เกาะฮ่องกงเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรัก Hello Kitty อันดับต้นๆ ของโลก ที่นี่มีสินค้าคิตตี้ขายกันเยอะพอๆ กับญี่ปุ่น แทบทุกปลายปีจะมี event ฉลองคริสตมาสของ Hello Kitty ให้บรรดาแฟนๆ มาถ่ายรูปกันที่ห้าง Langham Place หรือแม้แต่ 7-Eleven ก็ยังออกโปรโมชั่นสะสม Hello Kitty
ด้วยสภาพเป็นเกาะที่ผู้คนหนาแน่น ดังนั้นประชากรส่วนใหญ่ของฮ่องกงมักจะอาศัยตามคอนโด ห้องเล็กๆ แต่ built-in เฟอร์นิเจอร์ไปจนสุดเพดานเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยได้มากที่สุด ระเบียงเล็กๆ คงปลูกต้นไม้ได้แต่ในกระถางเท่านั้น ทำให้เด็กๆ ในเมืองอาจจะห่างเหินจากแหล่งสีเขียว จนเกิดเป็นไอเดียให้เด็กมาเช่าแปลงปลูกผักกับคิตตี้ที่ “Hello Kitty Go Green Organic Farm” ฉลองครบรอบ 40 ปีคิตตี้พอดี โดยเริ่มเปิดให้บริการเมื่อกลางปี 2014
การเดินทาง
แน่นอนว่าราคาที่ดินในฮ่องกงย่อมแพงลิบ ดังนั้นการเดินทางอาจจะต้องมานอกเมืองกันสักหน่อย ฟาร์มนี้จะอยู่ทางตอนบนของฝั่งเกาลูน แต่ก็ยังเดินทางได้สะดวกเพราะระบบขนส่งมวลชนที่ดีมีรถไฟฟ้า MTR สาย West Rail ผ่าน ตัวฟาร์มอยู่ไม่ไกลจากสถานี Kam Sheung Road ออกที่ Exit A แล้วเดินไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงแล้ว
การเดินทางด้วยรถไฟ MTR สามารถนั่งรถสายสีม่วงยาวจากสถานี East Tsim Sha Tshui มาลงที่ Kam Sheung Road ได้เลย นั่งนานหน่อยแต่ไม่ต้องต่อรถ
คำแนะนำ ลงแอพ MTR Mobile (รวม 6 แอพแนะนำสำหรับเที่ยวฮ่องกง) แล้วคำนวณค่าใช้จ่าย ถ้าไป-กลับ หากประมาณ 40-50 HKD ทาง 2baht.com ขอแนะนำให้ซื้อตั๋ว Tourist day Pass ที่สถานี MTR ทุกแห่งในราคา 55 ดอลลาร์ฮ่องกง ใช้ได้ทั้ง MTR และ Light Rail นับ 24 ชั่วโมงจากการติ๊ดบัตรครั้งแรก ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายกว่ามาก เรียกว่า “บัตรเบ่ง” ก็ยังได้ เพราะใช้ได้เฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้น และต้องโชว์ Passport ให้เจ้าหน้าที่ขณะที่ซื้อด้วย
พวกเราเดินทางมาเปลี่ยนรถที่สถานี Mei Foo จากนั้นให้สังเกตป้าย MTR West Rail Line ปลายทางไปสถานี Tuen Mun
ลงสถานี Kam Shueng Road, Exit A “MTR Kam Tin Building”
เมื่อออกมาแล้วให้เดินตรงไป ผ่านลานจอดรถ จนข้ามถนน
จากนั้นจะเห็นป้ายบอกทางเป็นระยะๆ จากรูปด้านล่างนี้ พอข้ามถนนแล้วให้เดินไปทางขวา ตรงไปอีกนิดจะมีป้ายให้เลี้ยวซ้าย
จะพบทางเดินลอดอุโมงค์ใต้ถนน ข้ามไปอีกนิดก็ถึงฟาร์มแล้ว
ฟาร์มน้อยริมลำธาร
เมื่อมุดออกมาจากอุโมงค์เราจะเจอภูมิประเทศที่แปลกตาออกไปจากในเมือง ที่ต่างจากย่าน Tsim Sha Tsui ไปเลย ภูมิประเทศแวดล้อมไปด้วยภูเขา ต้นไม้ และมีลำธารน้อยลัดเลาะอยู่ตรงทางเข้า
ป้าย Hello Kitty เด่นชัดอยู่หน้าฟาร์ม รับรองว่ามาไม่ผิดที่แน่ๆ
เรามาเช้าวันธรรมดา บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบเหงา เพราะลูกค้าซึ่งเป็นเด็กๆ ฮ่องกงที่เช่าแปลงผักยังไปโรงเรียนกันอยู่ ซึ่งต่างกันกับวันหยุดที่จะพลุกพล่านกว่า
ใกล้ทางเข้าจะมีซุ้มเกมน่ารักๆ ให้เล่น
มาแต่เช้า เก้าอี้และโต๊ะเรียนของเด็กๆ ยังเก็บอยู่ ไม่ถูกใช้งาน
แปลงผักมีป้าย Kitty เต็มไปหมด
บริเวณฟาร์มพืชผักจะมีป้ายคิตตี้สอนการทำเกษตรแบบออร์แกนิก โดยจะอธิบายแนวคิดและวิธีการต่างๆ ทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
อย่างป้ายข้างล่างนี้ สอนว่าทำไมเราต้องทำเกษตรแบบ organic
ที่นี่ยังรับฝากกล่องเก็บอุปกรณ์ของลูกค้าตัวน้อยๆ บางคนมีแม้กระทั่งรองเท้าบูธด้วย
บังเอิญสวนทางกับเจ้าของฟาร์มตัวจริง (ดูน้องเค้าร่าเริงมาก เดินนำป่าป๊า หม่าม้าชมฟาร์มของตัวเอง)
แปลงอนุบาลผักน้อยๆ
ทุกแปลงจะมีป้ายชื่อของเด็กๆ ว่าใครเป็นเจ้าของแปลงนั้น
นอกจากแปลงพืชผักแล้ว ยังมีคอกสัตว์เลี้ยงด้วยนะ
ให้อาหารแพะกัน
เจ้าหมูอ้วนหนึ่งเดียวใน Hello Kitty Farm
บ้านกระต่าย
มีใครเห็น My Melody บ้างมั้ย
บริเวณท้ายฟาร์มจะมีคิตตี้ในร่างสาวน้อยบ้านไร่มาขายผักให้ถ่ายรูปกัน
เร่เข้ามาจ๊ะ รับแครอทสดๆ ไปทานกันมั้ยคะ
ห้องเรียนอีกแห่งใน Hello Kitty Farm
ข้างๆ จะมีลานกิจกรรมอีกแห่ง เน้นบรรยากาศบ้านสวน มีแต่พัดลมเท่านั้น ไม่มีแอร์แต่อย่างใด ซึ่งเราว่าดีนะให้เด็กๆ ได้ใกล้ชิดธรรมชาติบ้าง
ตอนแรกที่เห็นตุ๊กตาคิตตี้ตัวนี้นึกว่าคิตตี้แม่มด ดูไปอีกสักพักถึงนึกได้ว่าเป็นคิตตี้หุ่นไล่กานี่เอง (น่ารักไปมั้ย จะไล่กาได้หรือเปล่า?)
อีกโซนหนึ่งมีเด็กมาเรียนกันเต็มแล้ว (ตอนเรากลับ มีเด็กอีกชั้นหนึ่งเริ่มเข้ามาที่ฟาร์มกันพอดี)
โซนร้านขายอาหาร (เราอาจจะมาเช้าไปสำหรับวันธรรมดา เวลาเกือบ 11.00 น. จึงยังไม่ทันเปิด) เมนูก็จะมีแต่ภาษาจีน ราคา 25-50 ดอลลาร์
ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก มีลิขสิทธิ์จาก Sanrio
ด้วยเวลาในการเที่ยวอันจำกัดและไม่ได้อยู่กันเป็นเดือน จึงไม่สามารถเช่าแปลงปลูกผักกันได้ เลยขอเก็บรายละเอียดจากร้านขายของที่ระลึกที่เป็นสินค้าลิขสิทธิ์จาก sanrio มาให้ชมกัน
มีทั้งกระถางคิตตี้เอาไปปลูกต้นไม้ต่อที่บ้าน 68 HKD (ไม่รวมตุ๊กตา), ตุ๊กตาหุ่นไล่กาที่อยู่ในกระถาง 80 HKD, เข็มกลัดอันละ 15 HKD – แบบเซ็ต 68 HKD
เดี๋ยวนี้ฮ่องกงรณรงค์การไม่ใช้ถุงพลาสติกกันมากขึ้น โปรดเตรียมถุงกันไปเอง หรือใครมีเป้ก็พกเป้ไปเที่ยวกันด้วยนะ
นอกจากของที่ระลึกแล้วยังมีสินค้าผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ
สินค้าหัตถกรรม ของพวกนี้คนไทยมาเจอคงเฉยๆ กัน แต่ถือเป็นของแปลกของฮ่องกง
ฟาร์มนี้ยังผลิตสลัดผักด้วย อันนี้ไม่แน่ใจว่าส่งขายที่ไหนบ้าง
ต้นไม้แบบนี้ก็มีแยกขายเป็นกระถาง
รายละเอียดเพิ่มเติม
- เว็บไซต์ : gogreenlife.com.hk
- facebook : Hello Kitty有機薈低碳農莊 Hello Kitty Go Green Organic Farm
- เวลาเปิด-ปิด : ทุกวันพฤหัสบดี – จันทร์ (ปิดวันอังคารและพุธ) เวลา 9.30 – 18.00 น.
- ค่าตั๋วเข้าฟาร์ม : วันธรรมดา 20 HKD, วันหยุด 30 HKD
- การเดินทาง : MTR สายสีม่วง (West Rail Line) สถานี Kam Sheung Road ทางออก A
แม้ Hello Kitty Organic Farm จะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเหมือน Disneyland หรือ Ocean Park ที่มีขนาดใหญ่ และมีกิจกรรมหลากหลาย แต่ด้วย concept ของที่นี่คือให้เด็กๆ มาเรียนรู้ธรรมชาติ มาทำฟาร์มจากแปลงผักบนดินกันจริงๆ โดยมี Hello Kitty เป็นสื่อกลางช่วยให้น่ารักน่าเรียนมากขึ้น
ฟาร์มแห่งนี้มีพื้นที่ 50,000 ตารางฟุต ซึ่งถือว่าค่อนข้างใหญ่แล้วสำหรับเกาะเล็กอย่างฮ่องกง แต่อาจเรียกว่าน้อยไปเยอะสำหรับบ้านเรา (แปลงเป็นหน่วยไทยๆ ก็ราว 3 ไร่) ดังนั้น ถ้าไม่ถึงขั้นคลั่งไคล้คิตตี้ หรือ เคยมาเที่ยวฮ่องกงจนไม่รู้จะเที่ยวอะไรแล้ว ก็อาจจะต้องตัดสินใจกันสักหน่อย แต่ 2baht.com ขอบอกว่าประทับใจในไอเดียที่ว้าวมากๆ แม้เนื้อที่จะมีน้อย แต่เค้าตั้งใจสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อเด็กๆ บ้านเค้าจนเราสัมผัสกันได้เลยแหละค่ะ 🙂