หลายคนอาจรู้จักนิยายเรื่อง 80 วันรอบโลก (Around the World in Eighty Days) ของนักเขียนชื่อดัง Jules Verne ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ทีวีซีรีส์ รวมถึงการ์ตูน มาแล้วหลายครั้ง เนื้อเรื่องของนิยายเรื่องนี้คือคณะสุภาพบุรุษชาวอังกฤษ รับคำท้าที่จะเดินทางวนครบรอบโลกใน 80 วัน ซึ่งในสมัยนั้นต้องใช้เรือกลไฟ รถไฟ และรถยนต์เท่านั้น
ข้ามเวลามาถึงยุคปัจจุบัน คำท้าทายแบบเดียวกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่เปลี่ยนมาเป็นการเดินทางรอบโลกด้วย “สายการบินโลว์คอสต์” แทน โดยกำหนดกรอบเวลาให้สั้นลงเป็น 8 วัน และมีกฎว่าต้องเดินทางไปทิศทางเดียว ห้ามย้อนทางเดิม และไม่สามารถข้ามกลับมายังทวีปเดิมได้
Richard Quest นักข่าวของ CNN รับคำท้านี้ โดยใช้เวลา 8 วัน บินข้ามโลกด้วยสายการบินโลว์คอสต์ 10 ไฟลท์ 10 สายการบิน แวะจอดใน 9 ประเทศ (ไม่ได้บินอย่างเดียวแต่แวะเที่ยวด้วย)
เส้นทางบิน
Richard ออกสตาร์ตที่ลอนดอน จุดเดียวกับในนิยายต้นฉบับ เขาบินกับสายการบิน EasyJet ไปลงที่บรัซเซลส์ (Brussels) เมืองหลวงของเบลเยียม จากนั้นแวะต่อที่สองด้วย Ryanair ไปที่กรุงปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก ต่อที่สามเขาบินไกลหน่อยข้ามทวีปมายังดูไบ กับสายการบิน Flydubai
ต่อที่สี่เขาบินจากดูไบ ด้วย Air Arabia มาที่กรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา และบินต่อด้วย AirAsia มาที่สิงคโปร์ จากนั้นได้เวลาข้ามทวีปอีกครั้ง เขาบินกับ Scoot ไปที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
ขั้นถัดไปเขาจะบินข้ามมหาสมุทร์แปซิฟิก ด้วยสายการบิน Jetstar เพื่อแวะพักที่โฮโนลูลู ฮาวาย แล้วบินเข้าสหรัฐกับ Allegiant ของสหรัฐมาลงที่แอลเอ จากแอลเอเขาบินมายังฝั่งตะวันออกของอเมริกาด้วย JetBlue ไปลงที่นิวยอร์ก และต่อสุดท้ายจากนิวยอร์ก ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกลับไปลอนดอน ด้วย Norwegian ของนอร์เวย์
Richard Quest ใช้เงินกับค่าตั๋วเครื่องบินไปทั้งหมด 2,345 ดอลลาร์ หรือประมาณ 8 หมื่นกว่าบาท ซึ่งถูกกว่าการบินด้วยสายการบินแบบฟูลเซอร์วิสเกือบครึ่ง จากการรวบรวมค่าตั๋วของ CNN พบว่าถ้าอยากบินรอบโลก ด้วยสายการบินในเครือ Star Alliance จะต้องใช้เงิน 4,227 ดอลลาร์ และถ้าเป็น Sky Team ต้องใช้เงิน 4,606 ดอลลาร์
ค่าตั๋วเที่ยวที่ถูกที่สุดคือจากลอนดอนไปบรัซเซลส์ ใช้เงินไป 25 ดอลลาร์เท่านั้น ส่วนเที่ยวที่แพงที่สุดคือจากแอลเอไปนิวยอร์กกับสายการบิน JetBlue ราคาตั๋ว 482 ดอลลาร์