เวลาเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ในแต่ละครั้ง โดยเฉพาะประเทศที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ทีมงาน 2Baht.com มักค้นพบเว็บจองโรงแรม (Online Travel Agency หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า OTA) เจ้าดังของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งทำราคาหรือโปรโมชั่นไว้ค่อนข้างดี เพราะต้องทำตลาดแข่งกับผู้เล่นระดับโลกอย่างเครือ Priceline (เจ้าของ Booking.com และ Agoda) หรือ Expedia (เจ้าของ Hotels.com, Venere.com) ดังนั้นราคาต้องดึงดูดก่อนถึงจะสู้ไหว
การเดินทางรอบล่าสุดของเราไปที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียกันค่ะ พอลองหาโรงแรมจากเว็บ OTA ที่คุ้นเคยหลายๆ เจ้า กลับยังไม่เจอตัวเลือกที่ราคาถูกใจ จนกระทั่งมารู้จักกับเว็บจองโรงแรมสัญชาติเยอรมันรายใหญ่ชื่อ HRS เราก็พบว่าเจ้าถิ่นแถบเยอรมัน-ออสเตรียคือใครนั่นเอง
รู้จักกับ HRS เว็บจองโรงแรมสัญชาติเยอรมัน
HRS ย่อมาจาก “Hotel Reservation Service” ก่อตั้งโดยนาย Robert Ragge ตั้งแต่ปี 1972 ที่เมือง Cologne (โคโลญจ์) ประเทศเยอรมนี และเริ่มมาจับตลาดเว็บจองโรงแรมในปี 1996
ปัจจุบัน HRS มีสาขาครอบคลุมมหานครใหญ่ๆ ทั้งฝั่งยุโรปและเอเชีย อาทิ ลอนดอน ปารีส วอร์ซอ กรุงโรม รัสเซีย เซี่ยงไฮ้ โตเกียว สิงคโปร์ รวมแล้วมีฐานข้อมูลโรงแรมทั้งหมด 290,000 แห่ง กว่า 190 ประเทศทั่วโลก
ธุรกิจของ HRS ไม่ได้มีแต่เพียงเว็บ HRS เท่านั้น ในปี 2008 ทายาทรุ่นที่สองของ HRS (นาย Tobias Ragge) ก็ไม่รอช้าเจรจาเข้าซื้อกิจการ Tiscover พ่วงเว็บจองโรงแรม hotel.de และขยายกิจการอย่างรวดเร็ว นับถึงปี 2014 ธุรกิจจองโรงแรมในกลุ่ม HRS ครองส่วนแบ่งการตลาดในเยอรมันได้แล้วถึง 44.1% หรืออธิบายง่ายๆ คือเกือบครึ่งตลาดเลยล่ะ
ดังนั้น ใครที่วางแผนเที่ยวในเยอรมันหรือประเทศในทวีปยุโรป ลองมองหาโรงแรมจาก HRS เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
HRS กับส่วนลดที่มากกว่าใคร ลด 30% สำหรับนักธุรกิจ
ธุรกิจโรงแรมทั่วไปมักมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักธุรกิจที่อาจต้องค้างแรมในเมืองต่างๆ ปีละหลายครั้ง มากกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวขาจร ที่อาจเข้าพักเพียงไม่กี่วัน
เมื่อเห็นช่องทางของ “การซื้อซ้ำ” ที่สร้างรายได้ให้ต่อเนื่องกว่า HRS จึงเน้นจับตลาดลูกค้านักธุรกิจ โดยออกโปรโมชั่นพิเศษที่เรียกว่า “Business Tariff” สำหรับโรงแรมที่ร่วมรายการ เพื่อมอบส่วนลดให้กับลูกค้าขาประจำมากถึง 30%
หลายคนอาจสงสัยว่าแล้ว Business Traveller ในที่นี้มีคุณสมบัติอย่างไร? HRS ก็ได้นิยามความหมายของ Business Traveller เอาไว้ชัดเจนว่าเป็น “freelance and self-employed professionals as well as company employees” หรือ สำหรับกลุ่มนักเดินทางเพื่อธุรกิจ ที่เป็นฟรีแลนซ์หรือพนักงานบริษัท
หากท่านใดเข้าข่าย Business Traveller ก็ลองหาโปรโมชั่นดีๆ จาก HRS โดยการเข้าไปกรอกใบสมัครที่ หน้าลงทะเบียน กันดูนะคะ
หลังจากกรอกใบสมัครเสร็จแล้ว ต้องรอ HRS ส่ง e-mail มาอีกครั้ง (ไม่เกิน 3 วันทำการ) เพื่อให้เรา verified อีกครั้ง ตรงนี้ระวังหน่อย เพราะบางทีเมลอาจไม่เข้ามายัง inbox ตรงๆ ควรเช็คจากกล่อง e-mail อื่นๆ กันด้วย (ของเราย้ายไปอยู่กล่อง Promotion ค่ะ) แถมการที่ต้องใช้เวลารอตรวจสอบบัญชีนานพอสมควร ก็ต้องวางแผนจองโรงแรมล่วงหน้านานๆ หน่อย ไม่ใช่ว่ารีบๆ จองก่อนเดินทางไม่กี่วัน อันนี้คงไม่ทันแน่ๆ
หากสมัคร Business Traveller ผ่าน เราจะสามารถจองโรงแรมได้ในราคาพิเศษ โดยหน้าจอการ Booking ก็คล้ายกับระบบเว็บจองโรงแรมทั่วไปในท้องตลาด โรงแรมไหนที่มีส่วนลดสำหรับ Business Traveller เค้าจะแสดงราคาพิเศษที่เรียกว่า Business Tariff มาให้ ครอบคลุมตั้งแต่โรงแรมธรรมดาๆ ไปจนถึงระดับห้าดาวแบบรูปด้านล่าง
บทสรุปการใช้งาน
ทีมงาน 2Baht.com ลองจองที่พักในกรุงเวียนนาผ่านเว็บ HRS ด้วยบัญชีแบบ Business ผลคือเข้าพักได้เรียบร้อย ไม่มีปัญหาใดๆ เท่าที่เปรียบเทียบกับเว็บจองโรงแรมอื่นๆ แถมได้ส่วนลดเยอะพิเศษจริงตามโฆษณา
เราขอสรุปประสบการณ์ใช้งาน HRS ดังนี้
การใช้งานคล้ายกับเว็บอื่นๆ แต่มีจุดเด่นที่ฐานโรงแรม Business Tariff
- ฟีเจอร์การจองโรงแรม ไม่ต่างอะไรกับเว็บจองโรงแรมชื่อดังที่คุ้นเคยในตลาด
- ฐานข้อมูลโรงแรมมีให้เลือกเยอะพอๆ กัน ส่วนข้อดีที่เห็นเด่นชัด คือด้านราคาสำหรับ Business Tariff ที่มอบส่วนลดมากถึง 30% แถมยังใช้ลดกันได้ตลอดปีอีกด้วย
- สัดส่วนของโรงแรมที่เข้าร่วม Business Tariff มีเยอะพอสมควร เราลองสุ่มเช็คในเมืองโคโลญน์ สาขาแม่ของ HRS ก็พบว่ามีสัดส่วนโรงแรมที่เข้าร่วมรายการนี้ราว 30% ส่วนกรุงเวียนนามีสัดส่วนประมาณ 40% ของโรงแรมทั้งหมด ก็น่าจะครอบคลุมทำเลสำคัญๆ พอสมควร
- โรงแรมที่เข้าร่วม Business Tariff ไม่ใช่มีแต่เชนโรงแรมท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มทุนระดับโลกอย่าง Kempenski, Radisson Blu, Best Western ก็ยังมีนะ
ระบบการชำระเงินที่ต่างออกไป จ่ายในวันเข้าพักกับโรงแรมโดยตรง แถมจ่ายเงินสดได้ด้วย!
- ในหน้าจองของ HRS จะให้เรากรอกรหัสบัตรเครดิตก็จริง แต่ไม่ได้หักยอดตอนกดจอง (เหมือนมัดจำไปเท่านั้น แต่ถ้าไม่เข้าพักก็ถูกริบเงินได้) การจ่ายเงินจะเกิดขึ้นจริงกับทางโรงแรมในวัน check-out และหลังจากจ่ายเงินแล้ว โรงแรมจะออกใบเสร็จรับเงินให้เราโดยตรง ซึ่งจุดนี้เราว่าดีกว่า OTA เจ้าอื่นๆ มาก (แต่ไม่แน่ใจว่าที่ไทยทำแบบนี้ได้ด้วยหรือเปล่านะ)
- วิธีการจ่ายเงินขึ้นกับโรงแรมแต่ละแห่ง ว่าจะรับเงินสดหรือบัตรเครดิต เคสของเราพอดีว่ามีเงินสดเหลือในวันกลับ จึงขอจ่ายเป็นเงินสด จะได้ไม่ต้องดองเงินยูโรที่แลกมา
โรงแรมในกรุงเวียนนาที่เราประเดิมจองผ่าน HRS นี้ ชื่อว่า Starlight Suiten Hotel Wien Salzgries เป็นโรงแรมทำเลค่อนข้างดี ย่าน City Center ไม่ไกลจาก Airport Bus (VAL2) เป็นห้อง Standard Suite ในราคาคืนละ 65 Euro (ลด 25.2% แล้ว) ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยแหละค่ะ
ภายในห้อง Standard Suite ของโรงแรมที่เราไปนั้น แบ่งห้องนอนและห้องรับแขกออกจากกัน นอกจากนี้ยังเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ที่มีตู้เย็นพร้อมไมโครเวฟ ขนาด 45 ตารางเมตร แถมยังมี Welcome Gift เป็นผลไม้ ขนม และน้ำดื่มให้อีก 1 ลิตรด้วย ประทับใจทั้งบริการ ทำเล และราคาที่สมเหตุสมผล
ไอเดียเที่ยวยุโรปราคาประหยัด
เนื่องจากสายการบินโลวคอสต์ Eurowings ในกลุ่ม Lufthansa เปิดเส้นทางบินตรง กรุงเทพ/ภูเก็ต – โคโลญน์ (เยอรมัน) กันแล้ว ราคาเปิดตัวสตรองมากๆ เริ่มต้นไม่ถึงเที่ยวละ 9 พันบาท (อ่านบทความ)
หากจับคู่ Eurowings + HRS ซึ่งมาจากเยอรมันทั้งคู่ ก็ดูเป็นอะไรที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยสำหรับชาวแบคแพคที่เตรียมวางแผนไปเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง และหากนึกไอเดียไม่ออก ลองใช้ Route Perfect เว็บวางแผนการท่องเที่ยวยุโรปกันได้อีกทางหนึ่งค่ะ
ที่มาบางส่วนจาก wikipedia