จากที่เราเคยเขียนไปในบทความ 10 เหตุผลที่คุณควรไปเที่ยวจอร์แดน ว่าประเทศจอร์แดนเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณหลายเผ่าพันธุ์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ชาวยิว” ที่ตั้งรกรากอยู่บริเวณนครศักดิ์สิทธิ์ “เยรูซาเล็ม” เมืองหลวงของอิสราเอล เพื่อนบ้านของประเทศจอร์แดน
เรื่องราวอภินิหารตำนานของชาวยิวถูกเล่าขานในคัมภีร์ของทั้งศาสนายูดาย (ยิว) ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลามที่มีแหล่งกำเนิดมาจากวงศ์เดียวกัน เนื้อหาที่เราอาจจะคุ้นเคยหน่อยคือเรื่องของ “โมเสส” (Moses) ผู้นำชาวยิวในยุคสมัยหนึ่งที่พาทาสชาวยิวในอียิปต์ เดินทางหลบหนี “แหวกทะเลแดง” กลับมายังดินแดนแห่งผู้ให้กำเนิดที่อิสราเอล
ตำนานของโมเสสกับภูเขาเนโบ
เรื่องราวของโมเสสถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์เก่าของชาวยิว และพระคัมภีร์ใหม่ของชาวคริสต์ รวมถึงถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์-การ์ตูนหลายต่อหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ในแง่ประวัติศาสตร์และโบราณคดีนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่าตกลงแล้วโมเสสมีตัวตนจริงหรือไม่ และถ้ามีตัวตนจริง เขาอยู่ในยุคสมัยใดกันแน่
เหตุการณ์ในพระคัมภีร์เล่าว่า โมเสสเป็นเจ้าชายของอียิปต์ที่ค้นพบว่าตัวเองเป็นชาวยิว และได้รับอาณัติของพระผู้เป็นเจ้าให้ปลดปล่อยชาวยิวและพากลับไปยังอิสราเอล เรื่องตามตำนานบอกว่าโมเสสใช้พลังอำนาจแหวกทะเลแดงออกเป็น 2 ส่วนแล้วพาชาวยิวเดินข้ามไป ในขณะที่ทหารอียิปต์ที่ไล่ตามมานั้นโดนน้ำทะเลกลืนหายไปหมด
คลิปวิดีโอจากการ์ตูนเรื่อง The Prince of Egypt โมเสสพาชาวยิวหลบหนีข้ามทะเลแดง
อย่างไรก็ตาม โมเสสเดินทางกลับไปไม่ถึงอิสราเอล เพราะเมื่อมาถึงจอร์แดน เห็นดินแดนอิสราเอลอยู่ลิบๆ เขาก็เสียชีวิตลงก่อนจะถึงบ้าน แต่ชาวยิวที่เดินทางมากับเขาก็สามารถกลับคืนสู่อิสราเอลได้ในที่สุด
จุดที่โมเสสเสียชีวิตคือ “ภูเขาเนโบ” (Mount Nebo) บริเวณชายแดนระหว่างจอร์แดนและอิสราเอล ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจอร์แดน ที่อิงจากประวัติศาสตร์ตามพระคัมภีร์นั่นเอง
ตอนนี้เราจึงจะมาเที่ยวภูเขาเนโบ ตามรอยโมเสสกัน
ภูเขาเนโบ ตั้งอยู่ตรงไหน
ภูเขาเนโบตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงอัมมาน เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน โดยอยู่ใกล้กับทะเลสาบเดดซีและแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างอิสราเอลกับจอร์แดน ดังภาพ
ในวันที่อากาศดี การมายืนอยู่บนภูเขาเนโบจึงสามารถมองเห็นดินแดนอิสราเอลอยู่ไกลๆ ราวกับว่าเราเป็นโมเสสยังไงยังงั้น
การเดินทางมายังภูเขาเนโบต้องมาทางรถยนต์เท่านั้น เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดคือเมือง Madaba
ภูเขาเนโบ มีอะไรให้ดูบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าเรื่องของโมเสสเป็นแค่ “ตำนาน” ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้จริง ดังนั้นจะหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใดๆ คงไม่มีให้เห็น (เน้นมาตามรอยโมเสสมากกว่า) แต่ชาวจอร์แดนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ก็สร้างสถานที่เพื่อระลึกถึง “โมเสส” กันอยู่บ้าง โดยในศตวรรษที่ 4 มีผู้แสวงบุญมาสร้างโบสถ์ไว้บนนี้เพื่อระลึกถึงโมเสส แต่โบสถ์แห่งนี้ถูกทิ้งร้างไปเมื่อ ค.ศ. 1564 และถูกฟื้นฟูใหม่อีกครั้งใน ค.ศ. 1993
อนุสาวรีย์ทั้งหมดบนภูเขาเนโบจึงถูกสร้างขึ้นในช่วงหลังๆ มานี้เอง เมื่อเราเดินเข้าไปในโซนของยอดเขา จะเห็นแท่งหินตั้งอยู่ระหว่างทางเดิน ตามภาพ
อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อต้อนรับการมาเยือนของพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ที่เสด็จมาดูภูเขาเนโบเมื่อปี 2000
แท่งหินนี้สร้างโดยศิลปินชาวอิตาลี และมีความหมายซ่อนอยู่มากมาย ทั้งรอยมือและใบหน้า
บริเวณใกล้ๆ กันมีแผ่นหินตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกแก่โมเสส (Memorial of Moses) ไว้ให้เป็นจุดถ่ายรูปด้วย
วิวบนภูเขาเนโบ จะเห็นสภาพภูมิประเทศค่อนข้างแห้งแล้ง มีต้นไม้ขึ้นอยู่บ้าง
บนยอดเขามีโบสถ์ที่สร้างอุทิศให้โมเสส ปัจจุบันถูกปรับปรุงโดยสร้างโบสถ์สมัยใหม่ครอบไปอีกชั้น (แต่ฐานกำแพงยังใช้ของเดิม) ช่วงที่เราไปยังสร้างไม่เสร็จ (พ.ย. 2014) และยังห้ามเข้าอยู่
ป้ายแสดงรายละเอียดของสิ่งก่อสร้างบนภูเขาเนโบ จะเห็นว่าโซนของโบสถ์ยังปิดไม่ให้เข้าชม
ด้านหลังของโบสถ์มีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กให้เยี่ยมชม มีซากหม้อไห เครื่องประดับสมัยโบราณ รวมถึงแผ่นกระเบื้องโมเสกที่ได้รับความนิยมในอดีต แผ่นที่เห็นยังสมบูรณ์อยู่มาก
แผ่นโมเสกแบบชัดๆ
ถ้าอ้อมไปด้านหน้าโบสถ์ จะเห็นไม้กางเขนที่ถูกสร้างเป็นที่ระลึกเช่นกัน (รูปทรงจะคล้ายๆ กับการ์ตูนเรื่องอีแวนเกเลียน)
จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นฝั่งอิสราเอล พร้อมแผ่นป้ายบอกว่าดินแดนในพระคัมภีร์อยู่ตรงไหนกันบ้าง เช่น เมืองเจอริโค (Jericho) อยู่ใกล้ที่สุด ในขณะที่เบธเลเฮม (Bethlehem) อยู่ไกลออกไป เป็นต้น
น่าเสียดายว่าวันที่เราไปนั้นฝนตก ฟ้าปิด หมอกลง เลยไม่เห็นอะไรมากนัก (ลมบนภูเขาเนโบค่อนข้างแรง ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวมาให้พร้อม)
เรื่องของการตามรอยโมเสสบนภูเขาเนโบคงจบแค่นี้ แต่ถ้าใครสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์จริงๆ จังๆ และมีโอกาสได้มาเที่ยวจอร์แดน อาจไปชมจุดอาบน้ำชำระ (ที่เรียกว่าแบปติสม์ Baptism) ของพระเยซูที่ริมแม่น้ำจอร์แดน ตามเรื่องราวในพระคัมภีร์ (อาบที่แม่น้ำจอร์แดนซึ่งเป็นเส้นแบ่งพรมแดน แต่จุดที่อาบอยู่ในฝั่งจอร์แดน)
สถานที่นี้อยู่ตรง Wadi Kharrar Baptism Site ตามในภาพด้านล่าง
ต้องบอกอีกเช่นกันว่าไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แน่ชัดว่าพระเยซูมาอาบน้ำตรงนี้จริงๆ เป็นแค่จุดที่ “เชื่อกันว่า” แต่ก็มีการสร้างอาคารและโบสถ์ไว้เป็นที่ระลึกถึง รายละเอียดดูได้จาก Sacred Destinations
บทความซีรีส์จอร์แดนตอนต่อๆ ไปเราจะไปตามรอยประวัติศาสตร์ของอารยธรรมโบราณอื่นๆ กัน