ก่อนหน้านี้ 2Baht เคยเกริ่นเรื่อง สภาพภูมิศาสตร์ แผนที่ และการเดินทางในแกรนด์แคนยอน กันมาแล้ว เพื่อให้การวางแผนการเที่ยวคุ้มค่ากับเวลา จึงขอรวบรวมจุดชมวิวที่พวกเราแวะชมความงาม เอาไว้เป็นไอเดียว่าจุดชมวิวไหน สวยอลังการอย่างไรกันค่ะ
ก่อนที่จะพาไปชมวิวนั้น ขออธิบายเพิ่มเติมสักนิดว่าจุดชมวิวของ Grand Canyon ฝั่ง South Rim ที่นิยม มี 3 โซนหลักๆ ตามภาพด้านล่าง โดยแบ่งเป็นโซนตรงกลางที่อยู่ในวงรี, โซนด้านซ้ายของวงรี และโซนด้านขวาของวงรี
1. จุดชมวิวใน Grand Canyon Village (บริเวณวงรี) โซนนี้ถือเป็นโซนหลักของ Grand Canyon เลยก็ว่าได้ เพราะอาคารต่างๆ ที่เอาไว้รองรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของ จะอยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมด พื้นที่ตรงนี้สามารถขับรถยนต์ได้ แต่จอดได้เฉพาะที่จอดรถที่มีบริการไว้เป็นโซนๆ จุดจอดหลักอยู่ที่ Visitor Center และมีรถ Shuttle Bus ของอุทยานบริการภายใน Grand Canyon Village เรียกว่า Blue Route วิ่งบริการ
2. จุดชมวิวริมถนน Hermit Road (ด้านซ้าย) เป็นโซนชมวิวกึ่งพื้นที่อนุรักษ์ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันในช่วงกลางวัน โซนนี้ไม่สามารถขับรถเข้าไปได้ ต้องใช้บริการ Shuttle Bus ของอุทยานที่เรียกว่า Red Route เท่านั้น
3. จุดชมวิวริมถนน Desert View Drive (ด้านขวา) โซนนี้สามารถขับรถเข้าไปได้ และสามารถขับไปออกทางออกฝั่งตะวันออกของแกรนด์แคนยอนได้ด้วย จุดชมวิวบางแห่งเป็นจุดแวะพักกลางทาง มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้องน้ำ น้ำดื่ม ไว้บริการ จุดนี้มี Shuttle Bus สาย Orange Route ให้บริการ แต่ระยะทางค่อนข้างสั้น หากไปไกลหน่อยใช้รถยนต์จะดีกว่า
โซนที่ 1 : จุดชมวิว Grand Canyon Village (Blue Route)
อย่างที่เขียนไปข้างต้นว่าโซนที่ 1 เป็นพื้นที่หลักของอุทยาน Grand Canyon ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว เมื่อเราขับรถเข้ามาจากประตูด้านทิศใต้ (South Entrance ถนนเส้นสีม่วงในภาพ) จะเจอกับศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว (Visitor Center) ก่อนเพื่อน นอกจากนี้ยังมีจุดที่พัก (Village) และตลาด-ร้านอาหาร (Market Plaza) คอยให้บริการด้วย ถ้าใครค้างคืนใน Grand Canyon ก็จะต้องนอนในบริเวณนี้ล่ะ
และแน่นอนว่าพื้นที่โซนนี้ก็อยู่ติดกับขอบหน้าผาของ Grand Canyon ดังนั้นก็จะมีจุดชมวิวอยู่ตลอดทาง ถ้านอนพักแถวนี้สามารถเดินเล่นริมผาได้ตามเส้นประที่เขียนว่า Rim Trail
สำหรับจุดชมวิวในโซนแรกมี 3 จุดสำคัญ ตามที่เราทำลูกศรสีชมพูชี้ไว้ในภาพค่ะ
1. Mather Point Amphitheater
จุดชมวิวนี้ถือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเช็คอินกันมากที่สุดเมื่อมาเที่ยว Grand Canyon ฝั่ง South Rim กันเลย เพราะแค่เดินทะลุมาด้านหลัง Visitor Center ก็จะเห็นจุดชมวิวที่เป็นที่นั่งโค้งๆ คล้ายกับโรงละครยุคโบราณ คนที่มาแกรนด์แคนยอนเป็นครั้งแรกแบบเราๆ ต่างอุทานในความสวยกว่ารูปถ่ายเป็นล้านเท่า!! แต่พอได้ชมวิวจุดอื่นๆ จะพบว่าจุดนี้ค่อนข้างธรรมดาไปเลย
ความยากของการถ่ายรูปแกรนด์แคนยอน อยู่ที่ความแกรนด์ หรือ ความสูงใหญ่ของแท่งหินแต่ละก้อน ทำให้เกิดเงาซ้อนกันไปซ้อนกันมาตามมุมของพระอาทิตย์ เรียกว่า “ปราบเซียนกล้อง” ช่างกล้องบางคนทำบทวิเคราะห์ด้วยว่าจุดชมวิวไหน เหมาะกับการถ่ายภาพตอนพระอาทิตย์ขึ้น หรือ พระอาทิตย์ตก แต่สำหรับพวกเราด้วยเวลามีจำกัด จึงขอชมวิวตามเส้นทางกันไปค่ะ
2. Mather Point Overlook
จุดชมวิวที่ไม่ไกลจาก Amphitheater แค่เดินเลียบหน้าผามาทางซ้ายมือกันอีกนิดหน่อย จุดชมวิว Overlook ยื่นเข้าไปข้างในเวิ้งแคนยอน ด้วยความสวยและรถยนต์เข้าถึงได้ง่าย จึงเห็นนักท่องเที่ยวต่างจับจองพื้นที่ทุกมุม เพื่อเก็บภาพบรรยากาศ
สิ่งที่เราประทับใจในอุทยานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาคือ แทบทุกที่ ผู้ใช้วีลแชร์สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้เอง มีจุดจอดรถพิเศษและทางเดินที่กว้างพอที่เค้าเหล่านั้นจะใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ 🙂
3. บริเวณด้านหลังจุดต่อรถบัสสาย Red Route กับ Blue Route
จุดนี้จะอยู่คนละโซนกับ Visitor Center สามารถใช้บริการรถ Shuttle Bus สาย Blue Route ที่จอดหน้า Visitor Center ได้เลย หรือจะขับรถมาจอดบริเวณนี้ก็ได้ (แต่อาจหาที่จอดยากหน่อย) จุดชมวิวนี้ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังจุดเปลี่ยนรถบัสสายสีแดงและสายสีฟ้า หรือที่เรียกว่า Hermit Rest Route Transfer มีเส้นทางเดินชมแกรนด์แคนยอนที่อยู่ด้านหลังโซนที่พัก Bright Angel Lodge ไปจนถึงรีสอร์ตริมหน้าผา El Tovar
เดินจากจุดต่อรถมาไม่ไกล จะเห็น Kolb Studio ร้านขายของที่ระลึกที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาแกรนด์แคนยอน ด้านในขายพวกโปสการ์ด หนังสือ ของที่ระลึกต่างๆ สามารถเข้าไปดูวิวริมหน้าผาแบบใกล้ชิดกันได้ แต่ถ่ายรูปมาไม่ค่อยสวยเพราะติดเงากระจก เราว่ามุมนี้สวยกว่าค่ะ
เดินไปทางขวามืออีกนิดจะเป็นด้านหลังของรีสอร์ต Bright Angel Lodge ซึ่งจุดนี้จะมีป้ายรสบัสสาย Blue Route ที่วิ่งรับส่งภายใน Grand Canyon Village ด้วย เรียกว่าทำเลดี วิวสวย แอบเสียดายที่พวกเราวางแผนกันไม่นานนัก โรงแรมเต็ม จึงได้พักที่ Yavapai Lodge ซึ่งไกลออกไปอีกหน่อย
หากขยันเดินต่ออีกหน่อย ก็จะไปถึง El Tovar รีสอร์ตที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา แต่พวกเรามัวแต่โอ้เอ้ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงเดินมาถึงแค่ Bright Angel Lodge
โซนที่ 2 : จุดชมวิวริมถนน Hermit Road (Red Route)
โซนที่ 2 ทางด้านซ้ายมือของวงรีเป็นโซนที่ต้องพึ่งพาการต่อรถ Shuttle Bus สายสีแดง Red Route หรืออีกชื่อคือ Hermits Rest Route ของอุทยานเท่านั้น ไม่สามารถขับรถยนต์เข้าไปได้
ต้องบอกก่อนว่าการขึ้นรถ Shuttle Bus ถือเป็นเรื่องปกติของอุทยานแห่งชาติในสหรัฐอเมริกาในช่วงหน้าไฮซีซั่น หรือ อุทยานที่นักท่องเที่ยวมากันเยอะ เพื่อควบคุมปริมาณรถยนต์ และรักษาธรรมชาติไปในตัว ซึ่งค่าใช้จ่ายรวมอยู่ในค่าเข้าอุทยานเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอีก การนั่งรถสะดวกสบายมาก เจ้าหน้าที่มารยาทดีเยี่ยม เพียงแต่ถ้าช่วงนักท่องเที่ยวเยอะๆ ก็อาจจะต้องรอคิวรถกันนานสักหน่อย
หากใครวางแผนตะลอนเที่ยวอุทยานเกิน 4 ครั้ง/ปี แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบรายปีที่เรียกว่า American the Beautiful Pass คุ้มมากๆ เลยล่ะ
แผนที่การวิ่งของรถบัสเส้น Red Route จะเป็นไปตามภาพด้านล่างคือวิ่งจากจุด Transfer มายังป้ายสุดท้าย Hermits Rest แล้ววิ่งวนกลับมาที่เดิม สำหรับคนที่ชอบการเดินป่า อยากเดินเทรลต่อเองก็สามารถตั้งต้นจากสถานี Hermits Rest ออกไปทางซ้ายมือของแผนที่ได้ด้วย
เส้นทางวิ่งของ Red Route มีจุดชมวิวทั้งหมด 9 จุด (จุดแรกอยู่ฝั่งขวามือ จาก Village Route Transfer วนไปจนสุดที่ Hermits Rest แล้วกลับมาที่เดิม) ถ้ามีเวลาเหลือเฟือ อยากนั่งรถชมวิวกันยาวๆ จะนั่งครบรอบไป-กลับ 80 นาทีก็ได้นะ แนะนำว่าตอนนั่งรถขาไปให้นั่งฝั่งขวา จะเห็นวิวแคนยอนแบบเต็มๆ กว่า
รถบัสสายสีแดงนี้ ขาไปจะจอดทุกป้าย แต่ขากลับอาจไม่จอดแวะทุกป้าย ดังนั้นต้องวางแผนการเดินทางดีๆ หน่อย เพราะถ้าหากเราจะแวะลงชมวิวแค่บางจุดแล้วนั่งรถกลับเลย ขากลับรถอาจไม่จอดป้าย เราต้องเดินเท้าไปขึ้นป้ายที่รถจอด ซึ่งก็ไกลประมาณนึงค่ะ
นอกจากนี้ รถบัสสายสีแดงจะไม่มีวิ่งในช่วงฤดูหนาว เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ใครจะไปช่วงนี้ต้องวางแผนดีๆ อีกเหมือนกัน
ส่วนจุดชมวิวที่ทาง 2Baht มีโอกาสได้ไปดู (ไม่ได้ไปทั้งหมดเพราะไปตอนเย็นแล้ว ใกล้ค่ำพอดี รถจะหมดเอา) มีดังนี้
4. Powell Point
จุดชมวิว Powell ตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแก่ John Wesley Powell ผู้ค้นพบแกรนด์แคนยอนในปี ค.ศ. 1869 จากการล่องเรือสำรวจกับคณะทั้งหมด 10 คน จุดชมวิวนี้เป็นหน้าผาที่ยื่นเข้าไป ชมวิวได้เกือบ 360 องศา
5. Hopi Point (รถจอดเฉพาะขาไปเท่านั้น)
จุดชมวิวที่มีเอกลักษณ์ที่แคนยอนสลับแนวได้องศาแบบฟันปลา มีโค้งแม่น้ำโคโลราโดให้เห็นกัน ใครจะมาเที่ยวที่จุดนี้ต้องวางแผนกันดีหน่อย เพราะรถบัสจอดเฉพาะขาไปเท่านั้น แต่ถ้าอยากแวะขากลับแนะนำให้ลงป้าย Powell Point แล้วเดินย้อนกลับมา ไม่ไกลมาก สัก 8-10 นาทีค่ะ
ช่วงเย็นเป็นช่วงที่เรามีโอกาสได้เห็นแสงสีทอง ทอดลงมายังแกรนด์แคนยอน สะท้อนกับชั้นหินหลายสี ดูงดงามไปอีกแบบ (ที่จริงจุดชมวิวนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้นมากกว่า)
6. Mohave Point หรือ Mojave Point
จุดชมวิวอีกแห่งที่สามารถเห็นแม่น้ำโคโลราโดได้เช่นเดียวกับ Hopi Point
โซนที่ 3 : จุดชมวิวริมถนน Desert View Drive
โซนสุดท้ายที่จะแนะนำคือฝั่งขวามือของวงรี เป็นถนนริมหน้าผาที่เรียกว่า Desert View Drive โซนนี้สามารถขับรถเที่ยวกันเองได้ และผู้คนไม่พลุกพล่านมาก บรรยากาศจะเป็นป่าที่มีต้นไม้ค่อนข้างหนาแน่น (สองโซนแรกจะโล่งๆ ไม่ค่อยมีต้นไม้) ถนนเส้นนี้จะวิ่งไปยังประตูอุทยาน Grand Canyon ฝั่งตะวันออก ที่เรียกว่า Desert View Entrance ที่จะเจอกับทางหลวงหมายเลข 64 ต่อได้ด้วย
ใครที่ชอบความสงบ จุดชมวิวริมถนน Desert View Drive น่าจะเป็นที่ถูกใจอยู่ไม่น้อย แนะนำว่าขับมาช่วงเช้าๆ หรือ เย็นๆ บรรยากาศจะดีมาก (รูปในเซ็ตนี้ถ่ายช่วงเช้าทั้งหมด)
จุดชมวิวในโซนที่สาม มีดังนี้
7. Pipe Creek Vista
จุดชมวิวแรกที่ใกล้กับ Grand Canyon Village มากที่สุด ที่จริงจุดนี้เรามองข้ามไป… แต่นั่งรถผ่านแล้วถึงขั้นต้องเหยียบเบรคหาที่จอดถ่ายรูปกันเลย ถือเป็นจุดชมวิวที่เข้าถึงได้ง่าย… แค่เดินลงจากรถก็ถ่ายรูปได้แล้ว ส่วนความสวยไม่เป็นรองใคร
8. Grand View Point
เมื่อพูดถึง Grand View Point แล้วค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับช่างกล้องสายแคมปิ้งเลยหล่ะค่ะ เราเห็นรถหลายๆ คันมาจอดแบบมีน้ำค้างเกาะกันเต็มกระจก เหมือนตั้งใจมารอตั้งแต่เช้ามืด
อย่างคู่ด้านล่างนี้เค้ามีเครื่องชงกาแฟ เครื่องปิ้งขนมปังอยู่ท้ายรถเก๋งกันเลย และไม่ใช่แค่คู่หนุ่มสาวอเมริกันเท่านั้น ยังมีคู่รักชาวญี่ปุ่นในวัยกลางคนมาตั้งกล้องถ่ายรูปกันจริงจังด้วย
จุดนี้ถือเป็นจุดชมวิวที่เราค่อนข้างประทับใจอีกจุดหนึ่ง ใครมีโอกาสผ่านมาก็แนะนำให้แวะกันนะ
“ความแกรนด์” ของวิวที่นี่ อยู่ที่ตัวหน้าผาด้านหน้าไม่ค่อยสูงมาก แล้วไล่ระดับไปเห็นขอบฟ้าด้านหลัง มีเส้นทางให้ไต่ลงเนินนิดๆ หน่อยๆ ให้เลือกมุมถ่ายรูปได้ตามชอบใจ
9. Desert View Point
จุดชมวิวสุดท้ายก่อนอำลา Grand Canyon ที่มีความเป็นเอกลักษณ์คือ หอคอยชมวิวที่ตั้งตะหง่านริมหน้าผา เรียกว่า Desert View Watchtower ฝีมือของศิลปินชื่อ Mary Colter สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1932 ยึดตามแบบหอคอยเฝ้าระวัง (Watchtower) ในอดีตที่เคยสร้างแถบนี้แล้วพังไปตามกาลเวลา
อาคารแห่งนี้มีความสูง 85 ขั้นบันได หรือ 21 เมตร เปิดให้เข้าชมเวลา 9.00-17.00 น. ภายในมีร้านขายของที่ระลึกด้วย แต่เรามากันเช้าไป หอคอยยังไม่เปิด จึงได้แต่เก็บภาพบรรยากาศรอบๆ มาเท่านั้น
คลิปแนะนำข้อมูลของ Watchtower ของ Grand Canyon ที่สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อ 800 ปีก่อนโดยชาวอินเดียนแดง ก่อนจะถูกบูรณะในภายหลัง
ความประทับใจของจุดชมวิวนี้ คือ เห็นวิวแคนยอนเตี้ยๆ อยู่เบื้องหน้า มีวิวแม่น้ำโคโลราโดลัดเลาะ ตัดกับขอบของแคนยอนสูงใหญ่ที่บริเวณขอบขวาและด้านหลัง ถือเป็นจุดชมวิวที่เราชอบเป็นอันดับต้นๆ เลยหล่ะ
อีกมุมของ Desert View Point เป็นเนินที่ราบสูงยกขึ้นมาอยู่ลูกเดียว กับแสงแดดอ่อนๆ รู้สึกเหมือนอยู่ในฉาก CG
จุดชมวิวใน South Rim ทั้งหมดที่เราเอามาลงในบทความนี้ ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 1 วัน (ช่วงบ่ายๆ วันแรก ค้างคืนที่ Grand Canyon Village และช่วงเช้าของอีกวัน) แต่ถ้าใครอยากดื่มด่ำมากกว่านี้ลองปรับเวลากันดูค่ะ
แผนที่การเดินทาง
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ขอสรุปเป็นแผนที่การเดินทางในพิกัด Google Maps ด้านล่าง
ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม
- แนะนำข้อมูลที่พักและร้านอาหารในอุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน
- แผนที่และตารางเดินรถในอุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน
- รวม 13 จุดชมวิวที่สวยที่สุดในแกรนด์แคนยอนฝั่ง South Rim
สำหรับคนที่สนใจรายละเอียดการเดินทางเพื่อชมวิวตามจุดต่างๆ ของ Grand Canyon แนะนำให้ดูคลิป เทคนิคการชมวิวจุดสำคัญๆ ของ Grand Canyon ให้ได้ภายในครึ่งวัน