เวลาพูดนึกถึงอาหารเช้าของคนฮ่องกง นอกจากอาหารลูกผสมอย่างซุปมักกะโรนีแล้ว อาหารยอดนิยมอย่างติ่มซำกับน้ำชายามเช้าก็มีหลายร้านเปิดให้บริการ แต่หนึ่งในร้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือ Lin Heung Tea House ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการบริการที่แย่ แต่อาหารอร่อยมาก
2baht จะขออนุญาตนำพาท่านผู้อ่านไปรู้จักและชิมติ่มซำเจ้าดังกล่าวครับ
ประวัติความเป็นมาของ Lin Heung
Lin Heung หรือชื่อเต็มๆ คือ Lin Heung Tea House ก่อตั้งเมื่อปี 1889 (เกินร้อยปีแล้ว) ชื่อร้านแปลว่า “กลิ่นหอมดอกบัว” สาขาดั้งเดิมอยู่ที่กวางโจว ซึ่งตามภูมิศาสตร์ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลกับฮ่องกงนัก จากนั้นจึงขยับขยายมาเปิดที่ฮ่องกงในปี 1926 เดิมมี 2 สาขา ได้แก่ Mong Kok ฝั่งเกาลูน (Kowloon) และสาขา Central บนฝั่งเกาะฮ่องกง ก่อนที่จะย้ายมารวมกันเป็นสาขาเดียว ณ ตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันในย่าน Central เมื่อปี 1980
Lin Heung เป็นร้านยอดนิยมสำหรับคนฮ่องกงและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะติ่มซำและน้ำชาในช่วงเช้า ว่ากันว่าหากมาหลัง 8 โมงเช้า โอกาสได้ที่นั่งยากมาก จากประสบการณ์ส่วนตัวยืนยันได้ว่าเป็นเช่นนั้น แถมการบริการของร้านก็เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายอยู่ทีเดียว
เอกลักษณ์ของ Lin Heung นอกจากการรักษารสชาติของอาหารแบบดั้งเดิมเอาไว้ ยังใช้วิธีเสิร์ฟรูปแบบดั้งเดิม คือเอาติ่มซำใส่รถเข็นเดินไปทั่วร้านแล้วให้ลูกค้าเลือกเอง แต่ที่รับรู้กันโดยไปทั่วคือการบริการที่เข้าขั้นแย่ (ไม่ถึงขั้นหยาบคาย แต่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “sour” ตัวอย่างเช่นหากไปแย่งกัน พนักงานจะตีมือคนแย่ง เป็นต้น)
อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่าเรื่องบริการเป็น “สีสัน” ของการทานติ่มซำร้านนี้ และมีความสุขไปกับอาหารอร่อยแทน สื่ออย่าง CNN และ Time ต่างยกให้ Lin Heung เป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งควรไปหากมาเยือนฮ่องกงครับ
รายละเอียดการเดินทาง
- เปิดบริการทุกวัน: 6.00 น. – 15.30 น. (ชาและติ่มซำ), 18.00 น. – 23.00 น. (มื้อค่ำ ไม่มีติ่มซำบริการ)
- หมายเลขโทรศัพท์: 2544-4556
- สถานีรถไฟฟ้า MTR ที่ใกล้ที่สุด: MTR Sheung Wan ทางออก A2 หรือ Hillier Street เลี้ยวซ้ายตรงถนน Bonham Strand แล้วเดินตรงไปยัง Wellington Street แป๊ปเดียวก็จะถึง ร้านอยู่ทางด้านขวามือ (เลขที่ 166 Wellington Street) ดูรายละเอียดตามแผนที่ด้านล่างได้เลยครับ
หากเดินเลยจากร้าน Lin Heung ไปอีกนิด ยังมีร้านบะหมี่เกี๊ยวเลื่องชื่อ Mak’s Noodle อายุก็พอๆ กัน เปิดมาเกือบร้อยปี ถ้าอยากลองชิมทั้ง 2 ร้านคงต้องเจียดเวลากันสักนิด แบ่งพื้นที่กระเพาะกันสักหน่อย
อาหารของ Lin Heung
สิ่งแรกที่ควรรู้คือไปให้ถึงแต่เช้า ยิ่งเช้าเท่าไหร่ยิ่งดี (รีวิวนี้ไปถึงตอน 6.15 น.) ส่วนพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมาก เมื่อเดินเข้ามาในร้าน ให้ระบุจำนวนคน จากนั้นพนักงานจะชี้โต๊ะให้เรานั่ง ก่อนที่จะส่งจานชามและแก้วน้ำชา รวมถึงที่ล้างแก้วน้ำชาที่เป็นน้ำร้อนจัด ให้เราเอาแก้วชาไปลวกในนั้น เมื่อพนักงานถามว่าเอาชาอะไร หากเราไม่เข้าใจ พนักงานจะเอาป้ายมาให้เราดูครับ
หากพนักงานให้เรานั่งรวมกับโต๊ะที่มีคนอื่นๆ อยู่แล้ว ไม่ต้องแปลกใจนะครับ วัฒนธรรมปกติของที่นี่เลย
ของสำคัญอีกอย่างที่จะต้องไม่ลืม คือใบบันทึกจำนวนติ่มซำที่เราทานนั่นเอง แนะนำให้สอดใต้กระจกโต๊ะ ใบนี้สำคัญมากครับ เวลาที่พนักงานมาเสิร์ฟติ่มซำเค้าจะประทับตราเพิ่มจำนวนเข้าไปเพื่อคิดเงินในตอนท้าย ดังนั้นอย่าลืมเป็นอันขาด
ร้านนี้จะไม่มีพนักงานมาให้เราสั่งครับ เราต้องตามหารถเข็นแบบนี้ให้เจอ (ซึ่งจะวิ่งไปทั่วร้าน) ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย หลายๆ โต๊ะจะวิ่งกรูเข้าไปหาพนักงานแล้วให้พนักงานหยิบให้ ก่อนจะแบกมานั่งที่โต๊ะเอง ซึ่งถือเป็นความสนุกแบบหนึ่งเลยทีเดียว
เนื่องจากงวดนี้ผมไปทานคนเดียว เลยสั่งมาเพียงสี่อย่างครับ ประกอบไปด้วย ขนมจีบ ลูกชิ้นเนื้อวัว เกี๊ยวกุ้งทอด และกระเพาะปลานึ่งครับ เริ่มต้นที่ ขนมจีบ ก่อน โดยยังสามารถคงรสชาติแบบดั้งเดิมเอาไว้ได้ครบถ้วน วัตถุดิบที่นำมาทำก็ถือว่าสดใหม่ รสไม่เค็มมาก เข่งนี้ให้ผ่านแบบไม่ต้องสงสัยใดๆ
เข่งต่อไปคือ ลูกชิ้นเนื้อวัว จานนี้มีฟองเต้าหู้รองด้านล่างด้วย และเวลาเสิร์ฟพนักงานจะราดซอสพิเศษมาให้ รสของซอสที่กลมกล่อมไปด้วยกันได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่เค็มมากจนเกินไป เนื้อสัมผัสเรียกว่าสู้ฟันในระดับหนึ่ง อร่อยเต็มปากเต็มคำอย่างดีมาก
เกี๊ยวกุ้งทอด จานนี้ค่อนข้างผิดหวัง เพราะแป้งที่ห่อนั้นเยอะและหนา แม้จะให้กุ้งมาทั้งตัวก็ตาม หากจะสั่งมาทานเล่นขำๆ ก็พอไหว แต่คิดว่าจะตัดกำลังจนเกินไปครับ
เข่งสุดท้ายเป็น กระเพาะปลานึ่ง ซึ่งถือว่าแปลกพอสมควร แม้จะดูหน้าตาจืดๆ แต่อร่อยกว่าที่คาดคิดไว้เยอะมาก คล้ายกระเพราะปลาน้ำแดงแบบแห้ง รสชาติเค็มแบบกลมกล่อมพอดีอย่างมากครับ ไม่แฉะน้ำครับ
บทสรุปการรีวิว
Lin Heung ถือเป็นหนึ่งในร้านติ่มซำตอนเช้าของฮ่องกง ที่ควรมาลองเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าของอร่อยในร้านนี้ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนราคานั้นก็ถือว่าอยู่ในระดับยอมรับได้ (4 จาน ประมาณ 100 ดอลลาร์ฮ่องกง)
สิ่งที่ต้องย้ำอีกรอบคือควรมาตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดกับการบริการครับ แต่ถ้าชอบความท้าทายและการได้แย่งอาหารกับคนอื่นๆ การมาสายอีกสักนิดอาจจะได้ประสบการณ์ที่ถูกใจครับ
ปิดท้ายด้วยคลิปบรรยากาศในร้าน Lin Heung จากเว็บไซต์ร้าน Lin Heung พลุกพล่าน แต่อบอุ่น และที่สำคัญอร่อยครับ