Hilton Worldwide บริษัทโรงแรมรายใหญ่อันดับสองของโลก (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ 10 กลุ่มทุนโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกปี 2016) เตรียมปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยจะแยกบริษัทออกเป็น 3 ส่วน แบ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจการให้เช่าบ้านพักระยะยาว ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจหลักออกไปเป็นบริษัทอิสระต่อกัน ทั้งสามบริษัทจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา
หลังแยกกิจการแล้ว Hilton จะกลายเป็น 3 บริษัทดังนี้
Hilton Worldwide ธุรกิจโรงแรม
ธุรกิจโรงแรมของ Hilton ทั้งหมด 13 แบรนด์ จะยังอยู่ภายใต้บริษัทเดิมคือ Hilton Worldwide ต่อไป โดยบริษัทนี้จะยังมีขนาดใหญ่ที่สุด และทำรายได้จากค่าแฟรนไชส์กับค่าบริหารโรงแรมต่อไปดังเดิม
คณะผู้บริการของ Hilton Worldwide จะยังเป็นชุดเดิม โดยซีอีโอ Chris Nassetta จะยังนั่งเก้าอี้เดิมต่อไป
Park Hotels & Resorts ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
Park Hotels & Resorts ธุรกิจใหม่ที่จะแยกตัวออกไปจาก Hilton เป็นเรื่องอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ โดย Hilton จะตัดส่วนอสังหาริมทรัพย์ของโรงแรมและรีสอร์ตจำนวน 69 แห่ง (90% อยู่ในสหรัฐอเมริกา) ออกไปเป็นบริษัทต่างหาก
เหตุผลสำคัญที่แยกธุรกิจของ Park เป็นเพราะรูปแบบการหารายได้จะเน้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อหาผลตอบแทนระยะยาว มากกว่าการได้ค่าเช่าระยะสั้นแบบธุรกิจโรงแรม
บริษัทใหม่จะได้ Tom Baltimore ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์มานั่งเป็นซีอีโอ
Hilton Grand Vacations (HGV) ธุรกิจแบ่งบ้านให้เช่า
ธุรกิจการเช่าบ้านพักตากอากาศ (vacation rental) กำลังได้รับความนิยมสูง อันเป็นผลมาจากโมเดลธุรกิจแบบ Airbnb ดังจะเห็นได้จากกลุ่ม Choice Hotels หันมาลุยธุรกิจนี้ในชื่อ Vacation Rentals by Choice Hotels
ฝั่งของ Hilton ก็มีหน่วยธุรกิจชื่อ Hilton Grand Vacations หรือตัวย่อ HGV มาทำธุรกิจแบบ timeshare ได้สักระยะ ปัจจุบันมีรีสอร์ต 46 แห่งเปิดให้เช่า และมีสมาชิกกว่า 2.5 แสนรายผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนแลกบ้านเช่าตากอากาศหรือคอนโดกัน
ในโอกาสที่บริษัทแม่ Hilton Worldwide ปรับโครงสร้าง ส่งผลให้ HGV แยกตัวออกเป็นบริษัทอิสระด้วยเลย และ Mark Wang หัวหน้าฝ่าย HGV ก็จะดำรงตำแหน่งเป็นซีอีโอสืบเนื่องต่อไป
กล่าวโดยสรุปแล้ว การแยกบริษัทของ Hilton Worldwide ออกเป็น 3 ส่วน เป็นเหตุผลเรื่องการบริหารต้นทุนการเงิน เพราะแต่ละธุรกิจมีธรรมชาติต่างกัน ส่งผลให้มีวิธีการจัดการต้นทุนทางการเงินแตกต่างกัน การนำธุรกิจทั้งหมดมาอยู่ภายใต้บริษัทเดียว จึงย่อมได้รับแรงกดดันจากผู้ถือหุ้น (Hilton เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์) และบริษัทไม่สามารถเคลื่อนตัวได้ยืดหยุ่นอย่างที่ควรจะเป็น
การแยกบริษัทของ Hilton กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการทางเอกสารกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใด
ที่มา – Hilton (PDF)