รีวิว มาเมซอง (Ma Maison) ร้านอาหารไทยกลางสวน บ้านปาร์คนายเลิศ

ช่วงนี้ โรงแรมปาร์คนายเลิศ หรือ Swissotel Nai Lert Park กำลังเป็นที่สนใจ เพราะเพิ่งมีข่าวว่า เจ้าของเดิมตัดสินใจยุติกิจการโรงแรมในสิ้นปี 2559 เพื่อขายที่ดินให้กับ บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ส่งผลให้ลูกค้าของโรงแรมที่ผูกพันกันมานาน อาจใจหายกันไปบ้าง

อย่างไรก็ตาม การขายที่ดินครั้งนี้มีผลเฉพาะส่วนของโรงแรม Nai Lert Park และตัวตึกสำนักงาน Promenade ที่อยู่ด้านหน้าเท่านั้น แต่ที่ดินที่อยู่ข้างกันซึ่งเป็นบ้านหลังเก่าของ “นายเลิศ” และร้านอาหารกลางสวน “มาเมซอง” ยังเป็นของเจ้าของเดิม และให้บริการตามปกติ

ในโอกาสที่ 2Baht.com เพิ่งไปลองชิมอาหารที่ร้าน “มาเมซอง” มาไม่นานนี้ จึงขอรีวิวบรรยากาศและรสชาติอาหารให้กับผู้อ่านที่สนใจและอยากไปลองชิมกันบ้าง

ร้าน Ma Maison อยู่ตรงไหน?

ที่ดินบริเวณติดถนนวิทยุและซอยสมคิด นับตั้งแต่ถนนสุขุมวิทไปจนถึงคลองแสนแสบ ถือเป็นที่ดินเดิมของ นายเลิศ (พระยาภักดีนรเศรษฐ) เดิมทั้งหมด ซึ่งภายหลังนายเลิศ ได้ตัดขายที่ดินส่วนที่ติดถนนสุขุมวิทไปให้กับสถานทูตอังกฤษ โดยยังคงที่ดินส่วนที่ติดคลองเอาไว้

เมื่อไม่นานมานี้ ที่ดินส่วนของสถานทูตอังกฤษ ก็ตัดส่วนที่ติดถนนขายให้กับกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อพัฒนาเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเอมบาสซี (Central Embassy) ในปัจจุบัน

ส่วนที่ดินของตระกูลนายเลิศเดิม ส่วนหลังที่ติดคลองถูกสร้างเป็นโรงแรมปาร์คนายเลิศ และส่วนที่ติดกับสถานทูตอังกฤษ ยังเป็นบ้านไม้เก่าของนายเลิศ (เรียก “บ้านปาร์คนายเลิศ” เพราะเดิมทีเป็นบ้านตากอากาศ) และทางตระกูลก็ใช้พื้นที่สวนต้นไม้ข้างบ้านปาร์ค พัฒนาเป็นร้านอาหารชื่อมาเมซอง (Ma Maison) ด้วย

ส่วนที่ขายให้กับกลุ่ม BDMS คือส่วนของโรงแรมที่ติดคลองเท่านั้น ส่วนของบ้านปาร์คและร้านอาหารมาเมซอง (กรอบสีเหลืองในภาพ) ยังเป็นของตระกูลนายเลิศอยู่ และเป็นที่ดินผืนสุดท้ายที่ยังเป็นของเก่าแก่ของตระกูล

แผนผังที่ดินตระกูลนายเลิศ เพลินจิต และร้าน Ma Maison

ประวัติความเป็นมาของชื่อ Ma Maison

หลายคนอาจสงสัยว่า ตระกูลของนายเลิศเองก็เป็นคนไทย ชื่อโรงแรมก็ตั้งชื่อเป็นภาษาไทย ทำไมถึงตั้งชื่อร้านอาหารเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วย?

ชื่อนี้มีที่มา เพราะคุณพินิจ สมบัติศิริ สามีของท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ ลูกสาวของนายเลิศ (พูดง่ายๆ คือคุณพินิจเป็นลูกเขยนายเลิศ) เป็นผู้กว้างขวางในแวดวงการทูตของไทยในอดีต และในปี 2526 ก็เคยเปิดร้านอาหารชื่อ “มาเมซอง” (Ma Maison แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า My House หรือ “บ้านของฉัน”) มาก่อน

เมื่อทางลูกหลานของคุณพินิจ ตัดสินใจพัฒนาสวนในบ้านปาร์คนายเลิศมาเป็นร้านอาหาร ชื่อนี้จึงถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง

บรรยากาศภายในร้าน Ma Maison

จุดเด่นของร้าน “มาเมซอง” คือบรรยากาศการรับประทานอาหารกลางสวนจริงๆ เพราะสร้างอาคารตัวร้านขึ้นมาท่ามกลางสวนหมู่ไม้หนาทึบของปาร์คนายเลิศเลย (คงเป็นสวนต้นไม้สวนสุดท้ายในย่านเพลินจิต ที่ยังหลงเหลืออยู่ บรรยากาศแบบนี้ในทำเลนี้คงมีแค่ที่เดียว) ถ้ามารอบเย็นๆ ในวันที่อากาศดีหน่อย ไฟจะสวยมาก

บรรยากาศร้าน ma maison

ตัวร้านออกแบบเป็นเรือนกระจก ให้เห็นบรรยากาศของสวนระหว่างทานอาหารอย่างเต็มที่ จะเลือกนั่งภายในร้านรับแอร์เย็นๆ หรือถ้าอากาศดี จะมานั่งรับลมที่บริเวณด้านนอกก็ได้เช่นกัน (ร้านมีที่นั่งไม่เยอะนัก ใครอยากมาควรโทรจองก่อนสักหน่อย)

ma-maison

การตกแต่งภายในร้านเป็นบรรยากาศดูสบายๆ เหมือนเป็นบ้าน มีของแต่งบ้านของเจ้าบ้านมากมาย

บรรยากาศภายในร้าน มาเมซอง

ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัว ก็สามารถจองเป็นห้องกระจกแยกต่างหากได้เช่นกัน

บรรยากาศภายในร้าน มาเมซอง

เมนูอาหารร้านมาเมซอง

ถึงแม้ชื่อร้านอาหารจะดูฝรั่งมากๆ แต่ร้านมาเมซองขาย “อาหารไทย” นะครับ และเนื่องจากเป็นร้านของตระกูลที่มีประวัติเก่าแก่ ก็มีเมนูอาหารเก่าแก่ของตระกูลมาขายด้วยหลายอย่าง เพราะคุณหญิงสิน เศรษฐบุตร ภรรยาของนายเลิศ ก็มีชื่อเสียงเรื่องฝีมือทำอาหารมาแต่ช้านาน เมนูกับข้าวที่คุณหญิงสินเคยทำจนโด่งดัง ก็เลยนำมาขายในร้านมาเมซองด้วย

เมนูแนะนำของทางร้านคือ ห่อหมกข้าวห่อหมกปลา (160 บาท) ที่คิดสูตรโดยคุณหญิงสินเอง ไหนๆ มาถึงนี่แล้วก็เลยลองสั่งมาชิมสักหน่อย

เมนูห่อหมกข้าวห่อหมกปลา เกิดจากการทำห่อหมกตามปกติ แล้วมีน้ำเครื่องแกงเหลือ คุณหญิงสินจึงนำน้ำเครื่องแกงนี้ไปคลุกข้าวสวยแล้วนึ่งแบบเดียวห่อหมกทั่วไป เลยกลายเป็นที่มาของชื่อ “ห่อหมกข้าว (คู่กับ) ห่อหมกปลา”

อาหารที่มาเสิร์ฟจะมีห่อหมกมาสองกระทง เป็นห่อหมกปลารสชาติจัดจ้าน ถึงรสเครื่องแกง เสิร์ฟมาคู่กับห่อหมกข้าวที่รสชาติอ่อนนุ่มกว่า กินแล้วก็เข้ากันดี (ลองแล้วพบว่า ต้องกินคู่กันเท่านั้นจึงจะอร่อย เพราะห่อหมกปลารสจัด ห่อหมกข้าวรสอ่อน ถ้ากินแยกจะขาดๆ เกินๆ)

ห่อหมกข้าวห่อหมกปลา

ห่อหมกข้าวห่อหมกปลา

เมนูต่อมาคือ “หมี่น้ำปาร์คนายเลิศ” (280 บาท) เป็นเมนูเฉพาะอีกอย่างของที่นี่ โดยนำหมี่กรอบไปใส่น้ำซุปสูตรต้มยำ ที่มาของเมนูนี้เกิดจากมีวัตถุดิบเหลือ ไม่อยากทิ้ง เลยนำมาประยุกต์จนกลายเป็นเมนูใหม่

เมนูนี้เราลองแล้วรู้สึกว่ารสชาติค่อนข้างอ่อนไปสักนิด (ออกเปรี้ยวๆ หวานๆ นิดๆ) ถ้ากินแยกเป็นอาหารจานเดียวก็น่าจะโอเค แต่พอกินเป็นกับข้าวแล้วมีอาหารจานอื่นๆ มาเทียบรสกัน เลยดูด้อยไปสักหน่อย

หมี่น้ำปาร์คนายเลิศ

ในเมนูยังมี “ข้าวผัด” ชื่อแปลกๆ อีก 2 เมนูคือ ข้าวผัดกากหมูคั่วพริกเกลือ (200 บาท) และข้าวผัดเรือเมล์ (200 บาท) เนื่องจากเลือกได้เมนูเดียว เลยลองสั่ง ข้าวผัดกากหมู มาทดลองดู

พออาหารมาเสิร์ฟ พบว่าเป็นข้าวผัดเปล่าๆ ใส่กากหมูตามชื่อ (และกุ้งสับอีกเล็กน้อย) เสิร์ฟมากับไข่ต้ม 2 ซีก และยำน้ำปลามะม่วงอีก 1 ถ้วย พนักงานแนะนำให้กินคู่กันจึงจะได้รสชาติที่ดี

เราพบว่าตัวข้าวผัด ค่อนข้างแห้งไม่อมน้ำมัน (ถือว่าดี) รสชาติเผ็ดร้อนของพริก และมีความมันจากกากหมูเข้ามาเสริม ถือว่าปรุงรสมาได้อร่อย แต่กินไปสองสามคำจะเริ่มเลี่ยนแล้ว ดังนั้นพระเอกจะเป็นตัวน้ำยำมะม่วงที่มีรสเค็ม เปรี้ยว เผ็ด มาตัดกับความมันของข้าวผัดได้อย่างลงตัวมาก จานนี้ถือว่าอร่อยและน่าประทับใจ

ข้าวผัดกากหมู ปาร์คนายเลิศ

เมนูอื่นๆ ที่ขายในร้านได้แก่ ยำส้มโอ ยำผักกูด ไก่ห่อใบเตย ทอดมันปลากราย ปอเปี๊ยะทอดคุณย่า ปีกไก่สอดไส้ ต้มกะทิหัวปลีเนื้อเค็ม ต้มข่าไก่ ปลาร้าหลน เต้าเจี้ยวหลน น้ำพริกลงเรือ แกงเขียวหวานเนื้อ แกงเผ็ดเป็ดย่าง แกงขี้เหล็ก แกงมัสมั่น เป็นต้น

ราคาอาหารที่นี่ เริ่มต้นที่ประมาณจานละ 160 บาทสำหรับอาหารเรียกน้ำย่อย (appetizer) และ 220 บาทสำหรับอาหารกับข้าวจานหลัก ถ้าเป็นเมนูกุ้ง ราคาจะขึ้นไปประมาณ 300-400 บาท (แล้วแต่ปริมาณกุ้งด้วย) และถ้าเป็นเมนูเนื้อ ราคาอยู่ที่ 700-800 บาท ถึงแม้เมนูบางอย่างมีราคาค่อนข้างแพง แต่ถ้าเลือกให้เหมาะสม ไม่ได้กินเมนูกุ้งหรือเนื้อ เมนูทั่วไปก็ถือว่าไม่แพงนักเมื่อเทียบกับปริมาณ รสชาติ และบรรยากาศ

รายละเอียดของร้านอาหาร Ma Maison และการเดินทาง

ร้านอาหารมาเมซอง เปิดทุกวัน เวลาเปิดแบ่งเป็น 2 ช่วงคือมื้อเที่ยงและมื้อเย็น

  • เที่ยง 11.00-14.30 น.
  • เย็น 18.00-22.00 น.

ข้อมูลติดต่อของร้าน

  • เบอร์โทรศัพท์ 02-655-4773 (แนะนำว่าควรโทรจองก่อนไป)
  • เว็บไซต์ Nai Lert Park Heritage Home
  • Facebook
  • ที่จอดรถ มีบริการที่หน้าร้านเลย โดยเข้ามาทางฝั่งซอยสมคิด หรือจะจอดที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ แล้วเดินมาก็ได้เช่นกัน
  • การเดินทางด้วยรถสาธาณะ: อยู่ในระยะที่พอเดินได้จาก BTS ชิดลม (ทะลุ Central ชิดลม) หรือ BTS เพลินจิต (ทะลุ Central Embassy) โดยเข้ามาทางซอยสมคิด ที่อยู่ระหว่าง Central ทั้งสองสาขาจะง่ายที่สุด

แผนที่ Google Maps