การแข่งขันรถแข่ง F1 Singapore Grand Prix เริ่มจัดครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์ในปี 2008 โดยถือเป็นการแข่งรถ F1 ตอนกลางคืน (night race) ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ F1 ด้วย
นอกจากการแข่งขันในเวลากลางคืนแล้ว สนามแข่ง Singapore F1 ยังมีความพิเศษตรงที่เป็นการแข่งบนถนนจริงในเมือง (ปิดถนนเพื่อจัดการแข่งขัน) ไม่ใช่สนามแข่งรถเป็นการเฉพาะ เหมือนกับสนามอื่นๆ ของ F1 ซึ่งเมืองไทยก็เคยมีแนวคิดจะทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ยังไม่สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นจริงได้
ทีมงาน 2Baht มีโอกาสได้เข้าชมการแข่งขัน F1 ปีล่าสุด Singapore Grand Prix 2015 ในช่วงวันซ้อม เลยมาเล่าประสบการณ์ให้อ่านกัน
รูปแบบการแข่งขัน F1 แข่งกันกี่วัน?
ก่อนอื่นต้องแนะนำข้อมูลรูปแบบการแข่งขัน F1 เพื่อปูพื้นกันก่อน ปกติแล้วในการแข่งขัน F1 ปีหนึ่งๆ จะต้องแข่งกันทั้งหมด 19 สนาม ซึ่งอาจมีลำดับหรือรายชื่อสนามเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อยในแต่ละปี
การแข่งขันอย่างเป็นทางการจะต้องแข่งกัน 2 วัน มักแข่งกันในวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้เข้าชม โดยวันเสาร์จะเป็นวันแข่งรอบคัดเลือก (qualifying) เพื่อจัดลำดับการออกตัวในวันแข่งจริง โดยจะจับเวลาต่อรอบของนักขับแต่ละคน เพื่อเรียงลำดับคนที่ทำเวลาได้เร็วที่สุด จะได้ออกตัวก่อนในวันจริง
ส่วนวันอาทิตย์จะเป็นวันแข่งขันจริง (race) ซึ่งนักขับแต่ละคนจะต้องวิ่งตามจำนวนรอบที่กำหนด (อย่างกรณีของสิงคโปร์คือ 61 รอบ) เพื่อหาผู้ชนะจากระยะเวลารวมทั้งหมด
แต่ในความเป็นจริงแล้ว จะยังมีวันซ้อมขับ (practice) ในวันศุกร์ก่อนหน้าอีกหนึ่งวัน ซึ่งในวันซ้อมนี้ ทีมรถแข่งแต่ละทีมจะนำรถมาลองขับในสนามจริงเพื่อปรับจูนก่อน แต่ไม่ได้แข่งกันจริงจังแต่อย่างใด นอกจากนี้ระหว่างการแข่งขันของ F1 ยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น แข่งรถประเภทอื่น (ไหนๆ อุตส่าห์ลงทุนปิดถนนทำสนามแล้ว) เพื่อเอาใจแฟนๆ ด้วย
รายละเอียดของตารางการแข่งขันในแต่ละปี อ่านได้จากเว็บไซต์ Singapore Grand Prix
ทีมงาน 2Baht เรามีโอกาสได้เข้าไปดู F1 Singapore ในวันซ้อมนี้เอง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นวันแข่งขันจริง (กำลังทรัพย์ไม่ถึง ได้เข้าไปดูขนาดนี้ก็มีบุญมากแล้ว) แต่ก็ได้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับของจริงมาก เพราะเราได้เข้าไปจนถึงอู่ (pit) ของจริงระหว่างการซ้อมด้วยเลยครับ
พื้นที่การแข่งขัน: ปิดถนนกลางเมือง
เนื่องจากการแข่งขันในสิงคโปร์ต้องปิดถนนเพื่อทำเป็นเลนสำหรับรถแข่ง สิงคโปร์เลยเลือกบริเวณที่สวยงามที่สุดของเมืองคือริมอ่าว Marina Bay ใกล้กับสิงโต Merlion, โรงละครรูปทุเรียน Esplanade และชิงช้าสวรรค์ Singapore Flyer เป็นสนามแข่งขัน โดยตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า Marina Bay Street Circuit
สนาม Marina Bay Street Circuit จะวิ่งเลียบริมอ่าว Marina Bay โดยมีจุดข้ามสะพานข้ามทะเลสั้นๆ อยู่หนึ่งจุดตรงหน้าโรงแรม Fullerton ไปยังโรงละคร Esplanade
ตัวสนามอาจมีระยะทางไม่ยาวนักคือ 5 กิโลเมตร แต่ก็มี “สแตนด์” ของผู้ชมกระจายตัวอยู่ตลอดเส้นทางวิ่ง (เท่าที่ลองนับดู มีทั้งหมด 8 สแตนด์) ซึ่งผู้ที่ต้องการชม F1 ก็สามารถเลือกได้ว่าอยากเข้าชมจากสแตนด์ไหน เพราะมีวิวและราคาที่แตกต่างกันไป
สแตนด์ที่สำคัญที่สุดคือ Pit Grandstand (หมุดสีแดงในภาพข้างบน) ที่อยู่ตรงจุดออกตัว-เส้นชัยพอดี โดยบริเวณนี้จะเป็นอาคารถาวรที่สิงคโปร์สร้างไว้สำหรับ F1 โดยเฉพาะ ทั้งสองฝั่งของทางวิ่งจะเป็นสแตนด์สำหรับผู้ชม โดยมีทั้งสแตนด์แบบปกติ (เป็นสโลปเหมือนสนามกีฬาทั่วไป) อยู่ฝั่งหนึ่ง และมี “สแตนด์ไฮโซ” แบบติดแอร์อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ทีมงาน 2Baht มีโอกาสเข้าไปนั่งในสแตนด์ไฮโซ หรือที่เรียกว่า F1 Paddock นี่ล่ะครับ มันอยู่ด้านบนของอู่รถ F1 เลย เวลารถวิ่งเข้ามาเปลี่ยนยางกัน เราก็ยืนมองได้จากข้างบนชั้นสองเลย ไฮโซไหมล่ะ
เยี่ยมชม Formula One Paddock Club
เนื่องจาก F1 Singapore ต้องปิดถนนเพื่อทำเป็นสนามแข่ง การจราจรโดยรอบจึงถูกปิดกั้นไปด้วย การเดินทางมายังสแตนด์จึงลำบากพอสมควร โดยมากแล้วต้องเดินเท้าเข้าไปจากจุดที่กำหนด (ตรงนี้เราได้ร่วมคณะ VIP เลยโชคดีมีรถวนไปส่งได้จนถึง Paddock เลย)
โซนของ Paddock เป็นเหมือนสโมสรบันเทิงที่คนมีสตางค์ (อย่างน้อยก็มีเงินซื้อบัตร) เข้ามาปาร์ตี้สังสรรค์กัน มีกิจกรรมรื่นเริงประกอบกับการชมรถแข่ง ดังนั้นภายในก็จะมีบาร์ ร้านอาหาร และโซนกิจกรรมต่างๆ เช่น ถ่ายรูป เล่นเกม ฯลฯ เพื่อเอาใจลูกค้าเหล่านี้
อาคาร F1 Paddock Club จะประกอบด้วยอาคารเตี้ยๆ 1 ชั้น สำหรับแขกทั่วไปที่อยากมาดื่มกิน ตรงนี้จะตรวจบัตรอย่างละเอียด พร้อมทั้งสแกนกระเป๋าด้วย จึงจะเข้าไปได้
โซนกิจกรรมต่างๆ ภายใน Paddock Club
ด้านหลังของอาคารทางเข้า เป็นตัวสแตนด์หลักของ Paddock Club ซึ่งเป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นอู่ของทีม F1 แต่ละทีม ส่วนชั้น 2 และ 3 เป็นคลับที่บริษัทห้างร้านต่างๆ มาเช่าไว้เพื่อให้บริการกับลูกค้าของตัวเอง หรือไม่ก็ขายบัตรสำหรับผู้สนใจเข้ามาดื่มกินชม F1 แบบใกล้ชิด
ตัวอย่างบริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้ได้แก่ Singapore Airlines, Temasek, ธนาคาร UBS, นาฬิกา Rolex หรือบางครั้งก็เป็นรีสอร์ตหรือโรงแรมหรูของสิงคโปร์เอง เช่น Resort World Sentosa หรือทีมรถแข่ง F1 มาเช่าเอง เช่น Lotus F1 กับ McLaren Honda
งานนี้เราได้ความอนุเคราะห์จาก Microsoft Asia ที่เป็นพันธมิตรกับทีม Lotus F1 เลยมีโอกาสได้เข้าใช้บริการห้องของทีม Lotus F1 ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ
หน้าตาของห้องใน Paddock Club ก็ตามนี้ เป็นเหมือนห้องอาหารในโรงแรมทั่วไป
กรณีของทีม Lotus เขาก็จะใช้บริการโรงแรมเครือ Four Seasons มาจัดการเรื่องอาหารและการบริการให้ อาหารที่ให้บริการก็คล้ายๆ กับการไปกินบุฟเฟต์โรงแรม (อาหารกินแล้วพบว่างั้นๆ กินโรงแรมเมืองไทยอร่อยกว่านะ) มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างแชมเปญ ไวน์และเบียร์บริการเต็มที่
โต๊ะแต่ละตัวที่ที่นั่งชัดเจน ห้ามนั่งกันมั่ว พวกนี้เป็นสปอนเซอร์ของทีม Lotus หรือลูกค้ามาซื้อที่นั่งเอาไว้แบบเหมา 3 วัน แล้วค่อยมาแจกให้กับลูกค้าของตัวเองอีกทีหนึ่ง
จุดที่โดดเด่นกว่าห้องอาหารธรรมดา ย่อมเป็น “วิว” ที่คุณจะกินข้าวไป นั่งดูการแข่งรถไปได้ผ่านกระจกใสบานใหญ่ มุมมองที่ดีที่สุดแบบนี้
สิ่งแรกที่ชาวคณะของเราทำคือวิ่งไปที่กระจกแล้วก็ถ่ายรูปๆๆๆๆ ไปสักประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะหายเห่อกันครับ ถ่ายกับสนามว่างๆ เนี่ยแหละ
จะเห็นว่าสแตนด์ฝั่งตรงข้ามเป็นสแตนด์แบบไม่ติดแอร์ (แต่ด้านบนสุด บนดาดฟ้าก็มีคลับให้นั่งเหมือนกันนะ) พวกแฟนๆ F1 ก็เริ่มเข้าสนามกันมาประปรายตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด (ประมาณ 6 โมงเย็นตามเวลาท้องถิ่น)
ประสบการณ์ชม F1 แบบใกล้ชิดริงไซด์
มุมมองขั้นเทพของห้อง Paddock คือจะเห็นกิจกรรมในเลนเข้าอู่ (pit-lane) อย่างชัดเจน เนื่องจากวันที่เราไปเยี่ยมชมเป็นวันซ้อมแข่ง กิจกรรมเลยออกมาเบาๆ เน้นเฮฮาปาร์ตี้ ถ่ายรูปโน่นนี่ ไม่มีการแข่งขันอะไรจริงจังอยู่แล้วนี่
ระหว่างรอการซ้อม ทั้งนักแข่งและนักข่าวก็ไม่มีอะไรทำ ถ่ายรูปกันเลยดีกว่า (ผู้ชมแบบเราๆ ก็ถ่ายรูปเขาอีกทีนึง)
พอเริ่มค่ำ พวกทีม F1 ก็เริ่มมาซ้อมกันแล้ว การดู F1 จากสนามจริง จะเห็นรถกันแค่แวบเดียวเพราะวิ่งผ่านสแตนด์ของเราไปเร็วมาก ต่างจากการดูทีวีที่จะตัดภาพไปมาตลอดเวลา ดังนั้นกิจกรรมระหว่างการดู F1 คือดูทีวีในห้อง Paddock ประกอบเพื่อดูภาพในมุมมองอื่น หรือสถิติการแข่งขัน (ถ้าดูสแตนด์อื่นที่ไม่ใช่ Paddock ก็หาวิธีกันเอง เช่น ใช้แอพช่วย) รวมถึงการดูบรรยากาศต่างๆ ภายในสนามแข่งขันร่วมไปด้วย
ด้วยมุมมองจาก Paddock ทำให้เราเห็นการเข้าพิต (pit หรืออู่) จากมุมมองด้านบน แปลกตาไปอีกแบบ (ช่วงแรกๆ ตื่นเต้นดีมาก พอสักรอบที่ 4-5 ก็จะเริ่มเฉยๆ แล้ว)
ทีมช่างของ Lotus F1 เตรียมรอรถเข้ามารับบริการ เขาจะออกไปยืนรอล่วงหน้ากันประมาณ 1 นาที
พอรถแข่งวิ่งเข้าพิตมาก็จอดรับการซ่อมบำรุง
ดูแบบวิดีโอกันสักหน่อย
อันนี้รถสีแดงของทีม Manor Marussia ที่อยู่ข้างกัน บางครั้งเจ้าหน้าที่จะยกรถแล้วหมุน เพื่อนำเข้าจอดในพิตด้วย
ระหว่างที่ซ้อม มีรถของทีม Manor คันหนึ่งวิ่งไปชนกำแพงเข้าเต็มๆ ถึงกับพังเลย จึงต้องมีรถยกแบกรถกลับมายังอู่ ให้เจ้าหน้าที่ของทีมนำไปซ่อมแซม
การซ้อมแข่งจะซ้อมทั้งหมด 2 รอบ คือรอบหัวค่ำและรอบดึก ระหว่างนั้นจะเว้นช่วงให้แข่งรถประเภทอื่น ซึ่งการแข่งของวันนี้คือชมรมผู้รักรถ Porche นำรถมาแข่งกันในสนาม F1 (Porsche Carrera Cup Asia) ทุกคันแต่งกันมาอลังการมาก
เยี่ยมชมอู่ (Pit) ของทีม Lotus F1
เนื่องจากเราเป็นแขกที่มาใช้บริการ Lotus F1 Paddock Club ทำให้เรามีสิทธิลงไปเยี่ยมชมอู่ (Pit) ของทีม F1 ด้วย ตรงนี้เจ้าหน้าที่ของคลับจะพาลงไปเยี่ยมชมเป็นรอบๆ โดยต้องมีป้ายห้อยคอแยกเฉพาะสำหรับเข้าไปชมในอู่ เพิ่มเข้ามาจากป้ายห้อยคอปกติ (เจ้าหน้าที่จะแจกก่อนลงพิต และเก็บคืนเมื่อชมเสร็จแล้ว)
อย่างที่เขียนไปแล้วว่า Paddock ชั้น 2 และ 3 เป็นส่วนของห้องสโมสร ส่วนชั้น 1 คืออู่สำหรับทีมแข่งที่เป็นเขตหวงห้าม การเดินไปดูอู่จำเป็นต้องลงบันไดไปยังชั้น 1 (ผ่านด่านตรวจเข้มข้น) แล้วเราจะไปโผล่ที่ลานด้านหลังของอาคาร Paddock ก่อน
ล้านด้านหลังอาคาร Paddock จะมีถนนเส้นเล็กๆ คั่น และมีอาคารพักผ่อนของเจ้าหน้าที่แต่ละทีมแข่งอยู่ด้านหลัง ตรงนี้ห้ามเข้าจ้า ของเจ้าหน้าที่แต่ละทีมใช้งานเท่านั้น
จุดที่เราจะได้เข้าไปคืออู่ของทีม Lotus F1 ที่อยู่ใต้ห้องที่เรายืนอยู่บนชั้น 2 ของ Paddock นั่นล่ะครับ (แต่ต้องเดินอ้อมซะไกล)
ด้านในห้ามถ่ายรูป ขอบรรยายเพียงอย่างเดียวแล้วกัน เมื่อเดินเข้าไปข้างในแล้ว เราจะไปยืนด้านหลังของเจ้าหน้าที่ในอู่เลย (มีรั้วกั้นนิดนึง) เห็นภาพบรรยากาศการจัดการอู่ของ F1 แบบโคลสอัพมาก ชนิดว่าเจ้าหน้าที่ช่างอยู่ห่างจากเราไป 2-3 เมตรเท่านั้น เห็นการประสานงาน สั่งการกันตลอดเวลา
ตรงนั้นเสียงจะดังมากจากเสียงเครื่องยนต์ คุยกันไม่รู้เรื่องแน่นอน ทางเจ้าหน้าที่ของทีมจะต้องใส่หูฟังกันทุกคน แล้วสื่อสารผ่านวิทยุแทน ซึ่งแขกที่ได้เข้าไปจะต้องใส่หูฟังด้วย และได้ยินเสียงการสื่อสารทั้งหมด (แต่พูดออกวิทยุไม่ได้นะครับ) ตรงนี้ต้องยอมรับว่าเป็นบรรยากาศที่เจ๋งมาก เจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งใจทำงานกันอย่างจริงจัง แต่อากาศสิงคโปร์ร้อนอยู่แล้ว แถมในอู่ยังร้อนจากสภาพเครื่องยนต์อีก คณะเราเดินออกมาก็เลยเหงื่อตกกันทุกคน
บริเวณหน้าอู่ก็มียางรถยนต์ F1 ที่ผ่านการใช้งานแล้วกองๆ อยู่ ใครอยากสัมผัสก็เอามือไปแตะๆ เล่น ถ่ายรูปกันได้
เดินเล่นในสนาม F1 สัมผัสพื้นสนามของจริง
ช่วงพักครึ่งการซ้อม แขกทุกคนที่อยู่ใน Paddock Club สามารถลงไปเดินเล่นในสนาม F1 (เฉพาะ Pit-lane เท่านั้น) ได้ด้วย แบบนี้มีหรือจะพลาดล่ะครับ ลงไปเดินพร้อมกับมวลมหาประชาชนจำนวนมหาศาลกันเถิด
หน้าตาของอาคาร Paddock Club บรรยายมาตั้งนาน เพิ่งมีภาพครับ หน้าตาก็คือตึกด้านขวามือเนี่ยแหละ
มวลหมู่แฟน F1 ทั้งฝรั่ง จีน ไทย เดินกันมั่วไปหมด อากาศที่สิงคโปร์เดือนกันยายนค่อนข้างร้อนอบอ้าว เดินไปก็เหงื่อตกกันไปนะ
คอมพิวเตอร์ควบคุมการสื่อสารด้านข้างสนาม แบบใกล้ชิด (อันนี้ของทีม Manor)
เนื่องจากเราเป็นผู้มาใช้บริการคลับของทีม Lotus F1 เลยมีสิทธิเข้าไปดูในอู่ของทีม Lotus ด้วย (ถ้าเป็นคนที่เข้ามา Paddock แบบธรรมดา ไม่มีสิทธินะ ทีมใครทีมมัน บางทีมก็ไม่เปิดให้เข้าไปดู)
ช่างเครื่องของทีม Lotus F1 กำลังซ่อมบำรุงรถกัน ข้างในเราเข้าไปไม่ได้นะครับ ชมดูเฉพาะด้านนอกพอ
อันนี้ของทีมข้างๆ คือทีม Manor
ในอู่ของแต่ละทีม จะมีป้ายชื่อของนักขับรถแต่ละคนแปะอยู่ด้วย ใช้พลังดาราช่วยดึงดูดแฟนๆ บางทีมก็มีการเชิญนักขับมาถ่ายรูปหรือยืนแจกลายเซ็นบ้าง แต่บางทีมนักขับเข้าไปพักผ่อนก็มี
อย่างอันที่เห็นข้างล่างเป็นของทีม McLaren-Honda มีนักขับสองคนคือ Fernando Alonso และ Jenson Button ดีกรีแชมป์โลกด้วยกันทั้งคู่ (แต่ไม่เคยมีใครได้แชมป์กับ McLaren สักคน)
ทีม Scuderia Ferrari สีแดงแรงฤทธิ์ แฟนๆ ล้นหลามเพราะมีกิจกรรมถ่ายรูป-แจกลายเซ็นด้วย
นั่นมัน Sebastian Vettel นี่นา!!! (หลังจากนั้น 2 วัน พี่แกก็คว้าแชมป์สนามนี้ไปครอง)
ทีม Williams มีแต่ป้ายชื่อ นักขับที่ดังหน่อยคือ Felippe Massa ที่ขับ F1 มานานพอสมควร ผลงานก็ดีใช้ได้ แต่ยังไม่เคยมีวาสนาได้แชมป์โลกเลยสักครั้ง
ปิดท้ายด้วยอู่ของทีม Mercedes ที่ถูกจับตามากที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้ เพราะเป็นทีมของ Lewis Hamilton แชมป์โลกปีที่แล้ว และผู้มีคะแนนนำโด่งในการแข่งขัน F1 ปี 2015 นั่นเอง (แต่สนามนี้แพ้ให้กับ Vettel นะครับ) คนเยอะมากเราเลยถ่ายมาได้แค่นี้ (ส่วน Hamilton ไม่เห็นแม้แต่เงาจ้า)
พอเดินดูอู่รถแข่งครบแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะบังคับเราออกไปเดินที่เลนแข่งขันด้านนอกกลับไปยังบันไดขึ้น Paddock เลยได้บรรยากาศจากฝั่งสนามแข่งจริงๆ มาอีกนิดหน่อย ตรงนี้เป็นจุดออกตัวพอดี
ประสบการณ์น่าประทับใจกับ F1 Singapore Grand Prix
ปิดท้ายด้วยภาพสนามแข่ง F1 Singapore Grand Prix โดยสรุปแล้วถึงแม้จะเป็นแค่วันซ้อม แต่เนื่องจากได้เข้ามาดูบรรยากาศแบบใกล้ชิด ริงไซด์สุดๆ ถึงห้อง F1 Paddock ก็ต้องขอขอบคุณทาง Microsoft Asia ที่เชิญไปร่วมงานและพาเข้าไปสัมผัสบรรยากาศ Paddock ของทีม Lotus F1 ด้วยนะครับ