ทีมงาน 2baht มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวกระบี่ และใช้บริการสายการบิน Bangkok Airways เราจึงจะนำประสบการณ์มาบอกเล่าให้ฟังกันครับ (การเดินทางครั้งนี้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ไม่มีสายการบินสนับสนุน)
รายละเอียดเที่ยวบิน
- ขาไป: PG 263 BKK -> KBV
- ขากลับ: PG 262 KBV -> BKK
การเช็คอินที่สนามบิน
สำหรับเที่ยวบินจากกรุงเทพ ต้องขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายในสนามบินจะมีเลาจน์ไว้บริการผู้โดยสารระหว่างรอการเดินทางด้วย แนะนำให้เช็คอินจากที่บ้านไปก่อน เนื่องจากแถวเช็คอินในสนามบินจะค่อนข้างยาว หากเช็คอินออนไลน์มาแล้วสามารถเข้าแถวทางลัดโหลดกระเป๋าและปริ๊นท์ boarding pass ได้เลย การซื้อตั๋วจาก Bangkok Airways จะรวมค่าโหลดกระเป๋าให้อยู่แล้ว
ส่วนเที่ยวบินจากกระบี่ หากมีเวลาแนะนำให้เช็คอินก่อนมา แม้แถวเช็คอินจะไม่ได้ยาวมาก แต่แถวลัดโหลดกระเป๋าอย่างเดียวก็สั้นกว่าอยู่ดี เคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบินกระบี่จะเปิดก่อนเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงพอดี ๆ
แนะนำว่าให้รีบมาเช็คอินที่สนามบินเร็ว ๆ จะได้เข้าไปใช้บริการเลาจน์ของ Bangkok Airways ภายในพื้นที่จะสามารถพักผ่อนหรือทำงานได้ก่อนขึ้นเครื่องแบบสบาย ๆ
Boutique Lounge
ไฮไลต์อย่างหนึ่งของ Bangkok Airways คือมีเลาจน์ไว้บริการลูกค้า แม้ว่าจะบินชั้นประหยัดก็ตาม
เลาจน์สำหรับชั้นประหยัดจะเรียกว่า Boutique Lounge สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิเลาจน์จะอยู่ที่โซน A เลยเลาจน์การบินไทยไปเล็กน้อย ค่อนข้างไกลจากเกท B ดังนั้นหากใครขึ้นเครื่องเกท A ก็ไม่ต้องเผื่อเวลาเดินมากนัก แต่ถ้าขึ้นเครื่องเกท B ควรจะเผื่อเวลาเดินอย่างน้อย 10-15 นาทีก่อนเวลาขึ้นเครื่อง และในเลาจน์จะมีประกาศเที่ยวบินของ Bangkok Airways เป็นระยะ ๆ ด้วย
ส่วนที่สนามบินกระบี่ เข้ามาที่ใกล้ ๆ หน้าเกทก็จะเจอเลาจน์เลย ดังนั้นสำหรับสนามบินกระบี่ไม่ต้องเผื่อเวลาขึ้นเครื่องมาก
วิธีเข้าเลาจน์ของ Bangkok Airways คือยื่น boarding pass ให้พนักงานที่อยู่หน้าเลาจน์ และพนักงานจะคืนมาพร้อมกับรหัส Wi-Fi
อาหารและเครื่องดื่มภายในเลาจน์ จะเน้น snack สำหรับรองท้อง อาหารขึ้นชื่อของ Bangkok Airways คือข้าวต้มมัด
ส่วนอาหารอื่น ๆ เช่น ขนมปัง, แซนด์วิช, ชา, กาแฟ, น้ำผลไม้, น้ำเปล่า, ป๊อปคอร์น โดยทั้งสนามบินสุวรรณภูมิและกระบี่ก็จะให้บริการอาหารคล้าย ๆ กัน
หลังจากทีมงานได้ทานข้าวต้มมัด ก็ยอมรับว่าของ Bangkok Airways ทำมาได้ดีจริง ๆ โดยเวอร์ชันสุวรรณภูมิไส้นั้นถือว่านุ่มเป็นพอดีกับข้างนอก แต่ที่กระบี่มีข้อติเล็กน้อยว่าไส้ไม่ค่อยสุกพอดีนัก (ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเพราะแช่แข็งแล้วนำมาอุ่นหรือเปล่า)
ส่วนขนมอย่างอื่นถือว่าค่อนข้างธรรมดา แต่เครื่องดื่มที่มีให้ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการอย่างมาก
พื้นที่นั่งของเลาจน์จะสบายกว่าข้างนอก มีปลั๊กชาร์จไฟให้ มีโซฟาให้นั่ง เลาจน์ที่สุวรรณภูมิจะมีโซนสำหรับเด็กด้วย
ความเห็นหลังจากใช้บริการเลาจน์แล้ว ขอบอกไว้เลยว่าเลาจน์คือจุดแข็งของ Bangkok Airways ดังนั้นถ้าใครมีโอกาสบินกับ Bangkok Airways เลาจน์ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ควรจะพลาด
บนเครื่องบิน
เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง Bangkok Airways จะประกาศเรียกให้ขึ้นเครื่องตามปกติ ห้องโดยสารของ Bangkok Airways จะใช้สีสว่างและที่นั่งจะใช้สีฟ้าตกแต่ง โดยก่อนเครื่องเทคออฟพนักงานก็จะมาสาธิตความปลอดภัยตามกฎการบิน และหลังจากเครื่องเทคออฟแล้วพนักงานก็จะเริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟ
Bangkok Airways จะเสิร์ฟอาหารแค่อย่างเดียว เที่ยวขาไปได้อาหารเป็นข้าวแกงเขียวหวานกุ้ง เสิร์ฟพร้อมผลไม้ อาหารที่ให้มาถือว่าเพียงพอต่อการรองท้องในระดับหนึ่ง คุณภาพอาหารในครั้งนี้ถือว่าดีมาก และอาหารมาแบบกำลังอุ่น ๆ เลย
ขากลับเมนูที่เสิร์ฟเป็นคร็อกเก็ตปลา เสิร์ฟพร้อมกับเค้ก 1 ชิ้น (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา) ตัวผมเองแอบไม่ค่อยชอบเมนูขากลับนี้สักเท่าไร เพราะว่าคร็อกเก็ตนั้นมาแบบเย็น ๆ จึงทำให้รสชาติไม่ค่อยอร่อย (คิดว่าถ้าอุ่น ๆ น่าจะอร่อยกว่านี้)
ระหว่างที่ทานอาหาร พนักงานจะเสิร์ฟเครื่องดื่มอย่างเช่น น้ำผลไม้, ชา และกาแฟด้วย สามารถเรียกขอได้ตามต้องการ เมื่อทานอาหารเสร็จ พนักงานก็จะเก็บถาดอาหารไป หลังจากนั้นสามารถนอนผักผ่อนได้ตามอัธยาศัย จนกว่าเครื่องบินจะลง
สรุป
Bangkok Airways ยังคงให้บริการผู้โดยสารได้อย่างดี ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเลาจน์ แม้ว่าจะมีอาหารบางอย่างไม่ค่อยถูกปากทีมงานบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าดีมากและคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
การบินกับสายการบินนี้ ทีมงานเห็นว่าเราได้พักผ่อนจริง ๆ และจะเหมาะมากหากมากับครอบครัวหรือผู้สูงอายุหรือต้องโหลดกระเป๋า เพราะว่าจ่ายทีเดียวครบและคุ้มจริง ๆ
ทั้งนี้ หากเป็นการเดินทางคนเดียวและไม่ได้เน้นการพักผ่อนมาก Bangkok Airways อาจจะไม่เหมาะนักเพราะว่าราคาที่แพงกว่าสายการบินโลวคอสท์ ซึ่งถ้าเราไม่ได้ต้องการออฟชั่นเสริมการบินโลวคอสท์อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า