ผู้อ่าน 2baht หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับ Gelato (เจลาโต้) ซึ่งเป็นของหวานประเภทเดียวกับไอศครีม ซึ่งมีที่มาจากอิตาลี แต่หนึ่งในแบรนด์ที่โดดเด่นและดังระดับโลกคือ Grom แบรนด์เจลาโต้ที่เพิ่งก่อตั้งมาได้สิบปีเศษ ที่มีสาขาทั่วโลก และล่าสุดเปิดสาขาที่ฮ่องกง
ทีมงาน 2baht มีโอกาสได้เดินทางไปฮ่องกง และไม่พลาดที่จะไปชิมร้านเจลาโต้ชื่อดังเจ้านี้ครับ
เจลาโต้ต่างอย่างไรกับไอศครีม?
ก่อนจะเริ่มรีวิว ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เจลาโต้ และไอศครีม มีความแตกต่างกันอย่างมาก สำหรับคนที่สนใจเรื่องอาหารจริงจัง บางคนจะถือว่าสองอย่างนี้เป็นคนละอย่างโดยสิ้นเชิง
ข้อมูลจาก NPR องค์การวิทยุสาธารณะแห่งสหรัฐอเมริกา และเว็บไซต์ Food Network สถานีโทรทัศน์ด้านอาหารของสหรัฐฯ ระบุว่า เจลาโต้มีคุณสมบัติที่ต่างจากไอศครีม คือ
- หนักครีมมากกว่า เจลาโต้จะมีเนื้อไอศครีมที่แน่นกว่า เนียนกว่า และเหลวได้ง่ายกว่าในบางสถานการณ์ (ศัพท์จริงๆ คือ creaminess)
- ส่วนผสม แม้ส่วนผสมพื้นฐานจะคล้ายๆ กัน แต่เจลาโต้จริงๆ จะหนักนมมากว่าไอศครีมที่เน้นครีมที่มาจากไขมันนมมากกว่า และมักไม่ใช้ไข่แดงในการผสม ซึ่งต่างจากไอศครีมที่ใช้
- ความมัน รสชาติ และส่วนผสมอากาศ เจลาโต้จะมีไขมันเนยผสมเพียง 4-9% ซึ่งต่างจากไอศครีมที่เริ่ม 10% และอาจพุ่งไปถึง 25% ทำให้ความมันไปเคลือบลิ้นน้อยลง และรสชาติออกมาได้มากกว่า รวมถึงมีอากาศอยู่ในตัวไอศครีมน้อยกว่า ทำให้เนื้อแน่นกว่า
- อุณหภูมิ ปกติแล้วไอศครีมจะถูกเสิร์ฟที่อุณหภูมิ -13 ไปจนถึง -11 องศาเซลเซียส ส่วนเจลาโต้จะเสิร์ฟที่ -12 ถึง -9 องศาเซสเซียส หรือ อุ่นกว่าเล็กน้อย
ความแตกต่างนี้ ทำให้เจลาโต้มักจะมีคุณสมบัติยืนพื้นที่แตกต่างกับไอศครีมในส่วนที่ชัดเจนที่สุด คือความแน่นของเนื้อนั่นเอง
รู้จัก Grom เจลาโต้น้องใหม่ ยอดนิยมจากอิตาลี
Grom เป็นแบรนด์เจลาโต้จากอิตาลีที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2003 โดย Guido Martinetti คนปรุงไวน์ (winemaker) ประจำ Franco Martinetti ค่ายไวน์จากเขต Piedmont ของอิตาลี (มีไวน์ชื่อดังประจำเขตอย่าง Barolo, Babareasco) และ Federico Grom เพื่อนของเขา
เหตุผลของการก่อตั้ง คือเรื่องของความเสื่อมถอยในความนิยมของเจลาโต้ ที่เป็นของหวานแบบดั้งเดิม กระแสดังกล่าวทำให้ทั้งสองคนตั้งร้าน Grom ขึ้นมาที่เมือง Turin ของอิตาลี และในเวลาไม่นานก็ได้รับความนิยมอย่างมากจากคนในท้องถิ่นและต่างประเทศ จนต้องขยายสาขาไปเปิดตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อินโดนิเซีย ญี่ปุ่น เป็นต้น
Grom เป็นแบรนด์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด หรือ organic gelato ถึงขั้นว่าในปี 2007 ได้ลงทุนทำฟาร์มออร์แกนิกในอิตาลี ชื่อว่า “Mura Mura” เพื่อป้อนวัตถุดิบที่มีคุณภาพสำหรับการทำเจลาโต้ และยังคงใช้แนวทางนี้อยู่จนถึงปัจจุบัน
ความที่ Grom มีปรัชญาในการทำเจลาโต้แบบดั้งเดิม และปฏิเสธการใช้วัตถุดิบที่ไม่ใช่ธรรมชาติ แถมเป็น Gluten-free ด้วย ซึ่งสวนทางกับร้านเจลาโต้ในปัจจุบัน ทำให้ Grom ยืนอยู่บนความแตกต่างจากที่อื่น และย่อมส่งผลต่อรสชาติที่เป็นธรรมชาติมากกว่าด้วย ทั้งหมดทั้งมวลทำให้ Grom จึงเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ
ปีที่แล้ว Grom ได้ถูกซื้อจาก Unilever บริษัทด้านอุปโภคบริโภครายใหญ่จากยุโรป (เจ้าของแบรนด์ไอศครีมอย่าง Wall ในบ้านเรา หรือ บางประเทศใช้เครื่องหมายการค้า Streets) ด้วยมูลค่าที่ไม่เปิดเผย แต่ผู้ก่อตั้งทั้งสองคน ยังทำงานตามปกติในบริษัทเช่นเดิม
ที่ตั้งและข้อมูลของ Grom สาขาฮ่องกง
- เปิดทุกวัน : เวลา 10.00 – 21.00 น.
- หมายเลขโทรศัพท์ : 2454 2100
- สถานีรถไฟฟ้า MTR ที่ใกล้ที่สุด : Hong Kong หรือ Central Station ตัวร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของ IFC Mall ติดกับร้าน TWG
อาจจะถือเป็นความโชคดีเล็กน้อย ที่ร้าน Grom สาขาฮ่องกงร้านแรกตั้งอยู่ที่ IFC Mall ซึ่งเป็นอาคารศูนย์การค้าและสำนักงานที่คนไทยอาจจะคุ้นเคยและรู้จักดี ตัวร้านตั้งอยู่ข้างกับร้านน้ำชา TWG (มีเพียงสาขาเดียวเท่านั้นในตอนนี้)
ความแตกต่างของ Grom กับร้านไอศครีมทั่วไป คือการที่มีเมนูหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปในแต่ละเดือน และมีโอกาสสูงมากที่เราจะกินรสชาติไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละครั้งที่ไป
Grom เองมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย แม้แต่มิลค์เชคก็ยังมี แต่สำหรับตัวเจลาโต้ มีทั้งแบบโคนและถ้วยให้เลือกถึง 5 ขนาด เริ่มจากไซส์เล็กสุด (mini) เลือกได้ 1 รสชาติ เริ่มต้นที่ 35 HKD ไปจนถึงใหญ่พิเศษ (extra large) ราคา 99 HKD เลือกได้ 4 รสชาติ
การออเดอร์ไอศครีม Grom สาขานี้จะแปลกว่าร้านของหวานหรือไอศครีมอื่นๆ ทั่วไป นั่นก็คือเลือกขนาดแล้วจ่ายเงินให้เรียบร้อยตั้งแต่ต้น จากนั้นถึงค่อยไปเลือกตัวเจลาโต้และรสชาติครับ
เมื่อจ่ายเงินที่เคาเตอร์แล้ว เราก็แจ้งรสชาติที่ต้องการ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะตักเจลาโต้ใส่ในถ้วยให้สวยงาม (ผู้เขียนไปแต่เช้า เลยไม่ต้องเผชิญกับคิวที่ยาวเหยียด และถ่ายรูปได้)
งวดที่ไปครั้งนี้ เนื่องจากเดินทางไปเพียงท่านเดียว จึงเลือกขนาดเล็กสุด (จำกัดการกิน เพราะยังต้องรีวิวอีกหลายร้าน) โดยเลือกรสชาติเป็น Crema Di Grom ผสมระหว่างขนมประเภทคุกกี้ และช็อกโกแลตชิพจากโคลัมเบีย พร้อมกับใช้ไข่เป็นตัวประสานเนื้อเจลาโต้
เมื่อได้ลองชิมเจลาโต้ Grom
ตัวเจลาโต้ ละลายค่อนข้างเร็วกว่าไอศครีมปกติโดยทั่วไป (อาจเพราะอากาศที่ร้อนกว่าปกติ) ส่วนตัวเนื้อสัมผัส แม้จะเนียนสู้เจลาโต้ปกติที่เคยกินกันตามห้างไม่ได้ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือการไม่รู้สึกถึงส่วนผสมที่ไม่เป็นธรรมชาติ และความมันที่ไม่เคลือบลิ้นมาก
รสชาติโดยรวมถือว่าทำได้อย่างดีสมคำร่ำลือ ไม่หวานจนแสบโคนลิ้นหรือคอ ตัวช็อคโกแลตมีความขมแฝงจึงตัดรสหวานได้ลงตัวพอดี ส่วนคุกกี้ในไอศครีมช่วยเพิ่มลูกเล่นของเนื้อสัมผัส (texture) ได้ละเมียดขึ้น
บทสรุปเจลาโต้ Grom
ผมต้องยอมรับว่า เรื่องของรสชาติที่ได้ชิม ถือว่าดีอย่างที่คนพูดกัน กล่าวคือเป็นเจลาโต้แบบดั้งเดิม (traditional/orthodox) ที่ยังคงยึดวิธีการและหลักการแบบดั้งเดิมในการทำเอาไว้ ตัววัตถุดิบที่ใช้เป็นฐาน ทำให้ขับเน้นความสดออกมาได้ดี จุดที่อาจจะต้องติงเล็กน้อยคือเรื่องของเนื้อสัมผัส ที่น่าจะ “ทำได้ดีมากกว่านี้” สักเล็กน้อย (เช่น เนียนและแน่นกว่านี้)
อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ส่วนตัว ต้องถือว่าเจลาโต้ของ Grom นั้น “ไม่ธรรมดา” และให้ประสบการณ์เจลาโต้ที่แตกต่างจากเคยกินมา โดยเฉพาะความหวานที่ไม่หวานจบแสบปากแสบคอเหมือนเจลาโต้ทั่วไป และถือเป็นเจลาโต้ที่น่าทานในอันดับต้นๆ เลยทีเดียว
ใครมีโอกาสเดินทางไปฮ่องกง ก็ไม่ควรพลาดที่จะได้ลองสักครั้งหนึ่ง ส่วนเรื่องของราคาต้องถือว่าเอาเรื่องอยู่ แต่ถ้าเทียบกับไอศครีมในกลุ่ม premium (ไอศครีมราคาแพง) ก็ถือว่าไม่หนีห่างกันเท่าใดครับ