2Baht.com ชุดพาเที่ยวบาหลีตอนนี้ จะพาไปเยือน “วัดหลวง” ที่ใหญ่ที่สุด เก่าแก่ที่สุด ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเกาะบาหลี นั่นคือวัด Besakih ซึ่งถือเป็น “Mother Temple” หรือวัดแม่แห่งวัดทั้งปวงบนเกาะบาหลีนั่นเอง
วัด Besakih แห่งนี้ตั้งอยู่เชิงภูเขาอกุง (Mount Agung) ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของเกาะบาหลี ตำแหน่งในภาพคือ “Pura Besakih” โดยวัดแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งใน “เก้าวัดรอบเกาะบาหลี” อีกด้วย วัดความสำคัญแล้วก็ถือว่าเป็นเบอร์หนึ่งของวัดทั้งหมดในชุดนี้
ประวัติของวัด Besakih ไม่แน่ชัดนัด ว่ากันว่าเป็นวัดเก่าแก่ดั้งเดิมมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยวัดจากอายุของหินแล้วอาจเก่าถึง 2,000 ปี ส่วนหลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่พบว่ากล่าวถึงวัดแห่งนี้มีอายุในปี ค.ศ. 913 โดยระบุว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดู จากนั้นวัดก็ถูกใช้เป็นวัดหลวงของราชวงศ์ที่ปกครองบาหลีมาโดยตลอด
ชื่อของวัดว่ากันว่ามาจากคำว่า Basuki ที่แถลงมาจากคำว่า Wasuki หรือ Vasuki ในภาษาสันสกฤต (ซึ่งก็หมายถึง “พญานาควาสุกรี” ที่อยู่ในตำนานศาสนาฮินดูตอนเกษียณสมุทรนั่นเอง) แต่ความหมายในภาษาชวานั้นหมายความว่า “ปลอดภัย” (safety)
วัด Besakih ประกอบด้วยวิหารและเจดีย์เป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็น complex ที่ประกอบด้วยวัดย่อยๆ รวมถึง 22 แห่งในบริเวณเดียวกัน การที่วัดนี้อยู่บนเขาทำให้ก่อสร้างวิหารต่างๆ ตามไหล่เขาค่อยๆ ลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ ส่งผลให้ทิวทัศน์ของวัดนี้สวยงามมาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเดินขึ้นบันไดหลายขั้นเช่นกัน
การเดินทางไปยังวัด Besakih ค่อนข้างลำบากอยู่บ้างเพราะอยู่นอกเมือง อยู่บนเขา ต้องไปด้วยรถบริการนักท่องเที่ยวเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงจากตัวเมือง
จุดจอดรถจะอยู่ห่างจากบริเวณวัดอยู่พอสมควร ต้องเดินตามถนนเข้าไปยังตัววัดอีกทีหนึ่ง ส่วนชุมชนรายล้อมวัดก็มีอาหาร น้ำดื่ม สินค้าวางขายมากมาย และสามารถใช้บริการ “ห้องน้ำ” ได้ที่บริเวณร้านค้าเหล่านี้ (เกือบทุกร้านจะมีป้าย Toilet/WC แปะอยู่ ต้องเสียเงินค่าใช้บริการ)
ร้านอาหารที่อยู่บริเวณก่อนถึงวัด มีอาหารพื้นเมืองขายหลายอย่างแต่ไม่ได้ลองชิม
พอเดินเข้ามาถึงตัววัดจะพบกับลานวัดพร้อมบันไดเดินขึ้น การเข้าวัดนี้ต้องนุ่งโสร่ง เฉกเช่นเดียวกับวัดในเกาะบาหลีทุกแห่ง ถ้าไม่ได้เตรียมมาก็มีให้เช่า แต่เพื่อความประหยัดก็ควรเตรียมมาให้พร้อม (ทัวร์ส่วนใหญ่มีบริการให้อยู่แล้ว)
แถบลานวัดมีของขายมากมาย ส่วนใหญ่เป็นขนมถุงและน้ำขวด แม้ว่าไม่ได้ซื้อหาแต่ดูวิธีการจัดแพ็กเกจของแม่ค้าชาวบาหลีแล้วก็พบว่าน่าสนใจดีมาก ใช้กระดาษลังช่วยกั้นให้สามารถแสดงสินค้าได้มากๆ ในครั้งเดียว
เราค่อนข้างโชคดีว่ายังไม่ทันเดินเข้าวัด ก็เจอขบวนของผู้แสวงบุญชาวพื้นเมืองเดินเข้าวัดมาพอดี เลยได้โอกาสบันทึกภาพเก็บไว้
ขบวนชาวฮินดูแต่งชุดขาวกันทุกคน เดินเข้ามาในวัดกันแบบเงียบๆ ไม่ส่งเสียงอันใด
สังเกตว่าผู้หญิงหลายคนจะนำเครื่องบูชาเทินหัว เพื่อให้ยกสะดวก
ทางเข้าวัดมีบันได 3 อัน โดยกลุ่มผู้แสวงบุญเลือกขึ้นบันไดด้านข้าง (ข้างขวา) เพื่อเข้าไปยังตัววัดชั้นใน
บันไดกลางของวัด มีประตูผ่าซีกของบาหลี (Candi Bentar) ที่สวยงามเป็นทางเข้า
เราเลือกขึ้นบันไดด้านซ้ายแทน ก็พบชาวบ้านชาวบาหลีแบกกล้วยเทินหัวขึ้นสู่ตัววัดเช่นกัน
วัด Besakih มีพื้นที่กว้างมาก ด้านข้างของบันไดก็มีวิหารย่อยๆ อีกมากมาย แต่คราวนี้เราจะดูเฉพาะตัววิหารหลักของวัดที่ตั้งอยู่ตรงกลางเท่านั้น
ไต่บันไดกันสักเล็กน้อยก็ถึงตัววัดหลัก ทิวทัศน์สวยงามบนเนินเขา
เมื่อครั้งที่ภูเขาไฟ Agung ระเบิดในปี 1963 วัดแห่งนี้ก็เกือบโดนลาวาเผาผลาญไปด้วย แต่สุดท้ายลาวามาหยุดอยู่หน้าวัด Basakih ห่างไปเพียงไม่กี่เมตร เลยยิ่งสร้างปาฏิหารย์มหัศจรรย์ในแง่ความศักดิ์สิทธิ์ของวัดแห่งนี้เข้าไปอีก
มีเจดีย์หลายชั้นแบบบาหลีที่งดงาม เจดีย์องค์นี้มี 11 ชั้นซึ่งถือเป็นจำนวนชั้นที่เยอะที่สุดในบาหลี
วิหารด้านในสุดจะไม่ให้เข้า แต่สามารถเดินถ่ายรูปจากด้านนอกได้
ชาวฮินดูกำลังกราบไหว้บูชาเทพเจ้า
ทิวทัศน์จากในวัดมองลงเขาไป
ทิวทัศน์จุดอื่นๆ ภายในวัด
ในพื้นที่วัดมีศาลเจ้าขนาดเล็กตามความเชื่อของศาสนาฮินดูแบบบาหลีมากมาย
ขากลับเราเดินลงผ่านบันไดด้านขวา บันไดด้านนี้มีแม่ค้าแม่ขายเยอะกว่า สามารถเดินดูของไปได้ตลอดทางถ้าสนใจซื้อ
ดูกันชัดๆ อีกครั้งกับวิธีการขายของของแม่ค้าบนเกาะบาหลี อเมซิ่ง น่าประทับใจ
โดยสรุปแล้วถือว่าวัด Besakih ยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือ แต่ควรมีเวลาสักนิดถ้าอยากดูวัดให้ทั่ว ส่วนจุดด้อยของวัดคงเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่มีมากเกินไปหน่อยจนทำให้วัดดูไม่ค่อยขลังเท่าไร (ถ้าอนุญาตให้ขายของเฉพาะนอกวัดน่าจะดีกว่านี้) และการไม่มีห้องน้ำบริการในตัววัดทำให้ลำบากต้องหาห้องน้ำเข้าด้านนอกวัดอยู่ดี