ทีมงาน 2Baht.com ได้รับเชิญจากโรงแรม Grand Sukhumvit Hotel Bangkok เพื่อรีวิวบุฟเฟต์ซีฟู้ด The Seafood Market ณ ห้องอาหาร Café De Nîmes (คาเฟ่ เดอ นิมส์) ซึ่งจะมีทุกวันตอนเย็น ตั้งแต่เวลา 18.30 – 22.00 น. ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2559
รีวิวนี้ทางโรงแรมให้อิสระในการเขียนเต็มที่ ความเห็นทั้งหมดเป็นของทีมงาน 2Baht.com โดยตรง ซึ่งก็ขอขอบคุณทางโรงแรมมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
บุฟเฟ่ ต์ซีฟู้ด The Seafood Market
ก่อนหน้านี้ทีมงาน 2Baht เคย รีวิวบุฟเฟ่ต์ กุ้งล็อบสเตอร์แบบไม่อั้น ที่ห้องอาหาร Café De Nîmes โรงแรม Grand Sukhumvit แห่งเดียวกันนี้มาแล้ว ตอนนี้ได้เวลาเปลี่ยนธีมอาหารใหม่ ช่วงเดือน มีนาคม – พฤษภาคม 2559 โดยทางห้องอาหารยังเน้นบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนไฮไลต์จากกุ้งล็อบสเตอร์มาเป็น ปูทะเล กุ้งลายเสือ และกุ้งแม่น้ำ ที่ปรุงกันสดใหม่ ให้ทานกันแบบไม่อั้น ทั้งแบบผัดและแบบปิ้งย่างค่ะ
วัตถุดิบในรอบนี้ค่อนข้างเยอะ เลยต้องปรุงกันที่ครัวเปิดด้านนอก มี 2 ไลน์หลักๆ ได้แก่ ซีฟู้ดปิ้งย่าง และ ซีฟู้ดผัดจากซอสสูตรพิเศษ ทุกอย่างสามารถสั่งได้ไม่อั้น แต่ถ้าช่วงพีคๆ อาจต้องรอนานหน่อย แต่ไม่เกิน 20 นาทีค่ะ (เอาป้ายโต๊ะยื่นให้เชฟ แล้วเดินไปตักอย่างอื่นก่อน หรือ กลับมานั่งรออาหารเสิร์ฟร้อนๆ ถึงโต๊ะกันเลย)
- บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดปิ้งย่าง ได้แก่ กุ้งลายเสือ กุ้งแม่น้ำ ปลาหมึก หอยแครง หอยหวาน
- บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดผัด ได้แก่ ปูทะเล ปลาหมึก หอยลาย หอยตลับ กุ้งกุลาดำ หมู เนื้อ ไก่ ผักรวม
ทีมงาน 2Baht ได้มีโอกาสสอบถาม คุณเกื้อกูล เทพรักษ์ เชฟใหญ่ประจำห้องอาหาร Café De Nîmes เชฟได้เล่าให้ฟังว่าวัตถุดิบครัวที่นี่ ส่วนใหญ่จะสต็อคกันแบบวันเว้นวัน และยังมีการ QC คุณภาพความสดใหม่ของอาหารทะเลด้วย อย่างเช่น ปูม้านึ่งออนไอซ์ หลังจากที่เอาไปนึ่งเสร็จแล้ว ก็จะผ่าครึ่งดูเนื้อปูกันก่อนนำไปวางบนไลน์ ถ้าเนื้อปูไม่โอเคก็จะนำไปทิ้งไม่ต้องเสียดาย
ไลน์อาหารทะเลผัด จานเด่นคือปูทะเล
ไลน์นี้เราต้องแจ้งวัตดุดิบให้เชฟก่อนว่าอยากทานผัดอะไร จากนั้นก็เลือกตัวซอสที่เอาไปผัด ซึ่งในแต่ละวันก็จะมีให้เลือก 3 ซอสด้วยกัน
- ซอสสูตรพิเศษที่มีทุกวัน เรียกว่า ซอสคาเฟ่ เดอ นิมส์ เชฟเกื้อกูลเล่าเหมือนวิธีการปรุงเหมือนกำลังดูเชฟกะทะเหล็ก โดยเริ่มจากเอากระดูกปลา ผักต่างๆ เคี่ยวในเตา ผสมกับเครื่องปรุงต่างๆ เพื่อให้ได้น้ำปรุงรสสูตรพิเศษ แถมยังการันตีว่าอาหารที่นี่ทุกเมนู No MSG หรือไม่ใส่ผงชูรสด้วยนะคะ
- นอกจากนี้ยังมีอีก 2 ซอสที่หมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน ได้แก่ ซอสผัดผงกะหรี่, ซอสพริกไทยดำ, ซอส XO, ซอสพริกเผา, ซอสเปรี้ยวหวาน, ซอสมะขาม, ซอสเสฉวน, ซอสขี้เมา, ซอสสิงคโปร์, ซอสสามรส
เนื่องจากมีเยอะมาก เลือกไม่ถูก เราเลยวานเชฟช่วยเลือกจานอร่อยประเดิมมาก่อน จานนี้ขอตั้งชื่อเมนูว่า “กุ้งผัดไฟลุกท่วม” (อันนี้เราตั้งเอง ฮ่า) ฝีมือเชฟใหญ่ ไฟลุกท่วมขนาดไหนลองชมภาพกันได้เลยค่ะ
เท่าที่ยืนดู เชฟใช้เวลาผัดไม่ถึง 1 นาที เราก็ได้จานนี้ออกมาค่ะ มาลองกันเลยว่าน้ำปรุงรสสูตรพิเศษที่เชฟการันตีความอร่อยเป็นอย่างไร
หน้าตาของกุ้งผัดซอสคาเฟ่ เดอ นิมส์ คล้ายกับการสั่งร้านผัดผักไฟแดง เวลาทานจะได้กลิ่นหอมไฟแดงอบอวลในปาก รสชาติออกเค็มนำหวานตาม หากทานแกล้มกับข้าวผัดหรือข้าวเปล่าด้วยจะอร่อยกำลังดีเลยค่ะ ติดใจแอบซ้ำเป็นปลาหมึกผัดดูบ้าง แต่เมื่อเทียบกับกุ้งแล้ว เราว่ากุ้งเด้งกว่านะ
จานต่อไปขอลองซอสผัดผงกะหรี่ดูบ้าง แน่นอนว่าต้องสั่ง “ปูทะเล” กันสิคะ ก้ามไม่เล็กไม่ใหญ่ ทุบมาให้แหลกนิดหน่อย เวลาผัดแล้วน้ำเข้าไปแทรกซึมในกระดองค่ะ มารีวิวครั้งนี้เราว่าซอสที่นี่อร่อยกว่าคราวก่อนนะ น้ำซอสเข้มข้นกว่าเดิม
ปิดท้ายด้วยซอสพริกไทยดำเป็นจานสุดท้าย เนื่องจากเป็นช่วงทดลอง อาจจะขลุกขลักไปหน่อย ปูทะเลจากห้องครัวเตรียมมาไม่ทัน เชฟเลยขอผสมปูม้าเข้าไปด้วยค่ะ
เมื่อเทียบกับ 2 จานที่ผ่านมา น้ำซอสตัวนี้ยังไม่ค่อยจัดจ้าน มาแนวซอฟต์ๆ ส่วนการเอาปูม้ามาผัดมันยังไม่เข้ากับตัวซอสเท่าไหร่ เพราะว่าผัดไปแล้วซอสไม่ค่อยซึมเท่ากับปูทะเลนะ (ส่วนตัวคิดว่าช่วงเปิดตัวจริง คงประเมินการเตรียมวัตถุดิบได้ใกล้เคียงมากกว่านี้)
โดยรวมใน 3 ซอสนี้ต้องยกให้ น้ำปรุงรสสูตรพิเศษ หรือ ซอสคาเฟ่ เดอ นิมส์ เป็นขวัญใจในรอบนี้ค่ะ
ไลน์อาหารทะเลปิ้งย่าง ปิ้งกันสดๆ จากเตา
ขอขยับมาไลน์ข้างๆ กันต่อนะคะ ไลน์นี้หลากหลายอีกเช่นกัน มีทั้งกุ้งแม่น้ำ กุ้งลายเสือ ที่ห้องอาหารแจ้งว่าไม่ควรพลาด เรามาลองกันเลย
พอดีถ่ายมารวมๆ ในจานเดียวนะคะ ให้สังเกตที่แก้มเป็นหลัก แก้มยุ้ยๆ อ้วนๆ คือกุ้งแม่น้ำ (ขวามือ) ส่วนแก้มตอบๆ เป็นกุ้งลายเสือค่ะ
หลังจากที่ลองทานแล้วเราติดใจ กุ้งลายเสือเผามากกว่านะ คือ เนื้อสัมผัสกรึบๆ ทั้งคู่ แต่กุ้งลายเสือจะได้รสชาติที่หวานกว่ากุ้งแม่น้ำหน่อยค่ะ
ไลน์สเต็ก
ไลน์นี้มีทั้งขาแกะ เนื้อ หมู ไก่ สามารถเลือกได้ตามความชอบค่ะ รอบก่อนเคยสั่งแกะกับเนื้อมาแล้ว รอบนี้เลยขอเปลี่ยนเป็นพอร์คชอปดูบ้าง หมูที่นี่ชิ้นใหญ่ค่อนข้างหนา ราวๆ 1 ซม. กรรมวิธีการปรุงสเต็กที่นี่ ไม่ได้ผ่านการหมักอะไรทั้งสิ้น เน้นที่ความสดของวัตถุดิบแล้วเอามาย่าง จากนั้นค่อยปรุงด้วยเกลือและพริกไทยในตอนท้ายค่ะ
พอร์คชอปที่นี่ย่างได้กำลังดี ไม่มีซึมเลือดออกมาเท่ากับเนื้อวัวเนื้อแกะ แต่ก็ไม่ได้เหนียว พอเคี้ยวบริหารฟันนิดหน่อย น้ำเกรวี่รสชาติออกสากลไม่ได้จัดจ้าน คงเน้นสำหรับแขกต่างชาติด้วยหล่ะค่ะ ส่วนคนไทยไม่ต้องน้อยใจไป เพราะว่าเค้าเตรียมน้ำจิ้มแจ่วให้ทานคู่กันด้วยนะ
ไลน์ซีฟู้ดออนไอซ์
ไลน์นี้มีหลายอย่าง ทั้งหอยนางรมสดๆ จากเกาหลี หอยแมลงภู่จากนิวซีแลนด์ กุ้งแชบ๊วยและปูม้า จากทะเลไทยบ้านเรานี่หล่ะค่ะ เพื่อให้ทานหอยนางรมได้อร่อย ไม่ใช่แค่น้ำจิ้มซีฟู้ดเท่านั้น เชฟเลยจัดพริกเผา หอมแดงทอด ยอดกระถิน มาให้กับแกล้ม
เท่าที่ทานก็คงความสดมาตรฐานทั่วไปตามไลน์บุฟเฟ่ต์ แต่มีที่ตินิดนึงคือ หอมแดงทอดไม่ค่อยกรอบเท่าที่ควร (อันนี้แอบคอมเมนต์เชฟไปแล้วหล่ะ เชฟบอกว่าเดี๋ยวจะลองเปลี่ยนสูตรดูค่ะ)
ไลน์บุฟเฟ่ต์นานาชาติ
รอบนี้เน้นส่วนผสมที่ทำมาจากปลาค่ะ ทั้งปลาเก๋า ปลากระพงขาว ปลากระพงแดง ปลาอินทรีย์ เราชิมไปบางอย่างนะ พบว่าที่ถูกใจเป็นปลาเทริยากิ (น่าจะทำมาจากปลาอินทรีย์) เนื้อค่อนข้างแน่น เน้นรสธรรมชาติจากตัวปลา
ไลน์อาหารญี่ปุ่น
อันนี้เอารูปมาฝากนะคะ ขอสารภาพว่าทานไม่ไหวแล้ว จัดแต่ทะเลไทยไปมากกว่า (ฮ่าาา)
ไลน์ขนม-ผลไม้
รอบนี้เหมือนขนมจะอร่อยกว่ารอบก่อนนะ ใครที่ทานซีฟู้ดมาเลี่ยนๆ ขอแนะนำให้ทานเยลลี่มะม่วงกันดูค่ะ ทานแก้เลี่ยนได้ดีเลยทีเดียว (ไม่แน่ใจว่ามีทุกวันหรือเปล่าน้าาา) ส่วนขนมอื่นๆ เท่าที่สังเกตก็มีผลไม้เป็นส่วนประกอบค่อนข้างเยอะทีเดียว
ผลไม้ที่คัดมา จะสุกกลางๆ ไม่ฉ่ำเกินและไม่ดิบเกิน
บทสรุปการรีวิว The Seafood Market ห้องอาหาร Cafe de Nimes
ไลน์อาหารที่คิดว่าน่าสนใจสำหรับธีมบุฟเฟ่ต์รอบนี้คือไลน์ซีฟู้ดผัดและปิ้งย่างที่ทำมาร้อนๆ ส่วนไลน์อื่นๆ รสชาติกลางๆ ค่ะ ส่วนใหญ่เราจึงไปขลุกอยู่กับครัวเปิดด้านนอกมากกว่า
เนื่องจากการคุมเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการให้บริการบุฟเฟ่ต์ ดังนั้นห้องอาหารจึงต้องทำวัตถุดิบซีฟู้ดเหล่านี้มาให้พอสุก เมื่อไปผัดจะได้กินเวลาไม่นานมาก แต่ในข้อดีก็มีข้อติที่อาจจะไม่ได้รสชาติสดหวานและแซ่บจัดจ้านเท่ากับการไปทานตามร้าน กุ้งสด ปูเป็น อะไรทำนองนั้นนะคะ
คิดว่าหลายท่านคงมีคำถามในใจว่าคุ้มมั้ย? อันนี้แล้วแต่การทานจุของแต่ละท่านเลย เพราะถ้าทานไฮไลต์หลักอย่าง ปูทะเล กุ้งลายเสือ กุ้งแม่น้ำ หลายๆ จาน ก็ค่อนข้างคุ้มอยู่นะ และแนะนำว่าควรใช้คู่กับโปรแรงๆ (พันนึงมีทอน) ตามด้านล่างด้วยจะเวิร์คมาก
โปรโมชั่นลด 30% เมื่อสำรองที่นั่งล่วงหน้า 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2559
บุฟเฟ่ต์ The Seafood Market ราคาปกติ 1,299 บาท++ โดยโรงแรมได้มอบโปรโมชั่นพิเศษ ส่วนลด 30% ทันที คนละ 910 บาท++ (1,072 บาทสุทธิ) เมื่อโทรจองล่วงหน้า เบอร์โทรศัพท์ 02-207-9999
นอกจากนี้ยังมีส่วนลดเพิ่มให้อีก 5% เหลือเพียงท่านละ 845 บาท++ (995 บาทสุทธิ) ตามกติกาด้านล่าง
- กด “Like” Facebook Fanpage: Grand Sukhumvit Hotel Bangkok
- ก่อนเช็คบิล โพสต์รูป “The Seafood Market” พร้อม Check-in ที่ “Grand Sukhumvit Hotel Bangkok” และ Tag เพื่อนตามจำนวนผู้ที่ร่วมโต๊ะหรือมากกว่า (เช่น ถ้ามาทาน 2 ท่าน Tag 2 คนขึ้นไป) และอย่าลืมตั้งค่า Status ให้เป็น Public กันด้วยนะคะ
ส่วน Free Flow Beer & Wine ราคา 1,599 บาท++ ค่ะ
ข้อมูลและแผนที่การเดินทาง
หากมาจาก BTS นานา ให้ลงทางออก 4 โรงแรมแกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพ จากนั้นเดินย้อนมาทาง ซ.สุขุมวิท 6 เดินตรงเข้ามาจะเห็นโรงแรมอยู่ตรงทางแยกด้านหน้า ห้องอาหาร Café De Nîmes (คาเฟ่ เดอ นิมส์) ตั้งอยู่โซนด้านหน้าของโรงแรมเลยค่ะ
ส่วนใครที่ขับรถมาให้เข้า ซ.สุขุมวิท 4 นะ เพราะ ซอย 6 เป็นเส้นทางวันเวย์ (เข้าซ.สุขุมวิท 4 ออกซ.สุขุมวิท 6) ประทับตราจอดรถได้ฟรี
คุณสามารถติดตามรีวิวร้านอาหารและบุฟเฟ่ต์ จาก facebook “2Baht.com” ได้อีกช่องทางหนึ่งค่ะ