สายการบินหลายแห่งเริ่มเปิดให้ผู้โดยสาร “ประมูล” เพื่ออัพเกรดชั้นที่นั่ง

ในอดีต สายการบินที่มีที่นั่งชั้นธุรกิจว่าง มักใจดี “อัพเกรด” ให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดเลื่อนขึ้นมานั่งชั้นธุรกิจแทน (มีทั้งแบบอัพเกรดให้ฟรีและเสียเงินเพิ่ม)

แต่ในยุคปัจจุบันที่อุตสาหกรรมการบินแข่งขันสูง ต้องพึ่งพารายได้ทุกเม็ด การอัพเกรดแบบเดิมอาจสร้างรายได้ให้กับสายการบินอย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

สายการบินหลายแห่งเลยใช้วิธี “เปิดประมูล” มันซะเลย

ระบบประมูล Bid Now Upgrades ของสายการบิน Qantas
ระบบประมูล Bid Now Upgrades ของสายการบิน Qantas

ประมูลเพื่ออัพเกรดระดับชั้นที่นั่ง

ระบบการประมูลที่นั่งของสายการบิน จะเริ่มขึ้นในช่วงประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนเดินทาง ซึ่งสายการบินพอทราบข้อมูลแล้วว่าเที่ยวบินนั้นมีผู้โดยสารมากน้อยแค่ไหน มีที่นั่งชั้นธุรกิจหรือ Premium Economy เหลือว่างหรือเปล่า

จากนั้นสายการบินจะส่งอีเมลไปยังผู้โดยสารชั้นประหยัด เพื่อถามความสนใจว่าต้องการประมูลเพื่ออัพเกรดที่นั่งหรือไม่ ถ้าต้องการก็สามารถเสนอราคาได้ผ่านเว็บไซต์ของสายการบิน (สายการบินจะตั้งราคาต่ำสุด minimum bid และราคาสูงสุด maximum bid เพื่อกำหนดกรอบสาขาเอาไว้) สายการบินบางแห่งอาจให้เสนอราคาเป็นแต้มสะสมแทนเงินจริง

ผู้โดยสารมีโอกาสเสนอราคาเพียงครั้งเดียว สายการบินส่วนใหญ่มักกำหนดให้ยื่นราคาภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเริ่มเดินทาง กระบวนการประมูลจะเสร็จสิ้นราว 50 ชั่วโมงก่อนออกบิน โดยสายการบินจะแจ้งไปยังผู้โดยสารที่ชนะว่าได้อัพเกรดที่นั่งตามต้องการ

วิดีโอแนะนำระบบอัพเกรดของสายการบิน Air New Zealand

https://youtu.be/uKri0p3aex8

วิดีโออธิบายระบบการอัพเกรด Smart Upgrade ของสายการบิน Austrian Airlines

https://youtu.be/WlcvfPCt5zo

ข้อดีของการประมูลที่นั่ง มีทั้งช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับสายการบิน ฝั่งของผู้โดยสารเองก็ได้เลื่อนไปนั่งเก้าอี้ในระดับที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องจ่ายราคาเต็ม (แลกกับการการันตีว่าอาจไม่ได้อัพเกรด)

สายการบินส่วนใหญ่มักใช้ระบบประมูลที่นั่งเพื่ออัพเกรดของบริษัท Plusgrade ตัวอย่างสายการบินที่มีระบบนี้ได้แก่ Austrian, Air China, Air New Zealand, American Airlines, Cathay Pacific, Etihad, Garuda Indonesia, KLM, Lufthansa, Qantas เป็นต้น

plusgrade

เทคนิค: ประมูลที่นั่งอย่างไรให้ชนะ?

เว็บไซต์ The Points Guy แนะนำเทคนิคที่ช่วยให้เราประมูลชนะง่ายขึ้น ดังนี้

  • ใช้เว็บไซต์ ExpertFlyer เพื่อดูว่ามีที่นั่งแบบพรีเมียมเหลือว่างกี่ที่ในไฟลท์นั้น
  • ตั้งเป้าราคาราว 20-40% ของส่วนต่างระหว่างราคาตั๋วชั้นประหยัด และตั๋วชั้นธุรกิจ
  • เสนอราคาให้มากกว่าราคาขั้นต่ำ (minimum price) ที่สายการบินกำหนดไว้เล็กน้อย เพราะลูกค้นคนอื่นมักเสนอเท่าราคาขั้นต่ำพอดี

ข้อมูลจาก The Economist และ The Points Guy