ปกติแล้วเราเห็นเมืองต่างๆ ทั่วโลก ออกนโยบายหลายอย่างเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาสร้างรายได้ให้ชาวเมือง แต่สถานการณ์กลับแตกต่างไปในเมืองบาร์เซโลนาของสเปน ที่อยากบอกชาวโลกว่า “เรามีนักท่องเที่ยวเยอะเกินไปแล้ว”
บาร์เซโลนาถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศสเปนมาช้านาน ผลจากความสำเร็จนี้กลับทำให้ชีวิตของชาวเมืองได้รับผลกระทบ เพราะอาคารสถานที่ต่างๆ อยากเปลี่ยนตัวเองเป็นห้องพักและโรงแรมต้อนรับนักท่องเที่ยว ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจึงพุ่งสูงมาก จนชาวเมืองถูกบีบให้ต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่นกันแทน
ปัญหานี้ส่งผลกระทบหนักจน Ada Colau นักต่อสู้เรื่องสิทธิของชาวเมือง ประกาศเข้ามาชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมือง และได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง จนเข้ามารับตำแหน่งในปี 2015
แผนการล่าสุดที่ Colau เสนอต่อสภาของเมือง คือไม่อนุญาตให้เปิดที่พัก-โรงแรมใหม่ในเขตใจกลางเมืองอีกแล้ว แม้ว่าเจ้าของอาคารเดิมไม่ได้ทำธุรกิจเดิมต่อไป และยินยอมให้ทำโรงแรมก็ตาม ส่วนในเขตนอกเมือง ยังอนุญาตให้เพิ่มจำนวนใบอนุญาตโรงแรมได้ แต่ก็ในจำนวนที่จำกัด
Janet Sanz รองนายกเทศมนตรีของบาร์เซโลนา ระบุว่าจะต้องควบคุมการเกิดขึ้นของโรงแรมอย่างเสรี เพราะไม่งั้นเมืองจะโตอย่างไร้ระเบียบ
แน่นอนว่ากลุ่มผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว ออกมาคัดค้านนโยบายนี้ และวิจารณ์ว่าเป็นนโยบายที่ทำลายการท่องเที่ยว ซึ่งสร้างรายได้ถึง 14% ของเมืองบาร์เซโลนา
ก่อนหน้านี้ เมืองบาร์เซโลนาเคยสั่งปรับ Airbnb อย่างหนัก เพราะละเมิดกฎหมายการปล่อยห้องพักให้เช่า แต่กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็ยืนยันว่า นโยบายนี้ของนายกเทศมนตรี Colau ก็ไม่ได้ช่วยสกัดกั้นการแอบเปิด Airbnb หรือบริการลักษณะเดียวกันแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจนัก ถ้าใครไปเที่ยวเมืองบาร์เซโลนาแล้วจะพบปัญหาที่พักจำนวนจำกัดและราคาแพง เพราะถูกบีบมาจากทางเมืองอีกทีหนึ่งนั่นเอง
ที่มา – Skift