เมื่อพูดถึง “ร้านแฮมเบอร์เกอร์” ในสหรัฐอเมริกาช่วงหลัง ร้านที่เป็นดาวรุ่ง ถูกพูดถึงกันเยอะในแง่ความอร่อย กลับไม่ใช่ร้านแบรนด์เนมชื่อดังอย่าง McDonald’s หรือ Burger King แต่กลับเป็นเบอร์เกอร์ยี่ห้อที่ชื่อชั้นรองลงมาสามราย ได้แก่ Five Guys, In-N-Out และ Shake Shack
เบอร์เกอร์ทั้งสามร้านถูกยกย่องในแง่ความอร่อยเหนือชั้นเบอร์เกอร์ทั่วไป และถูกฝรั่งนำมารีวิวเปรียบเทียบกันอยู่บ่อยๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแต่ละร้านยังไม่ใช่ธุรกิจข้ามชาติขนาดใหญ่ ลำพังแค่สหรัฐอเมริกาเองยังเปิดสาขาไม่ครบทุกรัฐด้วยซ้ำ (Five Guys และ Shake Shack มาจากฝั่งตะวันออกของประเทศ ส่วน In-N-Out มาจากฝั่งตะวันตก) การจะไปเที่ยวรอบเดียวแล้วลองชิมได้ครบทั้งสามร้านไม่ใช่เรื่องง่าย
เท่าที่เราเช็คข้อมูลมา เมืองในสหรัฐที่มีเบอร์เกอร์ทั้ง 3 ร้านให้ลิ้มลองมีเพียง 2 เมืองคือ เมืองออสติน รัฐเท็กซัส และเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดาเท่านั้น ในโอกาสที่ทีมงาน 2Baht ได้ไปเที่ยวลาสเวกัสมา ก็เลยตระเวณชิมเบอร์เกอร์ทั้งสามยี่ห้อ มาเปรียบเทียบกันดูว่าเจ้าไหนเด็ดกว่า อร่อยแตกต่างกันอย่างไร
Five Guys Burgers and Fries
Five Guys เป็นร้านฟาสต์ฟู้ดจากฝั่งตะวันออกของสหรัฐ เปิดร้านครั้งแรกที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนียในปี 1986 โดยครอบครัว Murrell ที่มาของชื่อ Five Guys มาจากคุณพ่อ Jerry Murrell และลูกชายทั้งสี่คน (ภายหลังเขามีลูกชายคนที่ห้า เลยยกตำแหน่ง Five Guys ให้ลูกๆ ทั้งหมดแทน)
ประวัติศาสตร์ช่วงแรกของร้านเบอร์เกอร์ Five Guys ขยายตัวในรัฐเวอร์จิเนียอย่างช้าๆ โดย 15 ปีแรกมีเพียง 5 สาขาเท่านั้น (แม้จะมีแฟนๆ อย่างเหนียวแน่น) พอถึงปี 2003 บริษัทปรับนโยบายใหม่ เปิดรับแฟรนไชส์ ทำให้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีร้านในหสรัฐมากกว่า 1,000 สาขา รวมถึงสาขาในต่างประเทศ ทั้งแคนาดา อังกฤษ และยูเออี (เว็บไซต์)
ชื่อเสียงของ Five Guys เริ่มโด่งดังมาจากแถบเมืองหลวงวอชิงตันดีซี (ว่ากันว่าประธานาธิบดีโอบามาก็เป็นแฟนคลับร้านนี้) และชนะอันดับหนึ่งในผลสำรวจร้านฟาสต์ฟู้ดยอดนิยมหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อเข้ามาในร้าน Five Guys จะพบกับกระสอบมันฝรั่งวางเป็นตั้งๆ เรียงรายแบบนี้ แถมมีบอกด้วยว่ามาจากแหล่งผลิตที่ไหน และยังมีลังกระดาษใส่ถั่วลิสงพูนๆ ให้หยิบไปทานเล่นกันอีกด้วย
ส่วนด้านหลังของเคาน์เตอร์แคชเชียร์จะเป็นครัวเปิดโล่ง เห็นพนักงานห่อเบอร์เกอร์กันอย่างขมักเขม้น ตอนที่ไปทานเกือบๆ บ่ายสองวันธรรมดา ผู้คนก็ยังเข้า-ออกร้านกันอยู่เรื่อยๆ ไม่มีว่างเว้น
การสั่งเบอร์เกอร์ที่ร้าน Five Guys ออกจะแปลกกว่าร้านเบอร์เกอร์ทั่วไป ตรงที่ให้เลือกว่าจะเอาซอสแบบไหน ผักอะไร (หากใครที่เคยทาน Subway น่าจะคุ้นกับวิธีการแบบนี้) ส่วนการสั่งน้ำอัดลมนั้นจะมีแก้วให้ไปกดจากตู้เองซึ่งเป็นธรรมเนียมปกติของร้านฟาสต์ฟู้ดฝั่งอเมริกา
จากนั้นรอไม่นาน พนักงานจะเรียกให้เราไปรับเบอร์เกอร์ร้อนๆ ที่ห่อในกระดาษฟลอยและบรรจุในถุงกระดาษมาเรียบร้อย แถมยังมีใบสรุปส่วนผสมในแต่ละชั้นมาให้เรียบร้อย (ละเอียดไปไหม)
เนื่องจากยังค่อนข้างอิ่มกับอาหารเช้าจึงสั่ง Little Bacon Cheese Burger มาลอง เลือกซอสบาร์บีคิวและมะเขือเทศ ยอมรับว่าเบคอนเด่นนำเบอร์เกอร์มาเลย เกรียมๆ หอมควัน ผักสดๆ ฉ่ำๆ ชีสยังไม่ค่อยเยิ้มสักเท่าไหร่ ส่วนเนื้อเบอร์เกอร์รสชาติกลางๆ
In-N-Out Burger
In-N-Out Burger เป็นร้านฟาสต์ฟู้ดเก่าแก่จากแคลิฟอร์เนีย เปิดบริการครั้งแรกในปี 1948 ตั้งแต่สมัยสงครามโลก โดย Harry Snyder และภรรยา Lynsi Snyder มาถึงปัจจุบันสืบทอดมาถึงรุ่นที่สามของตระกูลแล้ว ร้านนี้มีแฟนคลับเยอะมากถึงขนาดมีสินค้าที่ระลึกของตัวเองขายภายในร้านด้วยเลย
In-N-Out Burger มีนโยบายชัดเจนว่าไม่รับแฟรนไชส์ ไม่เข้าตลาดหุ้น เน้นความเป็นธุรกิจในครอบครัว ขยายตัวอย่างช้าๆ ทำให้ปัจจุบันมีสาขาประมาณ 300 แห่ง และกระจายตัวอยู่ในรัฐทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐเท่านั้น เช่น แคลิฟอร์เนีย แอริโซนา เนวาดา ยูทาห์ เท็กซัส ใครอยากไปลิ้มลองต้องไปแถบแอลเอ ซานฟรานซิสโก ลาสเวกัสเท่านั้น (เว็บไซต์)
In-N-Out Burger มีเมนูเบอร์เกอร์จำกัดเพียง 3 อย่างคือ แฮมเบอร์เกอร์ ชีสเบอร์เกอร์ และเมนูเด่น Double-Double (เนื้อสอง+ชีสสอง) ใส่ผักกาดแก้วและมะเขือเทศ ราดซอสเทาซันไอส์แลนด์ สามารถเลือกได้ว่าจะใส่หัวหอมหรือไม่ (พนักงานจะถามตอนสั่ง) ส่วนอาหารอย่างอื่นที่มีบริการคือเฟรนช์ฟราย และมิลค์เชค เทียบราคากับร้านอื่นๆ แล้วจะถูกกว่าพอสมควร เบอร์เกอร์เริ่มที่ 2.10 ดอลลาร์เท่านั้น
บรรยากาศภายในร้านจะดูบ้านๆ หน่อย ให้ความรู้สึกเป็นร้านฟาสต์ฟู้ดย้อนยุค ร้านใช้โทนสีขาวแดง และมีสีเหลืองแซมบ้างเล็กน้อย วันที่เราไปขนาดตอนบ่ายกว่าแล้ว คนยังเยอะมากจนต้องรอคนอื่นลุกถึงจะได้ที่นั่งด้วยซ้ำ
การสั่งอาหารจะสั่งที่แคชเชียร์ แล้วจะได้เบอร์เพื่อรอเรียกรับอาหาร สไตล์ของร้าน In-N-Out เป็นครัวเปิดให้เห็นบรรยากาศการทำอาหารชัดเจน ตอนที่เราไปคนเยอะมาก พนักงานทอดเบอร์เกอร์กันรัวๆ 3-4 คนตลอดเวลา (ยังกะสนามรบ) ดูแล้วคึกคักแถมยิ่งชวนให้หิวเข้าไปอีก
เมนูที่ชิมย่อมเป็นเมนูเด่นของทางร้าน Double-Double เบอร์เกอร์สองชั้น ใส่ชีสมาเยิ้มๆ และผักกาดแก้ว หัวหอม มะเขือเทศ (หัวหอมถ้าไม่ชอบบอกได้) ชิมแล้วพบว่าขนมปังอร่อยมีรสมีชาติ เนื้อแน่นได้คุณภาพ กินแล้วอร่อยทีเดียว อันนี้ให้ผ่าน กินแล้วอยากมากินอีก
ทางร้านบอกว่าแนวทางคือแบบดั้งเดิม ไม่แช่แข็งวัตถุดิบแล้วนำมาอุ่น ไม่ใส่วัตถุกันเสียใดๆ และเนื่องจากร้านมีเมนูอาหารไม่เยอะ เลยสามารถควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบได้เองทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม In-N-Out มาตกม้าตายที่มันฝรั่งทอด ถึงแม้เราจะเห็นพนักงานเอามันฝรั่งเข้าเครื่องสไลซ์แล้วทอดให้ดูสดๆ เหยาะเกลือแล้วยกมาให้ดูแบบเห็นๆ แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากการเลือกพันธุ์มันฝรั่งที่ใช้ หรือคนเยอะทอดไม่ทันกันแน่ รอบที่กินเลยรู้สึกว่ามันฝรั่งทอดไม่ค่อยดี ไม่ค่อยกรอบ ไม่น่าประทับใจอย่างแรง
Shake Shack
ร้าน Shake Shack เป็นเบอร์เกอร์น้องใหม่รายล่าสุดที่กำลังมาแรง เปิดบริการครั้งแรกที่นิวยอร์กในปี 2004 ประวัติความเป็นมาแตกต่างจากรายอื่นอยู่บ้าง เพราะผู้ก่อตั้ง Danny Meyer มีธุรกิจร้านอาหารเครือ Union Square Cafe อยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อเขาไปช่วยปรับปรุงสวนสาธารณะ Madison Square Park ที่เสื่อมโทรม เขาและทีมงานตั้งซุ้มขายฮ็อตด็อกด้วยฝีมือพ่อครัวของบริษัท ปรากฏว่ามียอดขายถล่มทลาย จนขยับขยายมาเป็นร้านขายเบอร์เกอร์ในที่สุด
ปัจจุบัน Shake Shack ถือเป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม มีร้านสาขา 66 แห่ง ทั้งในสหรัฐ ยุโรป ตะวันออกกลาง และเข้าตลาดหุ้นไปแล้วเมื่อต้นปี 2015 นี้เอง ถ้าใครอยากลองคงต้องไปฝั่งตะวันออกของสหรัฐเป็นหลัก หรือไม่ก็ชิมสาขาในต่างประเทศเลย ฝั่งตะวันตก ตอนนี้ยังมีแค่ที่ลาสเวกัสและออสตินเท่านั้น แต่กำลังจะเปิดที่แอลเอในปี 2016 แล้ว (เว็บไซต์)
ร้าน Shake Shack ออกแบบโดยมีแนวคิดที่ต่างจากร้านฟาสต์ฟู้ดอื่นๆ โดยแต่งร้านให้ดูสมัยใหม่กว่า วัยรุ่นกว่า มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเบียร์และไวน์บริการ นอกจากนี้ยังมีของหวานคือ Frozen Custard และเครื่องดื่มอย่างมิลค์เชคที่โด่งดังด้วย
เมนูของ Shake Shack มีค่อนข้างเยอะ แต่เบอร์เกอร์โดยหลักแล้วมี 3 อย่างคือ Shackburger (ชีสเบอร์เกอร์), SmokeShack (ชีสเบอร์เกอร์ พร้อมเบคอนรมควัน), Shroom Burger (เบอร์เกอร์มังสวิรัต ชีสและเห็ด) นอกจากนี้ยังมีฮ็อตด็อกที่สร้างชื่อเสียงให้ทางร้าน และเฟรนช์ฟรายชีสด้วย
ว่าแล้วก็มาชิมเบอร์เกอร์กันเลยดีกว่า น่าเสียดายว่าเราไปร้านด้วยสภาพค่อนข้างอิ่ม กินได้อีกไม่เยอะ จึงได้ลองแค่เมนูเดียวคือ SmokeShack ชีสเบอร์เกอร์ใส่เบคอน (5.19 ดอลลาร์) และชีสฟรายส์ (Cheese Fries) มันฝรั่งทอดราดชีส (3.95 ดอลลาร์)
เริ่มจากชีสฟรายส์ก่อน เดิมที Shake Shack ทำมันฝรั่งไม่อร่อยเมื่อเทียบกับเบอร์เกอร์ พอโดนวิจารณ์เยอะๆ เข้าเลยไปปรับปรุงใหม่หมด ใช้มันฝรั่งหั่นเป็นหยัก ทอดกรอบ ราดชีสเหนียวๆ มาให้ กินตอนใหม่ๆ ร้อนๆ อร่อยมาก (มันฝรั่งทอดนี่ถ้าไม่กินตอนร้อน อร่อยแค่ไหนก็จบ) การราดชีส (เป็นเชดดาร์ผสมอเมริกันชีส) มาให้ถือเป็นซอสสำหรับจิ้มออกเค็มๆ มันๆ ไปในตัวอยู่แล้ว แต่ถ้ายังไม่พอใจก็สามารถกดซอสมะเขือเทศ หรือมายองเนสมากินด้วยกันได้
ส่วนของเบอร์เกอร์ เนื่องจากเราชอบเบคอนอยู่แล้ว เลยสั่ง SmokeShack มาลอง แบบซิงเกิล เนื้อแผ่นเดียวราคา 5.19 ดอลลาร์ ถ้าหิวจัด สามารถสั่งแบบดับเบิลได้ 7.99 ดอลลาร์
จุดเด่นของเบอร์เกอร์ร้าน SmokeShack คือใช้เนื้อแองกัส (Angus Beef) คุณภาพสูง เลี้ยงแบบธรรมชาติไม่ใส่ฮอร์โมน คู่กับขนมปังรสชาติอร่อย ผักสดมาตรฐาน (มะเขือเทศ หัวหอมใหญ่ ผักสลัด) ราดซอส Shack Blend สีเหลืองส้มรสชาติกลมกล่อม เนื้อทอดมากรอบมาก ยิ่งบวกกับเบคอนกรอบๆ วางแปะมาด้วย ตอนกัดแล้วสัมผัสได้ถึง texture ของเนื้อ ถือว่ายอดเยี่ยมาก
ฟันธง สุดยอดเบอร์เกอร์แห่งอเมริกา
จากที่ได้ลองมาครบทั้ง 3 ร้าน ปันใจกันอย่างไม่เอนเอียงว่าร้าน Shake Shack อร่อยที่สุด ด้วยการย่างเบอร์เกอร์ที่เกือบเกรียม เวลาที่เคี้ยวจะได้กลิ่นเบอร์เกอร์ออกมาชัดเจน เมื่อเคล้ากับซอสเฉพาะของร้าน และขนมปังทาเนยพอฉ่ำๆ ไม่มีอะไรที่ลงตัวไปกว่านี้แล้ว
ส่วนอันดับที่สองและสาม ขอยกให้กับ In-N-Out และ Five Guys ตามลำดับครับ ใครที่มีโอกาสผ่านร้านใดร้านหนึ่งก็ควรมาลองชิมดูนะ มาตรฐานของทั้ง 3 ร้านนี้ผมว่าอร่อยกว่าที่ไทยเยอะครับ ฟันธง!!!
หมายเหตุ: เบอร์เกอร์ทั้งสามร้านที่นำมารีวิวเปรียบเทียบครั้งนี้ นับเฉพาะร้านที่เป็นเชนเท่านั้น ในสหรัฐอเมริกายังมีเบอร์เกอร์ท้องถิ่นอร่อยๆ อีกมาก ใครไปเที่ยวลองเช็คข้อมูลร้านอร่อยจากแอพแบบ Yelp อันไหนเรตติ้งดีๆ รับรองไม่ผิดหวัง ในทริปรอบนี้เราก็ได้กินร้านท้องถิ่นที่ทำเบอร์เกอร์หรือแซนด์วิซอร่อยๆ อีกหลายร้านเลยล่ะ
คุณสามารถติดตามรีวิวร้านอาหารและบุฟเฟ่ต์ จาก facebook “2Baht.com” ได้อีกช่องทางหนึ่งครับ