ปัญหาที่นักท่องเที่ยวทุกรายคงไม่มีใครอยากเจอ คือลงจากเครื่องบินมารอรับ-เคลมกระเป๋าที่สายพาน คนอื่นได้กระเป๋าเรียบร้อยแล้วเดินทางกันต่อไป แต่รอแล้วรอเล่า กระเป๋าของเรากลับยังไม่มาสักที เรียกว่าเที่ยวไม่สนุกตั้งแต่ลงเครื่องบินแล้ว
ปัญหากระเป๋าเดินทางหายหรือล่าช้าเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะถ้าเราต้องต่อเครื่องบินหลายต่อ และเวลาระหว่างการต่อเครื่องมีไม่เยอะนัก (ถ้าเป็นการบินตรง ปัญหานี้จะน้อยหน่อย) ผู้เขียนเองก็เพิ่งมีประสบการณ์รอกระเป๋าแล้วไม่มาเช่นกัน เลยมาแชร์แนวทางกันสักหน่อยว่าถ้าเจอกรณีแบบนี้ เราควรทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหา
กระเป๋าเดินทางไม่ได้หายแต่ดีเลย์
อย่างแรกคือในยุคสมัยนี้แล้ว กระเป๋าเดินทางมีโอกาสหาย (lost baggage แบบหายไปเลย) ยากมาก เพราะทุกอย่างมีการเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ไว้ทั้งหมด ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบจึงเป็นกระเป๋าเดินทางล่าช้า (delayed baggage) ไม่ได้เดินทางมากับเราในไฟลต์เดียวกัน (ด้วยเหตุผลอะไรก็ว่าไป) ดังนั้นไม่ต้องตกใจว่ากระเป๋าหรือทรัพย์สมบัติจะหายไป แค่ว่ามันจะไม่อยู่กับเราชั่วระยะเวลาหนึ่ง ทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้นเท่านั้น
ทำอย่างไรเมื่อรอกระเป๋าแล้วไม่มา
เมื่อเรารอกระเป๋าที่สายพานจนออกมาหมดแล้ว ยังไม่เจอกระเป๋าของเราสักที (และมั่นใจว่าเฝ้าสายพานอยู่ตลอด ไม่มีใครมาฉกไปแน่ๆ) สิ่งที่ต้องทำคือติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องกระเป๋าหายทันที ในสนามบินใหญ่ๆ จะมีสำนักงานด้านกระเป๋าเดินทางอยู่ใกล้ๆ กับสายพาน ซึ่งรูปแบบจะแตกต่างกันไปตามแต่ละสนามบิน มีทั้งเป็นสำนักงานเดียวดูแลกระเป๋าเดินทางทั้งหมดของสนามบินนั้น หรืออาจเป็นสำนักงานของแต่ละสายการบินก็เป็นไปได้เช่นกัน
ดังนั้นถ้าเราพบว่ามีสำนักงานของสายการบินที่เราใช้บริการ ก็ให้เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทันที (บางสนามบินหรือสายการบินมีปัญหากระเป๋าหายบ่อย อาจต้องรอคิวนาน) ถ้าหากไม่มีสำนักงานของสายการบินที่เราใช้ ก็ลองติดต่อเจ้าหน้าที่ในบริเวณนั้น (ซึ่งอาจเป็นเจ้าหน้าที่ของสายการบินอื่น) ว่าควรทำอย่างไร
ในกรณีสุดวิสัยจริงๆ ลองเปิดเว็บไซต์ของสายการบิน หรือค้นกูเกิลด้วยคำว่า “delayed baggage” หรือ “delayed luggage” ตามด้วยชื่อสายการบิน ก็จะมีข้อมูลบอกว่าเราควรทำอย่างไร (ตัวอย่างเว็บไซต์ของ American Airlines เรื่องกระเป๋าดีเลย์)
สิ่งสำคัญที่เราต้องเตรียมเมื่อติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องกระเป๋าหาย คือให้ข้อมูลแท็กกระเป๋า ที่เป็นสติ๊กเกอร์มีบาร์โค้ดซึ่งเจ้าหน้าที่ให้เรามาตอนเช็คกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่อง (บางสายการบินจะแปะกับพาสปอร์ตหรือ boarding pass มาให้ เก็บไว้ให้ดีอย่าทิ้ง) แท็กอันนี้ถือเป็นร่องรอยสำคัญให้เจ้าหน้าที่ค้นหากระเป๋าของเราว่ามันหลงไปที่ไหน
ผู้เขียนมีประสบการณ์กระเป๋าหายกับสายการบิน American Airlines โดยขนกระเป๋าไปทั้งหมด 3 ใบ หายไป 1 ใบ หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่และให้ข้อมูลแท็กกระเป๋าไปสแกน ก็พบว่ากระเป๋าของเรามาไม่ทันไฟลต์ และจะตามมาในไฟลต์ต่อไป อีกประมาณ 2-3 ชั่วโมงข้างหน้า
ตามปกติแล้ว สายการบินจะส่งกระเป๋าตามไปให้เราที่โรงแรมหรือที่พักโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพียงแต่อาจต้องรอกันหน่อย ขึ้นกับว่ากระเป๋าจะตามมายังเมืองที่เราอยู่ในช่วงไหนกันแน่ (เช่น ถ้าเรามาไฟลต์ดึก กระเป๋าก็อาจต้องตามมาในไฟลต์ของวันรุ่งขึ้นแทน) ตรงนี้คนที่เดินทางไปแล้วมีที่พักถาวร (เช่น บ้านเพื่อนหรือบ้านญาติ) หรือนอนโรงแรมแรกติดต่อกันหลายคืนหน่อยก็จะง่าย แต่ถ้าไปกับทัวร์แล้วต้องเดินทาง เปลี่ยนโรงแรมนอนทุกคืน แบบนี้อาจนัดเวลากันยากสักหน่อย ต้องลองคุยกับเจ้าหน้าที่ดูว่าจะสามารถส่งให้ได้อย่างไรบ้าง
เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบว่ากระเป๋าของเราจะเดินทางมายังสนามบินช่วงไหนแล้ว เราจะต้องกรอกฟอร์มเพื่อให้ทางสายการบินส่งกระเป๋าไปยังที่พักให้ โดยต้องระบุสีและขนาดของกระเป๋า รายละเอียดว่าของในกระเป๋ามีอะไรบ้าง สถานที่พักที่ต้องการให้ส่งกระเป๋า และอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของเราเอง
เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะได้เอกสารยืนยันเรื่องกระเป๋าหายมา พร้อมกับเบอร์ติดต่อเพื่อสอบถามความคืบหน้า เอกสารชิ้นนี้จะมีหมายเลขเคส (File Number) ใช้สำหรับติดตามเรื่องกระเป๋าของเราได้
ประสบการณ์การนัดรับกระเป๋า
ผู้เขียนมีประสบการณ์กระเป๋าหาย จากการเดินทางกับสายการบิน American Airlines เที่ยวบินจาก LA ไปยัง Las Vegas ไฟลท์ที่ถึง Las Vegas ประมาณ 16:00 น. หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่ ได้ข้อมูลว่ากระเป๋าจะเดินทางมากับไฟลท์ถัดไป ซึ่งจะถึงประมาณ 20.00 น. จากนั้นกระเป๋าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงหลังเครื่องลงจอดแล้ว เดินทางไปส่งให้เราที่โรงแรมที่พัก (ซึ่งก็อยู่แทบจะติดสนามบินเลย) เมื่อกระเป๋าถึงโรงแรมแล้วก็ไปติดต่อรับกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมได้เลย
หลังเข้าที่พักแล้ว ช่วงหัวค่ำก็ได้เมลหน้าตาแบบนี้ส่งเข้ามา
เราเลยทราบว่า สายการบิน American Airlines ใช้บริการเว็บไซต์ WheresMySuitcase.com ติดตามเรื่องการส่งกระเป๋าให้ลูกค้า (เว็บไซต์นี้ยังให้บริการเรื่องกระเป๋ากับสายการบินอื่นๆ เช่น Delta, British Airways, Air France, Emirates, United)
เมื่อคลิกตามลิงก์ที่ได้รับจากในอีเมล ก็จะเข้าสู่หน้าสถานะการส่งกระเป๋าของเรา ที่สามารถเข้าไปดูการอัพเดตได้ตลอดเวลา รวมถึงเปลี่ยนที่อยู่จัดส่งกระเป๋าผ่านหน้าเว็บได้ด้วย
สถานะของกระเป๋าจะดูได้จากช่อง Delivery Summary ว่าอยู่ถึงไหนแล้ว ทางเว็บไซต์จะอัพเดตและแจ้งทางอีเมลตลอด เช่น เข้าระบบแล้ว รอขนขึ้นรถ กำลังเดินทางมาส่ง ฯลฯ
เนื่องจากกระเป๋าใบที่หายไปไม่มีของสำคัญอะไรมาก (เสื้อผ้าอยู่อีกกระเป๋าหนึ่ง) เราเลยโชคดีไม่เดือดร้อนมากนัก สรุปว่ากระเป๋ามาถึงคืนนั้นตอนประมาณตีสาม พอตอนเช้าตื่นมา ดูอีเมลว่ากระเป๋ามาแล้ว ก็เดินไปติดต่อเจ้าหน้าที่ของโรงแรมในส่วนของห้องฝากกระเป๋าได้เลย
การเตรียมตัวเพื่อลดผลกระทบจากปัญหากระเป๋าเดินทางดีเลย์
ปัญหากระเป๋าเดินทางหายหรือดีเลย์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ย่อมมีโอกาสเกิดกับนักเดินทางทุกคนได้เสมอ หนทางที่ทำได้คงเป็นการเตรียมตัวเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาลักษณะนี้
- เตรียมเสื้อผ้า-ชุดชั้นใน อุปกรณ์ส่วนตัว (เช่น แปรงสีฟัน) ใส่กระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่อง (carry baggage) เผื่อว่ากระเป๋าใหญ่มีปัญหา จะได้ดำรงชีพอยู่ได้ไปอีก 1-2 วัน
- ในกรณีที่เดินทางมากกว่า 1 คน (เช่น สามี-ภรรยา หรือ พ่อแม่ลูก) อาจนำเสื้อผ้าบางส่วนไปแลกกันเก็บไว้ในกระเป๋าของอีกคน เผื่อกระเป๋าหายไปเป็นบางใบ จะได้ยังมีเสื้อผ้าใช้งาน
- ถ่ายภาพกระเป๋าเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้มีหลักฐานยืนยันลักษณะของกระเป๋าได้
- ถ่ายภาพใบแท็กกระเป๋าที่ได้ตอนเช็คอิน เผื่อว่าแท็กฉบับจริงหายหรือเผลอทิ้งไป จะได้ยังมีหมายเลขกระเป๋าเอาไว้ค้นหาได้
- จดที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของโรงแรมที่จะเข้าพักตลอดทริปติดตัวอยู่เสมอ (จะให้ดีก็ print เป็นกระดาษ ติดกระเป๋าถือไว้เลย) เพื่อที่ตอนแจ้งว่าจะให้ส่งกระเป๋าไปที่ไหน จะได้ค้นหาที่อยู่โรงแรมได้เร็ว
- เปิดบริการ roaming ข้ามประเทศ หรือซื้อซิมการ์ดท้องถิ่น เพื่อให้ติดต่อกับทางสายการบินเรื่องการนัดรับกระเป๋ากันได้สะดวกขึ้น
ปัญหากระเป๋าเดินทางเสียหายจากการขนส่งของสายการบิน (Damaged Baggage)
อันนี้แถม ถือว่าเป็นคนละปัญหากันแต่ก็มีกระบวนการเดินเรื่องคล้ายกัน เมื่อเรารับกระเป๋าจากสายพานและพบว่ากระเป๋าของเราเสียหายจากการขนส่งของสายการบิน เช่น ล้อแตก หูกระเป๋าขาด ฯลฯ เราสามารถเรียกค่าเสียหายจากสายการบินได้ โดยติดต่อที่เคาเตอร์ของสายการบินได้เช่นเดียวกับปัญหากระเป๋าหาย
จากประสบการณ์ที่เคยเจอปัญหาลักษณะนี้ในประเทศไทย พบว่านโยบายของสายการบินจะขึ้นกับว่าเราอาศัยอยู่ที่ไหน ถ้าอยู่ในกรุงเทพ วิธีการคือส่งกระเป๋าซ่อมกับร้านที่สายการบินมีสัญญาไว้ (เราไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องนัดรับส่งกระเป๋ากับทางร้านกันเองในภายหลัง) ส่วนกรณีที่อยู่ต่างจังหวัด สายการบินจะชดเชยเป็นเงินตามมูลค่าของกระเป๋า (ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่มีทางได้ครบ 100% ตามราคากระเป๋าอยู่แล้ว)
บทความที่น่าสนใจ
- รวม 8 เทคนิคการเอาตัวรอดเมื่อเที่ยวบินดีเลย์-ถูกยกเลิก
- รวม 10 เทคนิคขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศอย่างมีความสุข
- รวมเทคนิคค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยวบน Google แบบมือโปร
อ่านบทความเทคนิคการเดินทางอื่นๆ เพิ่มเติม หรือ ติดตามเราได้จาก Facebook “2baht.com” อีกหนึ่งช่องทางครับ