สถิติของการเดินทางด้วยเครื่องบินในสหรัฐอเมริกา ระบุว่ามีเที่ยวบินที่ล่าช้า (delayed) มากถึง 20% ในแต่ละปี และมีเที่ยวบินที่ถูกยกเลิก (cancelled) ราว 2% (สถิติจาก U.S. Department of Transportation)
นั่นแปลว่าเหล่านักเดินทางทั้งหลายคงหลีกเลี่ยงปัญหาเที่ยวบินล่าช้า-ยกเลิกได้ค่อนข้างยาก ทางแก้ไขคงต้องหาวิธีเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ ทางเว็บไซต์ 2Baht.com จึงรวบรวมเทคนิคการแก้ปัญหาเมื่อเจอเที่ยวบินดีเลย์หรือถูกยกเลิกมานำเสนอ ดังนี้
![ภาพโดย John McGarvey / Flickr](http://2baht.com/wp-content/uploads/2015/09/flight-cancelled.jpg)
1) เลือกเวลาบินช่วงเช้า ลดความเสี่ยงไฟลท์ดีเลย์
สาเหตุของปัญหาเที่ยวบินล่าช้า ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาสภาพอากาศ คิดเป็น 2/3 ของเที่ยวบินล่าช้าทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นปัจจัยด้านการซ่อมบำรุงเครื่อง
เนื่องจากเครื่องบินหนึ่งลำถูกใช้บินต่อเนื่องกันหลายเที่ยวในหนึ่งวัน (บางลำอาจใช้บินไป-กลับเส้นทางเดิมถึง 3 รอบในวันเดียว ถ้าเป็นเส้นทางบินระยะใกล้ๆ) ดังนั้นถ้ามีบางไฟลท์ล่าช้า ไฟลท์อื่นๆ ที่ใช้เครื่องบินลำเดียวกันก็จะล่าช้าตามไปด้วย ดังนั้น การเลือกบินในช่วงบ่ายหรือเย็น ย่อมมีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากไฟลท์ก่อนหน้าล่าช้าเยอะตามมา
ทางออกคือเลือกบินตอนเช้าเพื่อลดปัญหาดีเลย์สะสมให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และถ้าเจอแจ็คพ็อตจริงๆ ไฟลท์เช้าดีเลย์หรือถูกยกเลิก เรายังมีโอกาสเปลี่ยนไปนั่งเที่ยวบินอื่นๆ ที่ตามมาในระหว่างวันมากขึ้นด้วย
2) หลีกเลี่ยงการนั่งสายการบินรายเล็ก ที่บินออกจากสนามบินใหญ่
เทคนิคข้อนี้อาจเหมาะสำหรับการบินในประเทศใหญ่ๆ แบบสหรัฐอเมริกา ที่มีสนามบินใหญ่ทำตัวเป็น “ฮับ” การบินกระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆ ของประเทศ (ในขณะที่ประเทศไทย ทุกอย่างรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพ)
ปัญหาของสนามบินใหญ่ที่เป็น “ฮับการบิน” คือมีเที่ยวบินมาลงเยอะ และสนามบินเหล่านี้มักเอื้อประโยชน์ให้กับสายการบินขนาดใหญ่มากกว่า ดังนั้นถ้าเกิดการจราจรทางอากาศของสนามบินใหญ่ๆ มีปัญหาใดๆ สนามบินเหล่านี้มีแนวโน้มจะยอมให้สายการบินรายย่อยหรือสายการบินท้องถิ่นดีเลย์ออกไป เพื่อรักษาตารางบินของสายการบินพี่เบิ้มๆ เอาไว้
ดังนั้นถ้าเราเลือกบินกับสายการบินท้องถิ่น ที่มีเที่ยวบินออกจากสนามบินใหญ่ อาจมีโอกาสโดนดีเลย์ได้เยอะกว่าปกติ แต่ปัญหานี้จะไม่ค่อยเกิดกับสนามบินขนาดเล็ก ที่ไม่ใช่ฮับการบินของภูมิภาค
3) เช็คประวัติการดีเลย์ของแต่ละเที่ยวบิน
เที่ยวบินหนึ่งๆ มีประวัติย้อนหลังหมดว่า บินตรงเวลาหรือไม่ ซึ่งเราสามารถประเมินความเสี่ยงของเที่ยวบินที่จะดีเลย์ในอนาคตได้จากสถิติย้อนหลังเหล่านี้
สถิติย้อนหลังสามารถดูได้จากเว็บไซต์ FlightStats.com ทางทีม 2Baht ลองค้นสถิติการดีเลย์ของเส้นทางบินยอดนิยม กรุงเทพ-นาริตะ ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2015 พบว่า
- เที่ยวบิน TG 642 ของการบินไทย (ออกจากไทย 23:50 ถึงญี่ปุ่น 8:10) มีอัตราการดีเลย์ต่ำมาก บินตรงเวลาถึง 95%
- เที่ยวบิน TG 676 ของการบินไทย (ออกจากไทย 7:35 ถึงญี่ปุ่น 15:45) มีอัตราการบินตรงเวลาเพียง 54%
จะเห็นว่าจากสถิติย้อนหลัง ถึงแม้เป็นสายการบินเดียวกัน แต่เมื่อมีเวลาบินที่แตกต่างกัน กลับมีอัตราการดีเลย์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
4) ถ้าไม่จำเป็นต้องโหลดกระเป๋า ก็ควรถือขึ้นเครื่อง
เทคนิคข้อนี้ขึ้นกับขนาดกระเป๋าด้วย แต่แนวคิดคือถ้ากระเป๋าเราไม่ใหญ่จนเกินไป ไม่ผิดกฎการบิน การถือกระเป๋าขึ้นเครื่องอาจดีกว่าในแง่การป้องกันปัญหาดีเลย์ เพราะถ้าเครื่องบินมีปัญหาดีเลย์และเราจำเป็นต้องเปลี่ยนไฟลท์ เราก็สามารถขนกระเป๋าไปได้เลย แต่ถ้าเราโหลดกระเป๋าลงใต้เครื่องไปแล้วเกิดปัญหาดีเลย์ การย้ายไฟลท์จะลำบากกว่ากันมากมาย
5) ถ้าไฟลท์ดีเลย์มาก หาที่นอนเลยดีกว่า
ในกรณีที่ไฟลท์เลื่อนแบบหฤโหดเป็นหลักหลายชั่วโมง และเวลาก็ดึกแล้ว ง่วงแล้ว หมดแรง หาไฟลท์อื่นบินไม่ได้ คำแนะนำคือเราอาจยอมจ่ายเงิน หาโรงแรมนอนดีๆ ไปเลยเพื่อเดินทางใหม่ในวันรุ่งขึ้น
ชีวิตที่มีห้องนอนเป็นหลักเป็นแหล่ง มีห้องน้ำให้อาบน้ำ มีที่เก็บกระเป๋าแบบไม่ต้องกลัวหาย ดีกว่าการนอนบนม้านั่งในสนามบินมาก
ในกรณีที่ไปต่างถิ่นต่างแดน แล้วไม่รู้ว่าจะนอนโรงแรมใกล้สนามบินตรงไหนดี แอพอย่าง HotelTonight ช่วยได้ หรือถ้าบินอยู่ในละแวกเอเชีย เว็บจองโรงแรมยอดนิยมตลอดกาลของคนไทย Agoda ก็เป็นทางออกให้เราได้เสมอ
![sleep-in-airport](http://2baht.com/wp-content/uploads/2015/09/sleep-in-airport.jpg)
6) ถ้าไฟลท์เลื่อน ลองโทรเข้าคอลล์เซ็นเตอร์ของสายการบิน
ในกรณีที่ไฟลท์เลื่อนหรือถูกยกเลิก เราจะมีเพื่อนร่วมชะตากรรมเป็นผู้โดยสารหลายร้อยชีวิต ที่ต้องหาไฟลท์ใหม่เพื่อเดินทางต่อไป สิ่งที่ทุกคนจะทำคือเดินไปที่เคาเตอร์ของสายการบินเพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่มีจำนวนจำกัด (โดยมากก็แค่ 1-2 คน) ถ้าเราอยู่ท้ายแถว กว่าจะถึงคิวเราคงนานมาก และเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
เทคนิคหนึ่งที่ทำได้คือระหว่างรอคิว ให้เราโทรศัพท์เข้า Call Center ของสายการบินไปด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ย่อมมีจำนวนเยอะกว่า ใช้เวลารอน้อยกว่า และเจ้าหน้าที่จะถูกเทรนให้รับมือกับปัญหาของผู้โดยสารลักษณะนี้อยู่แล้ว
7) ใช้แอพช่วยจองสายการบินอื่นแทน
ในโลกยุคสมาร์ทโฟน มีแอพที่ช่วยจองเที่ยวบินแบบกระทันหันมากมาย ตัวอย่างแอพเหล่านี้คือ TripIt ที่ช่วยวางแผนการเดินทางให้เรา และถ้าเที่ยวบินมีปัญหา แอพจะแจ้งข้อมูลไฟลท์อื่นเป็นทางเลือกได้ด้ว
หรือถ้าอุปกรณ์มีจำกัด อยู่ต่างประเทศ ลงแอพลำบาก การใช้งานเว็บไซต์ Google Flights ช่วยหาเที่ยวบินรอบโลก ก็เป็นทางออกให้เราได้เช่นกัน
![หน้าตาแอพ TripIt ช่วยแจ้งได้ว่าไฟลท์ยกเลิก](http://2baht.com/wp-content/uploads/2015/09/tripit.jpg)
8) ทำใจยอมรับมัน
เทคนิคข้อสุดท้ายเป็นเรื่องของตัวเราเองล้วนๆ เหมือนดั่งเพลง “อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน” เพราะปัญหาเครื่องบินดีเลย์เป็นเรื่องธรรมชาติ ใครๆ ก็เจอปัญหานี้ ต่อให้เรามีเทคนิคหรือตัวช่วยแค่ไหน มันก็ย่อมทำชีวิตและแผนการเดินทางของเราให้ปั่นป่วนอยู่ดี ดังนั้นสุดท้ายแล้วไม่มีอะไรดีไปกว่าการ “ทำใจ” และตั้งสติเพื่อแก้ไขปัญหา
ถ้าพยายามทุกอย่างแล้วยังไม่ประสบผล ก็พึงระลึกไว้ว่าเรายังมีเพื่อนร่วมไฟลท์ที่ประสบชะตากรรมแบบเดียวกันอีกมาก
ข้อมูลจาก Forbes
บทความที่น่าสนใจ
- สายการบินทำกระเป๋าเดินทางหาย ทำอย่างไรดี?
- รวม 10 เทคนิคขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศอย่างมีความสุข
- รวมเทคนิคค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยวบน Google แบบมือโปร
อ่านบทความเทคนิคการเดินทางอื่นๆ เพิ่มเติม หรือ ติดตามเราได้จาก Facebook “2baht.com” อีกหนึ่งช่องทางครับ