ในช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี้ ปีนัง ค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวไทยเพราะเดี๋ยวนี้ไปง่ายขึ้นมาก มีทั้งสายการบิน Low cost หรือบางคนก็เลือกนั่งรถข้ามไปจากเมืองไทย โพสนี้ขอเล่าประสบการณ์ที่เราไปเที่ยวปีนังให้ฟังละกันค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่อยู่
George Town เมืองเก่ามรดกโลกของปีนัง
ใครรักตึกเก่า เมืองจอร์จทาวน์ (George Town) คือสวรรค์สำหรับคุณเลยค่ะ เกสต์เฮ้าส์ในเมืองจอร์จทาวน์แทบทั้งหมดเป็นการดัดแปลงตึกเก่ามาเป็นบ้านพัก ตึกพวกนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่มีศิลปะจีนผสม ชั้นล่างด้านหน้าอาคารจะเจาะช่องโค้งเป็นระยะให้สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ เรียกรวมๆ ว่าตึกสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ในไทยจะเจอตึกสไตล์นี้ได้ที่ย่านเมืองเก่าในตัวเมืองภูเก็ตกับตรังค่ะ
เราเลือกที่พักแถวถนน Love Lane ย่านยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ซึ่งเหมือนถนนข้าวสารมากกกก มีที่พักราคาถูกตกแต่งเก๋ไก๋ มีร้านเหล้า ร้านอาหารข้างทาง และยังสามารถเดินเที่ยวตามตรอกซอกซอยต่างๆ ได้ด้วยค่ะ ที่พักของเราชื่อ MoonTree47 ตั้งอยู่บนถนน Muntri เจ้าของชื่อคุณ Kent พอไปถึงเค้าจะให้แผนที่เมืองจอร์จทาวน์พร้อมแนะนำร้านอาหารกับสถานที่ท่องเที่ยวให้ด้วย น่ารักมากๆ และถ้าใครชอบแมวเป็นพิเศษจะยิ่งชอบ MoonTree47 เพราะที่นี่มีแมวเลี้ยงไว้หลายตัวเลยค่ะ
ที่นี่เช้าเร็วและมืดช้า..กว่าพระอาทิตย์จะตกก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าแล้ว ส่วนอากาศก็ร้อนไม่แพ้บ้านเราเลยค่ะ แดดแรงสุดๆ เราจะเที่ยวเฉพาะช่วงครึ่งวันเช้ากับช่วงเย็น ส่วนช่วงบ่ายเริ่มเฉาค่า ขอกลับมาตั้งสติที่ห้องพักด่วนๆ T T และเพราะแดดแผดเผาแบบนี้ ที่นี่เลยมีบริการ Night Tour พาขับรถชมเมืองตอนกลางคืนด้วย แต่ ๆๆๆ เราว่าเสน่ห์ของจอร์จทาวน์อยู่ที่ได้เดินเที่ยวเองมากกว่า ถึงจะร้อนมากก็เถอะ สู้ตายครัชชช
ตามล่าผลงาน Street Art ในจอร์จทาวน์
คนส่วนใหญ่ที่มาจอร์จทาวน์ เค้ามาตามล่าถ่ายภาพงาน Street Art กันค่ะ แต่ก่อนจอร์จทาวน์ก็มีแต่ตึกเก่าๆ นี่แหละ อยู่มาวันนึงอีตา Ernst Zacharevic เค้าแวะมาเที่ยวปีนัง แล้วเกิดหลงเสน่ห์เมืองนี้ ปักหลักอยู่ทำมาหากินเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากนั้นก็เริ่มวาดรูปศิลปะบนกำแพงตึกในเมืองจอร์จทาวน์จนโด่งดัง ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเดินตามหารูปทั้งหมดให้ครบค่ะ (เหมือนหา RC เลยอ่ะ) คือเค้าจริงจังกันขนาดมีลายแทง Street Art ในจอร์จทาวน์ให้ด้วยนะ
พิพิธภัณฑ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านจอร์จทาวน์
นอกจากงาน Street Art แล้ว ในโซนเมืองเก่าเราจะเจอพิพิธภัณฑ์ซ่อนอยู่เยอะเลยค่ะ ใครชอบถ่ายรูปก็มี Camera Museum (อยู่ติดกับที่พักเราพอดี) มี Chocolate Museum ด้วย! เราซึ่งชอบช็อกโกแลตมากก็ตาลุกวาวเลย แต่ๆๆๆๆ มันเป็น tourist trap จ้าา ถ้าไม่ได้มองหาของฝากจำพวก ช็อคโกแลต ชา กาแฟ ไรงี้ไม่ต้องเข้าก็ได้นะ เฉยๆ มากกกกก แพงแถมไม่อร่อยอีกตะหาก
บ้านคหบดี Cheong Fatt Tze Mansion (Blue Mansion)
ใครอยากรู้ว่าคนโคตรรวยสมัยก่อนเค้าอยู่กันยังไง ก็จะมีบ้านพ่อค้า ขุนน้ำขุนนางสมัยก่อนเปิดให้เราเข้าชมค่ะ (เก็บตังค์ค่าเข้านะ) ซึ่งเฮ้ยยย มันดีมากกกกกก รักษากันไว้ได้ดีสุดๆ คุ้มค่าเงินมากค่ะ เข้าไปดูเถอะขอร้อง เราไปดูมา 2 บ้าน
บ้านแรก Cheong Fatt Tze Mansion หรือ Blue Mansion เปิดให้เข้าชมเป็นรอบ ก่อนไปเช็คเวลาให้ดีก่อนนะคะ แต่ละรอบก็จะมีคนบรรยายให้ฟัง ได้ความรู้ทั้งประวัติศาสตร์ ความเชื่อ ฮวงจุ้ย ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ ใครดูแล้วอิน อยากมีประสบการณ์เป็นเจ้าสัวปีนังบ้าง ที่นี่เค้าดัดแปลงบริเวณบ้านบางส่วนเป็นโรงแรมให้พักด้วยน้า (แต่แพงมั่กขอบอก)
บ้านคหบดี Penang Peranakan Mansion
บ้านอีกหลังคือ Penang Peranakan Mansion ที่นี่เน้นดีเทล ของกระจุกกระจิกเต็มไปหมด เราสามารถเลือกขอไกด์พาเดินหรือไม่ก็ได้ จะไปเวลาไหนก็ได้เพราะไม่มีรอบเข้าชมเหมือน Blue Mansion ค่ะ
ด้านหลังของที่นี่จะมี Jewelry Museum ให้ชมด้วย งานเครื่องประดับเว่อวังมากกกก ละเอียดมากกกกก แบบคุณสามีเจ้าของบ้านสั่งทำให้ภรรยาไรงี้อ้ะ เรานี่อดไม่ได้ต้องหันไปสะกิดคนข้างๆ ว่าช่วยซื้อแบบนี้มาปรนเปรอชั้นบ้างเซ่ะ!! ซึ่งก็..โดนด่ากลับมาตามระเบียบ ตื่นขึ้นมาเผชิญโลกความจริงกันต่อไปค่ะท่านผู้ชม..
ย่าน Little India
เดินมาหน่อยจะเข้าสู่ Little India ค่ะ ตามชื่อค่ะ โซนนี้จะเป็นโซนของแขก บางฟีลรู้สึกเหมือนเดินอยู่พาหุรัดอ่ะ ฮ่าๆๆ แต่ก็ยังมีความจีนแฝงอยู่อย่างกลมกลืนนะ มีเอกลักษณ์สุดๆ ค่ะ ถ่ายรูปสนุกมากกก!
แถวๆ ย่าน Little India นี้เอง เราไปเจอร้านชื่อ Tropical Spice Garden ตั้งอยู่บนถนน China Street ค่ะ ร้านนี้เราแนะนำสำหรับใครที่อยากหาของฝากหรือของที่ระลึกสำหรับตัวเอง หลักๆ เค้าขายเครื่องเทศหลายชนิดตามชื่อร้าน แต่ก็มีงาน Hand Made งานดีไซน์วางขายด้วย มีทั้งกระเป๋า กางเกง ผ้าพันคอ กระเป๋าผ้าพิมพ์ลาย คือเท่าที่พยายามหาของฝากมาตลอดระยะเวลาที่อยู่ปีนัง เราชอบร้านนี้ที่สุดค่ะ มีเอกลักษณ์และมีความปีนังแฝงอยู่แบบเก๋ไก๋มากๆ เราไม่ได้ถ่ายภาพภายในร้านมาแต่สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่จ้า
หลังจากได้คุยกับเจ้าของร้าน เราถึงได้รู้ว่าเค้ามีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย มีทั้งทัวร์พาชมสวนสมุนไพร และกิจกรรมสอนทำอาหารสไตล์มาเลเซีย ซึ่งรายละเอียดกิจกรรมสามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ด้านบนค่ะ เสียดายมากเราพึ่งเจอร้านนี้ตอนเช้าวันกลับ แง T T
จุดชมวิวมุมสูง Penang Hill
ไฮไลท์ของปีนังอีกที่นึงที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงคือ Penang Hill ค่ะ นั่งรถเมล์ออกมาจากจอร์จทาวน์ซักครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว มาง่ายมากกกกกกกก มาถึงก็ซื้อตั๋วรถกระเช้าขึ้นไป เรามาถึงตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วค่ะ ซึ่งเราว่ามันเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะมาที่นี่เลยนะ ฟ้ากำลังสวย ขณะที่ตึกก็เริ่มเปิดไฟกันแล้ว ยืนชมวิว อากาศดีๆ เพลินมาก รถกระเช้าที่จะกลับลงมามีถึงห้าทุ่มค่ะ อยู่กันได้ยาวๆ เลยจ้า
อาหารอร่อย หลากหลายเชื้อชาติที่ปีนัง
ที่นี่อาหารหลากหลายมากก ถ้าไม่ลองกินอะไรแปลกๆ ถือว่ามาไม่ถึงปีนังค่ะ ร้านส่วนใหญ่ที่นู่นสภาพก็แนวตลาดโต้รุ่งนี่แหละ มีที่นั่งให้แล้วก็เลือกเอาว่าจะสั่งร้านไหนมานั่งกินแบบนั้น อาหารจีนส่วนใหญ่ก็แนวก๋วยเตี๋ยวผัด ก๋วยเตี๋ยวแกง ติ่มซำ อะไรประมาณนี้ ส่วนอาหารอินเดียได้ลองร้าน Kapitan ตามที่เค้ารีวิวกันมาก็ไม่ผิดหวังค่ะ
ร้านอาหารคงมีหลายคนเค้ารีวิวแบบจริงจังกันไปแล้วแหละ เราขอส่งขนมกับน้ำแปลกๆ เข้าประกวดบ้างละกัน ที่นู่นเค้าจะมีรถเข็นขายขนมค่ะ มีน้ำเต้าหู้เย็นๆ กับหวานเย็นที่เป็นวุ้นใสๆ (โอ้เอ๋ว) ใส่ลิ้นจี่กระป๋องบีบเลม่อนลงไปด้วย เดินมาร้อนๆ ได้กินซักถ้วยนี่คือฟิน เย็นชื่นใจมากกกก เมนูนี้เราชอบมาก
ส่วนน้ำปั่นที่ปีนังเค้าจะไม่ปั่นกับน้ำแข็งแบบบ้านเราค่ะ มันออกแนวน้ำสกัดแยกกากมากกว่าอ่ะ คุณ Kent เจ้าของเกสต์เฮ้าส์แนะนำให้เราสั่ง “Nutmeg+Plum” กับ “Umbra+Plum” เค้าบอกเนี่ยยยต้องกินให้ได้เลยนะ ห้ามพลาด เราก็จัดไปค่ะ
ก่อนสั่งแอบกูเกิ้ลเบาๆ ไอ้ Nutmeg นี่มันอะไรฟะ..ผลการค้นหาออกมาว่ามันคือลูกจันทน์เทศจ้าา ส่วน Umbra มันลูกเหมือนมะกอกบ้านเราอะค่ะ…เริ่มซีด จะไหวมั้ยเนี่ยน้ำลูกจันทน์เทศปั่นกับบ๊วย.. แต่จุดนั้นยืนหน้าร้านแล้วอ้ะมันก็ต้องลองอ่ะเนอะ และมันก็ไม่แย่เลยนะ คือได้ผลบุญของบ๊วยมาช่วยด้วยประมาณนึงแหละ ทำให้กินง่ายขึ้น และมันช่วยตัดความเลี่ยนอาหารจีนที่เราพึ่งกินไปได้อย่างดีเลยค่ะ เมนูนี้วินนนนน
แผนที่และข้อมูลท่องเที่ยวในปีนัง
ส่งท้ายด้วยแผนที่จุดท่องเที่ยวสำคัญ ที่เราเล่ามาทั้งหมดค่ะ และหากต้องการรายละเอียดแบบยิบๆ แนะนำให้อ่านข้อมูลจากการท่องเที่ยวปีนังที่เว็บไซต์ visitpenang.gov.my ซึ่งมีทั้งข้อมูลและ e-brochure ให้ดาวน์โหลด
ลากันไปก่อนสำหรับปีนัง ส่วนโพสต์หน้าเราจะพาไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้กันค่ะ
ไว้เจอกันจ้าา!