“ฮ่องกง” เป็นชื่อที่คนไทยคุ้นเคยมานานเมื่อต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศ ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งระยะทางใกล้บินไม่นาน ไม่ต้องขอวีซ่า ค่าใช้จ่ายไม่แพง และการอุดมไปด้วยอาหารและแหล่งช็อปปิ้งถูกจริตคนไทยเป็นอย่างมาก
การไปเที่ยวฮ่องกงทุกวันนี้ไปได้ง่ายมาก เพราะมีสายการบินโลว์คอสต์ให้บริการหลายสาย อีกทั้งฮ่องกงเองก็คุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีสาธารณูปโภครองรับพร้อมสรรพ ต่อให้ไปเที่ยวเมืองนอกเป็นครั้งแรก ก็สามารถเที่ยวในฮ่องกงด้วยตัวเองแบบ backpacker ได้ง่าย
บทความนี้ 2Baht.com จะแนะนำทริคและเทคนิคสำหรับการเที่ยวฮ่องกงแบบแบ็คแพ็ค (backpack) แบกเป้เที่ยวเองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกัน
1. สายการบินไปฮ่องกง มีอะไรให้เลือกบ้าง เลือกสายการบินไหนดี?
สายการบินที่ไปฮ่องกงมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นโลว์คอสต์ที่คุ้นกันดีอย่าง แอร์เอเชีย (FD), ฮ่องกงเอ็กซ์เพรส (UO) หรือจะเป็นสายการบินแบบ full service อย่าง คาเธ่ย์แปซิฟิก (CX), ฮ่องกงแอร์ไลน์ (HX), เอมิเรตส์ (EK) และการบินไทย (TG) ก็มีบริการให้เลือกตลอดทั้งวัน
ด้วยการที่นั่งไปและกลับอย่างละไม่เกิน 3 ชั่วโมง ซึ่งยังไม่ค่อยเมื่อยกันมาก ดังนั้นการบินแบบประหยัดดูจะเป็นทางเลือกที่ดีสุด การจองกับโปรต่างๆ ของสายการบิน low cost แต่เนิ่นมักจะได้ราคาถูก ส่วนสายการบิน full service ก็ออกมาทำราคาแข่งอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคาเธ่ย์แปซิฟิก ฮ่องกงแอร์ไลน์ หรือ เอมิเรตส์
สำหรับใครที่ต้องการเลือกเที่ยวบินต่อวันเยอะหน่อย ฮ่องกงแอร์ไลน์ คาเธ่ย์แปซิฟิก และการบินไทย ดูจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เหมาะกับคนที่วันลาน้อย หรือ ต้องการบินเช้า-กลับดึก
2. เลือกโรงแรมอย่างไร แถบไหนดี
คำตอบนี้ เราขอหยิบแผนที่รถไฟเกาะฮ่องกงมากางกันสักนิด เพื่ออธิบายสถาปัตยกรรมผังเมืองฮ่องกงกันสั้นๆ จากซ้ายไปขวา
- เส้นสีเขียวเข้มด้านซ้าย หรือ Airport Express : วิ่งจากสนามบินเข้าเมือง ปลายทางสถานี Hong Kong (แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่จำเป็นต้องพึ่ง Airport Express ก็ได้ ขึ้นรถ Airport Bus ที่นี่ก็สะดวกเหมือนกัน)
- เส้นสีเหลือง Tung Chung Line : ดีสนีย์แลนด์ City Gate Outlet วัดพระใหญ่
- เส้นสีแดง Tsuen Wan Line : ผ่านแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม ตั้งแต่ Central, Tsim Sha Tsui, Mong Kok (มี outlet เยอะ) รวมถึง Lady Market (อารมณ์ตลาดนัดจีนๆ) และยังมีแหล่งรวม Outlet ชื่อ China Hong Kong City ซึ่งมีเรือ Ferry ไปมาเก๊าอีกด้วย
- เส้นสีน้ำเงินด้านล่าง Island Line : ผ่านแหล่งช้อปปิ้งและย่านธุรกิจใจกลางเมือง ตั้งแต่ Central ไปสิ้นสุดที่ Causeway Bay (ตึก World Trade)
- นอกจากนี้ใครอยากสัมผัสบรรยากาศเก่าแก่หน่อย จะมีรถรางร้อยปีคู่เกาะฮ่องกงที่วิ่งขนานกับ Island Line (แต่ไม่ได้ทับกันเป๊ะซะทีเดียว) หรือจะนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก (Star Ferry) ระหว่าง Tsim Sha Tsui มา Wan Chai หรือ Tsim Sha Tsui มา Central ก็ได้เช่นกัน
ทีนี้กลับมาคำถามเดิมว่า พักที่ไหนดี? ขึ้นอยู่จุดประสงค์การเที่ยวและงบประมาณของแต่ละคนแล้วหล่ะ เราขอไกด์คร่าวๆ ตามนี้
- หากเที่ยวหลายๆ ที่ พยายามวางโปรแกรมให้ต่อรถน้อยๆ ละแวก “Central” ถือว่าทำเลดี เพราะต่อรถสะดวกสุด แต่โรงแรมค่อนข้างราคาสูงหน่อย
- เน้นช้อปปิ้งเป็นพิเศษ นอนละแวก “Tsuen Wan Line” ก็ดีเหมือนกัน (เพราะแถบนั้นแหล่งช้อปปิ้งเพียบ ค่ำๆ ก็มาดู Symphony of Light ที่ Tsim Sha Tsui สะดวกดีด้วย) ถ้าเน้นโรงแรมราคาประหยัดลงมาอีกนิด ลองหาแถวๆ ย่าน Mong Kok, Prince Edward ก็ไม่เลว
- ถ้าเน้นเที่ยวดีสนีย์แลนด์เพียวๆ อาจจะนอนโรงแรมดีสนีย์แลนด์ 1-2 คืนก็ได้นะ เพราะว่าการแสดงพลุเริ่มตอน 2-3 ทุ่ม แล้วอีกวันค่อยไปไหว้พระใหญ่ หรือ ช้อปปิ้ง City Gate Outlet ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
- หากไปงานสัมมนา แนะนำว่าหาโรงแรมใกล้สถานที่จัดงานจะดีกว่า เพราะขนส่งสาธารณะฮ่องกงในตอนเช้า ไม่ว่าจะรถบัส หรือ รถไฟฟ้ามักจะคนแน่นเป็นพิเศษ หากอยู่ในรัศมีที่เดินไปถึงงานได้จะดีที่สุด
3. จากสนามบินเข้าเมืองด้วยวิธีไหน ประหยัดและรวดเร็ว
Airport Express เดินทางสะดวก ช้อปปิ้งวันกลับแบบตัวปลิว
อันที่จริงการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองนั้น แล้วแต่ว่าพักที่ใด หากพักโซนที่ใกล้กับสถานีที่มี Airport Express โดยไม่ต้องต่อรถใต้ดิน (MTR) เพิ่มเติมก็สะดวกดี แต่ราคาออกจะแพงไปสักหน่อย ค่าโดยสารเฉลี่ยเที่ยวละ 90-100 ดอลลาร์ฮ่องกง แต่ถ้าซื้อเป็นตั๋วไป-กลับ ราคาก็จะถูกลงอีก 10 ดอลลาร์/เที่ยว
แม้ว่าค่าเดินทางจะแพง แต่ข้อดีของการโดยสารด้วย Airport Express คือ ในวันเดินทางกลับ เราสามารถเอากระเป๋าเดินทางของเราเข้าไปเช็คอินในสถานีรถไฟ ให้กระเป๋าล่วงหน้าไปสนามบินก่อนได้ หรือ เรียกอีกอย่างว่า In-Town Check-in
ส่วนเราก็เดินตัวปลิวช้อปปิ้งสบายใจ แต่ต้องเช็คกับสายการบินด้วยว่าเค้ามีบริการนี้ด้วยหรือเปล่า (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม) ฝากกระเป๋ากันแล้วก็อย่าลืมสอบถามเจ้าหน้าที่ของสายการบินด้วยนะ ว่าควรขึ้นรถไฟไปสนามบินไม่เกินกี่โมง
Citybus Cityflyer (Airport Bus) ประหยัดขึ้นอีกนิด กับบริการที่พอดี
หากอยากได้วิธีที่ประหยัดกว่า Airport Express ไปเกือบครึ่ง และไม่ใช้เวลามากเกินไปนัก เราขอแนะนำ Citybus Cityflyer หรือรถ Airport Bus ที่วิ่งจากสนามบินไปยังเส้นทางสำคัญทั่วเกาะฮ่องกง รถบัสสายนี้ส่วนใหญ่จะวิ่งตลอดทั้งวัน มีพื้นที่วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ไว้อย่างเป็นสัดส่วน
รถ Cityflyer ออกทุก 15-20 นาที ค่าโดยสารเฉลี่ยเที่ยวละ 40 ดอลลาร์ฮ่องกง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง +/- นิดหน่อย ตามระยะทาง ส่วนรายละเอียดเส้นทาง ค่าโดยสาร และตารางการเดินรถนั้น อ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Cityflyer
4. การเดินทางภายในฮ่องกง
ฮ่องกงเป็นเกาะขนาดเล็ก เดินทางสะดวก การคมนาคมประเภทหลักที่ใช้กันคือ รถไฟใต้ดิน (เรียกตัวย่อว่า MTR) และรถบัส แต่ในเขตเมืองบางจุดก็ยังมี “รถราง” หรือ (tram) ให้บริการด้วย
เทคนิคพื้นฐานที่คนไปฮ่องกงต้องรู้ คือการใช้บัตรเติมเงิน Octopus ที่เติมเงินได้ตามร้านสะดวกซื้อทุกแห่ง สามารถใช้ขึ้นรถ ลงเรือ ได้ทุกแบบ และจ่ายเงินซื้อของตามร้านค้าต่างๆ ได้ด้วย ช่วยให้แบ็กแพ็กเกอร์ไม่ต้องลำบากควักหาเงินสดตอนเดินทาง
ส่วนการเดินทางด้วย MTR ถ้าคุ้นเคยกับระบบรถใต้ดินเมืองไทยก็ไม่มีอะไรยาก เพียงแต่สายรถเยอะกว่าเท่านั้นเพราะครอบคลุมทั้งเกาะ อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการดูข้อมูลสายรถเพื่อให้วางแผนสะดวก เราแนะนำแอพ MTR Mobile ของฮ่องกงที่ทำมาดีมาก บอกสายรถทุกอย่างแบบละเอียดยิบ แถมใช้งานง่ายมาก ก่อนออกจากเมืองไทย ดาวน์โหลดติดมือถือไว้รับรองไม่ผิดหวัง
นอกจากนี้ ฮ่องกงยังมีแอพ Citybus & New World First Bus เอาไว้ดูสายรถบัส และ Hong Kong Tramways เอาไว้ดูสายรถรางด้วย อ่านรายละเอียดพร้อมวิธีการใช้งานได้จากบทความ แนะนำ 6 แอพสุดเจ๋ง สำหรับ Backpack เที่ยวฮ่องกงในยุคสมาร์ทโฟน
5. เช็คข้อมูลสภาพอากาศ หลีกเลี่ยงพายุมรสุม
ถึงแม้ฮ่องกงจะมีความปลอดภัยมาก แต่ก็มีภัยธรรมชาติที่สำคัญประการหนึ่งคือ “พายุ” ที่พัดมาจากมหาสมุทรแปซิฟิก บางฤดูกาลจึงมีฝนตกบ่อยๆ แถมเวลาพายุเข้าแรงๆ มันแรงถึงขนาดทุกคนต้องอยู่กันแต่ในที่พักเท่านั้นจริงๆ (แรงกว่าเมืองไทยเยอะ)
เพื่อให้การท่องเที่ยวสนุก ปลอดภัย ไม่เสียเที่ยว เราจึงควรรู้ระบบการเตือนภัยพายุของฮ่องกงไว้สักหน่อย เผื่อพายุเขาแล้วเขาวิ่งหลบๆ กัน เราจะได้ไม่งงหรือเผลอช็อปปิ้งเพลินจนกลับที่พักไม่ได้ รายละเอียดเรื่องการเตือนภัยพายุ อ่านในบทความ ไปฮ่องกงต้องรู้! พายุเข้าบ่อย ติดตามข้อมูลสภาพอากาศอย่างไร
นอกจากนี้เรายังแนะนำให้ลงแอพ Hong Kong My Observatory ของกรมอุตุนิยมวิทยาฮ่องกง เพื่อเช็คข้อมูลสภาพอากาศล่วงหน้าด้วย
6. หาร้านอาหารอร่อยในฮ่องกงอย่างไรดี
ฮ่องกงเป็นสวรรค์ของคนชอบกิน มีอาหารทุกประเภทไม่จำกัดเฉพาะอาหารจีน คำถามคือเราจะหาร้านอาหารอร่อยๆ ใกล้ที่พักกันอย่างไรดี?
ในยุคสมัยแห่งสมาร์ทโฟน ปัญหานี้แก้ได้ด้วยแอพรีวิวร้านอาหาร (แบบเดียวกับ Wongnai ของบ้านเรา) โดยแอพรีวิวร้านอาหารที่คนฮ่องกงฮิตกันคือ OpenRice (มีในบ้านเราด้วยแต่แป๊กๆ) ซึ่งมีข้อมูลร้านอาหารในฮ่องกงแบบโคตรละเอียด ทั้งรูปถ่าย คะแนนรีวิว พิกัด เวลาเปิดปิดร้าน เรียกว่าคิดอะไรไม่ออกก็เปิด OpenRice ขึ้นมา สแกนหาร้านอาหารรอบตัว ดูอันคะแนนเยอะๆ หน่อย รับรองไม่มีผิดหวัง แบ็กแพ็กเกอร์สายฮ่องกงทั้งหลายควรมีติดมือถือไว้โดยพลัน
เทคนิคการสั่งอาหารอีกข้อคือถ้าไปร้านเล็กๆ ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แนะนำให้เปิดรูปอาหารใน OpenRice ที่มีคนฮ่องกงโพสต์เอาไว้ แล้วชี้บอกทางร้านได้เลย
และนอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยร้านมิชลิน ซึ่งเราก็ได้รีวิวมาให้คุณตามไปชิมถึง 10 ร้านกันเลย (บทความ : รวมรีวิว 10 ร้านอาหารระดับเทพในฮ่องกง อร่อยระดับติดดาวมิชลิน)
7. น้ำเปล่าเรื่องใหญ่ ซื้อน้ำยังไงให้ได้ราคาถูก
คนไทยกับการกินน้ำเป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาของฮ่องกงคือน้ำเปล่าในร้านสะดวกซื้อมีราคาแพงมาก (อาจแพงกว่าบ้านเรา 4-5 เท่า) ถ้าอยากประหยัด เราแนะนำให้ซื้อน้ำเปล่าเป็นแพ็กจากซูเปอร์มาร์เก็ตง่ายกว่า ถ้าพักอยู่ในกลางเมือง ฮ่องกงมีซูเปอร์มาร์เก็ตยิบย่อยแทรกตัวอยู่เกือบทุกถนน
ซูเปอร์แบรนด์ดังๆ ก็อย่างเช่น PARKnSHOP และ Wellcome ซึ่งพวกนี้มีแบรนด์น้ำขวดแบบ housebrand ของตัวเองที่ราคาถูกมาก บางครั้งอาจได้ถูกถึงขวดแบบ 1.5 ลิตรที่ 4 ดอลลาร์ฮ่องกง (20 บาท) ในขณะที่น้ำเปล่าขวด 770ml ในร้านสะดวกซื้อแบบ 7-Eleven ขายกันขวดละ 8-9 ดอลลาร์ฮ่องกง (40 บาท)
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความ เทคนิคเที่ยวฮ่องกง ซื้อน้ำเปล่าในซูเปอร์มาร์เก็ตราคาถูกกว่า
8. ต่ออินเทอร์เน็ต ซื้อซิมฮ่องกงถูกกว่าโรมมิ่ง
ยุคสมัยนี้ การใช้เน็ตขณะท่องเที่ยวเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ แต่การใช้งาน Wi-Fi สาธารณะอาจไม่สะดวกเท่าไรนัก (เช่น ต้องเสียเงิน ต่อไม่ติด ไม่มีสัญญาณ) การใช้เน็ตจากสมาร์ทโฟนย่อมเป็นอะไรที่การันตีว่าใช้งานได้แทบตลอดเวลา
ถ้าเราไปเพียงไม่กี่วัน การเปิดโรมมิ่งจากเมืองไทยอาจง่ายและสะดวก แต่ถ้าต้องการประหยัดค่าเน็ต การไปซื้อซิมฮ่องกงย่อมคุ้มค่ากว่ามาก แถมฮ่องกงเป็นประเทศที่ซื้อซิมง่ายมาก สามารถหาซื้อตามร้านสะดวกซื้อได้เลย หรือถ้ารีบด่วน ลงเครื่องที่สนามบินแล้วสามารถซื้อที่สนามบินได้เลย
อ่านวิธีการซื้อซิมและเปิดใช้เน็ตในฮ่องกง ได้จากบทความ การซื้อซิมการ์ดต่อเน็ตที่ฮ่องกง (China Mobile แบบพรีเพด)
9. แนะนำแหล่งท่องเที่ยวแปลกใหม่ที่น่าสนใจในฮ่องกง
จิมซาจุ่ย มงก๊ก อเวนิวออฟเดอะสตาร์ ดิสนียแลนด์ โอเชี่ยนปาร์ค ฯลฯ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเหล่านี้อาจดูน่าเบื่อไปแล้วสำหรับบางคนที่ไปฮ่องกงมาหลายครั้ง
จริงๆ แล้วนอกจากแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในเมืองแล้ว ฮ่องกงยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นอีกมาก ทาง 2Baht ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ในฮ่องกง อาทิ
- ชมฟาร์มออแกนิคแห่งแรกของ Hello Kitty ที่ฮ่องกง
- Hong Kong Wetland Park พื้นที่ชุ่มน้ำทางตอนบนของเกาะฮ่องกง แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติที่น่าสนใจอีกแห่ง
10. รวมแหล่งข้อมูลการเที่ยวฮ่องกง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจหาข้อมูลการท่องเที่ยวฮ่องกงเพิ่มเติม เราแนะนำแหล่งข้อมูลดังนี้
- เว็บไซต์การท่องเที่ยวฮ่องกง (ภาษาไทย)
- รวมแหล่งอาหารจาก OpenRice ฮ่องกง (ภาษาอังกฤษ)
- ดัชนีร้าน Outlet ทั่วฮ่องกง จาก Hong Kong Extras (ภาษาอังกฤษ)
- ปฏิทินรวม Event ทุกสิ่งอย่างในฮ่องกง (ภาษาจีน)
หวังว่าเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เที่ยวฮ่องกงได้อย่างสะดวกขึ้น แล้วฝากทานติ่มซำอร่อยๆ เผื่อพวกเรากันด้วยหล่ะ!
คุณสามารถติดตามบทความการท่องเที่ยวจากเราที่ facebook เพจ “2baht.com” ได้อีกหนึ่งช่องทางนะคะ