ท่านที่หลงใหลการทานติ่มซำ น่าจะคุ้นเคยกับเมนู “เสี่ยวหลงเปา” ซึ่งเป็น “เปา” (包 bao) ประเภทนึ่งแบบหนึ่งที่มีซุปอยู่ด้านใน เมื่อกัดออกมาจะมีน้ำซุปอยู่ด้านใน และเคยเป็นที่นิยมในบ้านเราพักหนึ่ง แต่เสี่ยวหลงเปาไม่ได้มีแค่นึ่งเท่านั้น ยังมีแบบทอดด้วย
รีวิวนี้จะพาท่านผู้อ่าน 2baht ไปชิมสิ่งที่เรียกว่า เสี่ยวหลงเปาทอด ที่ร้าน Cheung Hing Kee ย่าน Tsim Sha Tsui ของฮ่องกงครับ
รู้จักกับเสี่ยวหลงเปาทอด
เสี่ยวหลงเปาทอด มีชื่อในภาษาจีนว่า Shengjian Bao (อีกชื่อคือ Shengjian mantou) จัดว่าเป็นหนึ่งในของทานเล่นของอาหารจีนแถบเซี่ยงไฮ้
จากข้อมูลในเว็บไซต์ Travelling Foodies ระบุว่าอาหารชนิดนี้ถือกำเนิดในช่วงปี 1920 โดยเริ่มต้นมาจากอาหารริมถนนที่ขายในเมืองเซี่ยงไฮ้ และได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง มาพร้อมๆ กับเสี่ยวหลงเปาที่เป็นแบบนึ่ง ซึ่งคนไทยคุ้นเคยกันดี ก่อนที่จะกระจายไปไต้หวันในช่วงปี 1940
เสี่ยวหลงเปาทอด ได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะเป็นอาหารเช้าของคนเซี่ยงไฮ้ในช่วงปี 1990 ต้นๆ และนั่นทำให้เสี่ยวหลงเปาทอด เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของอาหารจีนจากเซี่ยงไฮ้ไปโดยปริยาย
เช่นเดียวกับเสี่ยวหลงเปานึ่ง เสี่ยวหลงเปาทอดจะมีน้ำซุปอยู่ภายในเมื่อกัดออกมา พร้อมกับชิ้นเนื้อหมูอยู่ด้านใน กระบวนการทำก็ไม่ต่างกัน คือเอาแป้งมาห่อเนื้อหมูดิบพร้อมกับชิ้นวุ้นเจลาตินที่โดนความร้อนแล้วจะละลาย
จุดที่แตกต่างคือ เสี่ยวหลงเปาทอดจะถูกทำให้สุกด้วยการใช้ความร้อนและน้ำมันจากกะทะ โรยด้วยงากับต้นหอมซอย ผลที่ได้คือความกรอบของแป้งภายนอก แต่ยังคงคุณสมบัติแบบเสี่ยวหลงเปา แถมด้วยความที่ต้องทอดแบบอัดแน่นเต็มกะทะ ทำให้หน้าตาของมันต่างจากเสี่ยวหลงเปาพอสมควร
ในเมืองไทย ยังไม่ค่อยเห็นความนิยมในเสี่ยวหลงเปาทอดมากนัก ร้านที่มีขายในกรุงเทพเท่าที่จำได้มีเพียงร้านเดียว คือ หงเติงหลง ย่านสีลม แต่ในจีน ถือว่าเป็นอาหารที่หาได้ทั่วไป ในกรณีของฮ่องกงอาจจะไม่ได้หาง่ายมาก แต่ก็ไม่ถึงกับยากมากนักครับ
ข้อมูลของร้าน Cheung Hing Kee
- ที่อยู่ 48 Lock Road, Tsim Sha Tsui
- โทรศัพท์ 2915 0389
- เวลาทำการ ทุกวัน 10:00 – 22.00 น.
- การเดินทาง ใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MTR สาย Tsuen Wan ลงที่สถานี Tsim Sha Tsui ใช้ทางออกหมายเลข A1 ข้ามถนน Haiphong Road เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Lock Road หรือจะใช้ทางออก C2 แล้วลัดเลาะทางอาคารก็ได้เช่นกัน
Cheung Hing Kee ถือเป็นร้านยอดนิยมของคนฮ่องกงเมื่อพูดถึงเสี่ยวหลงเปาทอด และติดในมิชลินไกด์ในปีนี้ด้วย แต่เดิมตั้งอยู่ที่เขต Tsuen Wan ใกล้ๆ กับ Chin Sik บะหมี่รถเข็นชื่อดังอีกเจ้า แต่เพิ่งจะย้ายร้านมาที่ Tsim Sha Tsui เมื่อไม่นานมานี้
เหตุผลก็เช่นเดียวกับร้าน Kai Kai ที่ต้องย้ายร้านมาอยู่ในตำแหน่งปัจจุบัน เนื่องจากหลังจากร้านติดในมิชลินไกด์ เจ้าของที่ตัดสินใจขึ้นค่าเช่าอย่างมหาศาลจนทางร้านแบกรับต้นทุนไม่ไหว จึงต้องย้ายร้านมาอยู่ที่นี่แทน
แต่เดิม Chung Hing Kee ที่ Tsuen Wan มีที่นั่งในร้าน แต่พอย้ายมาทำเลแถบนี้ที่ค่าเช่าค่อนข้างสูง จึงเหลือแต่เพียงม้านั่งแบบเคาเตอร์บาร์ (ไม่ได้ถ่ายมาเพราะไม่สะดวก) ตั้งกับกระจกหน้าร้านที่แสดงให้เห็นถึงการทำตัวเสี่ยวหลงเปาทอด เปลี่ยนวิธีการมาเป็นการซื้อเป็นกล่องแล้วหิ้วออกไปทานหน้าร้านหรือออกไปทานที่อื่นแทน รวมถึงตัดเมนูอื่นๆ ออกไป เหลือแต่เมนูสำคัญๆ ของร้านเท่านั้น
รีวิวเสี่ยวหลงเปาทอด Cheung Hing Kee
สำหรับรีวิวคราวนี้ ทีมงานตัดสินใจเลือกเช็ตผสมที่เป็นเสี่ยวหลงเปาทอดแบบธรรมดาและเสี่ยวหลงเปาทอดไส้กุ้ง (32 HKD) อย่างละ 2 ชิ้น พร้อมกับน้ำเต้าหู้ (12 HKD แต่ถ้าซื้อพร้อมกัน เหลือ 10 HKD)
น้ำเต้าหู้ของร้านนี้ (ไม่ได้ถ่ายภาพมา) ไม่ได้ต่างจากน้ำเต้าหู้ทั่วไป หวานน้อย กลมกล่อม โดยรวมถือว่าอร่อย แต่ถ้าให้เทียบเรื่องของความสดใหม่แล้ว คงสู้ร้าน Kung Wo Tofu ไม่ได้ แต่ถ้าเอามากินแกล้มก็ถือว่าพอไปได้อยู่
มาถึงพระเอกของร้าน ซึ่งก็คือเสี่ยวหลงเปาทอด โดยหลังจากสั่งก็ใช้เวลาไม่นานนักมาอยู่ในมือ บรรจุในกล่องสวยงาม มีโลโก้เป็นรูป Bib ตัวมาสคอตของมิชลินอยู่ด้วย
เริ่มที่ เสี่ยวหลงเปาทอดแบบธรรมดา เสียก่อน ตัวเสี่ยวหลงเปามีความร้อนพอสมควร ดังนั้นถ้าจะกินต้องระมัดระวัง ตัวแป้งมีความกรอบด้านนอก และยังคงนุ่มด้านบนเป็นอย่างดี อร่อยมากครับ เนื้อหมูด้านในเด้งและเคี้ยวมัน ส่วนน้ำซุปมีรสชาติกลมกล่อม หวานและเค็มกำลังพอดี มีกลิ่นขิงแซมเล็กน้อย ต้องถือว่าสมบูรณ์แบบมาก
ส่วนอีกชิ้นเป็นเสี่ยวหลงเปาทอดไส้กุ้ง ความต่างคงเป็นว่าข้างในไส้กุ้งขนาดตัวเขื่องเอาไว้อย่างที่เห็นในภาพ แต่การใส่กุ้งเข้ามาไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มรสชาติเท่านั้น แต่ยังไปเสริมเรื่องรสสัมผัส และรสชาติที่อาจจะเค็มขึ้นมาอีกนิด และได้เรื่องความสดใหม่เพิ่มขึ้นด้วย
โดยสรุปแล้ว ถือว่าร้านนี้อยู่ในระดับสามผ่าน คือผ่านในด้านรสชาติ ผ่านทั้งราคา และผ่านเรื่องตำแหน่งของร้านที่หาง่าย จุดที่อาจจะต้องติงคือเรื่องของร้านเองที่ไม่มีที่นั่งมากพอแบบสมัยที่ยังเปิดที่ Tsuen Wan ครับ