที่ตกแต่งได้ดี อุปกรณ์ครบครัน ส่วนเรื่องบริการ ทีมงานทดสอบโดยนำเอาเสื้อสูทตัวหนึ่งให้ทางเจ้าหน้าที่ไปซักรีด ทำโดยการโทรศัพท์แจ้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะมารับไป ในตอนที่รับไปเป็นเวลาประมาณใกล้เที่ยง เมื่อถึงช่วงประมาณ 1 ทุ่ม เสื้อสูทตัวนั้นก็แขวนอยู่ที่ห้องพักแล้ว ถือว่ารวดเร็วมาก

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีบริการผลไม้ให้ทุกวันด้วย เหมาะสำหรับคนที่อยากกินอะไรเล่นๆ หรือไม่ก็อยากลดน้ำหนัก (แต่ตอนที่ไปพักได้มาเป็นกล้วย อาจจะไม่เหมาะสมกับการลดน้ำหนักเท่าใดนัก)

ส่วนเวลาเช็คเอาท์เพื่อคืนห้อง ก็สามารถทำได้ที่ Club Lounge ทันทีครับ ไม่ต้องลงไปที่ล็อบบี้ สะดวกสบายและเป็นส่วนตัวกว่ากันมาก

Club Lounge และการบริการ

หัวใจของ Club Room จริงๆ อยู่ที่เรื่องของสิทธิในการเข้า Club Lounge ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 8 ของโรงแรมครับ เลาจ์นี้เข้าได้เฉพาะแขกที่มาพักในห้อง Club Room เท่านั้น

สถานที่ก็ต้องบอกว่ามีเก้าอี้ให้นั่งทำงานเล่นได้ทั้งวัน วิวสวยงาม สามารถมองเห็นหาดพัทยาและทะเลได้ พนักงานใน Club Lounge ก็บริการยิ้มแย้มแจ่มใส แค่บอกเบอร์ห้องครั้งแรก พนักงานทุกคนก็จำเราได้ทันที

จุดติอันเดียวก็คงเหมือนที่พูดไปด้านบนคือแอร์ทำงานได้ไม่ดีนัก เวลาเจอแดดและความร้อนช่วงบ่ายที่จัดๆ (อายุโรงแรมก็เยอะมากแล้ว แอร์คงไม่น่าจะเย็นเฉียบแน่นอน)

บรรยากาศของ Club Lounge
บรรยากาศของ Club Lounge
วิวจาก Club Lounge
วิวจาก Club Lounge

Club Lounge เองไม่ได้มาแค่เฉพาะห้องรับรองเท่านั้น แต่มาพร้อมบริการทั้งของว่าง น้ำดื่ม ให้ทั้งวัน, บริการเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์ (พิมพ์เอกสารได้ฟรี) และในช่วงเวลาพลบค่ำ (ตั้งแต่ 17.30 น. จนถึง 19.30 น.) เป็นช่วงที่ทางโรงแรมจัดบริการอาหารเรียกน้ำย่อย และเครื่องดื่ม (รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) ฟรีให้แก่แขกของ Club Lounge

ข้อกำหนดของ Club Lounge นอกจากสิทธิของการเข้าแล้ว ทางโรงแรมยังขอความร่วมมือไม่นำอาหารจากเลาจน์ออกไปด้วยนะครับ

มุมแพนเค้ก ชีส และผักกับซอสจิ้มต่างๆ
มุมแพนเค้ก ชีส และผักกับซอสจิ้มต่างๆ
ผลไม้และของทานเล่น
ผลไม้และของทานเล่น
เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮออล์
เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮออล์
เครื่องดื่มแอลกอฮออล์
เครื่องดื่มแอลกอฮออล์

อีกสิทธิที่ต้องไม่ลืมก็คือเรื่องของการทานอาหารเช้าแยกจากแขกปกติของโรงแรม ปกติแล้วอาหารเช้าจะถูกจัดเอาไว้ที่ห้องอาหาร The Cascade แต่ในกรณีของแขกที่ได้เข้า Club Lounge หรืออยู่ Club Room จะสามารถเลือกได้ว่าจะทานที่ The Cascade เหมือนปกติ หรือขึ้นไปทานที่ห้องอาหารจีน The Peak ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 9 ของโรงแรม โดยต้องเดินขึ้นบันไดไปจาก Club Lounge (ไม่มีลิฟท์ อันนี้ผู้สูงอายุอาจต้องพิจารณาดีๆ)

อาหารเช้า บริการตั้งแต่ 6.00 น. – 10.00 น. ครับ เรื่องของบรรยากาศก็ต้องถือว่าเป็นส่วนตัว สงบเงียบ และวิวทะเลก็สวยงามเป็นอย่างยิ่ง (สำหรับ The Peak ช่วงเที่ยงมีบริการบุฟเฟ่ต์ติ่มซำด้วย แต่ไม่ได้รีวิวและอยู่นอกเหนือจากค่าห้องครับ)

ทางชึ้นห้องอาหาร The Peak ด้านบน
ทางชึ้นห้องอาหาร The Peak ด้านบน
บรรยากาศภายในของห้องอาหาร The Peak
บรรยากาศภายในของห้องอาหาร The Peak
วิวติดริมหน้าต่าง
วิวติดริมหน้าต่าง

ตัวเลือกอาหารเช้าถือว่าหลากหลายและเยอะอยู่ และมีความหรูมากกว่า (แยมและน้ำผึ้ง จัดมาเป็นกระปุกๆ วางไว้ที่โต๊ะอย่างเรียบร้อย ผิดกับในห้อง The Cascade ที่เป็นลักษณะใส่ถ้วยแล้วให้ไปตักที่บุฟเฟ่ต์เอง)

แต่ถ้าเทียบกับ The Cascade ด้านล่าง ตัวเลือกอาหารเช้าที่ The Peak จะน้อยกว่านิดหน่อย ราวๆ 2-3 อย่าง และเน้นไปทางอาหารตะวันตก ขณะที่ The Cascade มีอาหารแนวเอเชีย (เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม) มากกว่า ทีมงานไปกินทั้งสองห้องอาหารก็พบว่ารสชาติไม่แตกต่างกันมาก ดังนั้นจะเลือกกินห้องไหน ก็ขึ้นกับบรรยากาศที่อยากได้เป็นหลัก

อาหารญี่ปุ่น (เป็นข้าวห่อสาหร่าย)
อาหารญี่ปุ่น (เป็นข้าวห่อสาหร่าย)
ชีสและสารพัด Cold cuts
ชีสและสารพัด Cold cuts
บรรดาขนมและขนมปังอบ
บรรดาขนมและขนมปังอบ
น้ำดื่มและน้ำผลไม้
น้ำดื่มและน้ำผลไม้
ผลไม้ต่างๆ
ผลไม้ต่างๆ
อาหารเช้าประเภทซีเรียล
อาหารเช้าประเภทซีเรียล
มุมสั่งไข่รูปแบบต่างๆ
มุมสั่งไข่รูปแบบต่างๆ
แยมและน้ำผึ้งในกระปุก
แยมและน้ำผึ้งในกระปุก

ที่ห้องอาหาร The Peak ตอนเช้า เราสามารถสั่งชาและกาแฟได้ สำหรับชาที่นี่ใช้ยี่ห้อ TWG ส่วนกาแฟก็ Lavazza ครับ มีบริการหนังสือพิมพ์ด้วย มีเฉพาะหนังสือพิมพ์ Bangkok Post และ The Nation ครับ

สรุป

ต้องถือว่าห้องพัก Club Room ของโรงแรมดุสิตธานี พัทยา ถือว่าดีมาก ในแง่ของการตกแต่งทำให้รู้สึกว่าโรงแรมไม่ได้เก่าเลย แต่ที่ถือเป็นจุดสำคัญ (killer feature) คือเรื่องของการบริการที่ให้ความเป็นส่วนตัว และความรวดเร็วในการบริการของพนักงานครับ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่ดูแลตามห้อง หรือพนักงานที่ Club Lounge ล้วนแต่สร้างความประทับใจได้ทั้งสิ้น

สิ่งเดียวที่ถ้าแก้ได้ก็ดีคือเรื่องของระบบแอร์ใน Club Lounge ที่ยังร้อนไปหน่อยเวลาต้องสู้กับแดดแรงๆ และความร้อนช่วงบ่ายของชายหาดพัทยาครับ

ข้อมูลและรายละเอียดการเดินทาง

  • ที่อยู่: 240/2 ถนนเลียบหาดพัทยา เมืองพัทยา ชลบุรี 20150
  • หมายเลขโทรศัพท์: 038-425-611, โทรสาร: 038-428-239
  • เว็บไซต์: dusit.com/dusitthani/pattaya
  • Facebook: @dusitthanipattaya, Twitter: @ThaniDusit
  • อีเมล: dtpa@dusit.com
  • การเดินทาง: เมื่อถึงพัทยา ให้ไปยังถนนพัทยาเหนือ จากนั้นเมื่อถึงวงเวียนน้ำพุปลาโลมา ให้สังเกตป้าย Dusit Thani Pattaya ทางเข้าโรงแรมจะอยู่ตรงนั้น ขับเข้าไปได้เลย หรือถ้ามาโดยรถสองแถว ให้ลงที่วงเวียนน้ำพุปลาโลมาครับ