วิธีการสั่งซื้อของออนไลน์ แล้วให้ส่งไปที่โรงแรมในสหรัฐอเมริกา

สั่งของออนไลน์ สหรัฐอเมริกา

สำหรับคนไทยที่เดินทางไปสหรัฐอเมริกา อาจอยากสั่งซื้อของออนไลน์จาก Amazon หรือ eBay โดยเฉพาะสินค้าที่หาซื้อในไทยยากหรือไม่ก็ราคาแพงกว่ากันเยอะ แต่การไปนอนพักที่โรงแรม ไม่มีที่อยู่บ้านให้ส่งของ อาจเป็นข้อจำกัด

แต่จริงๆ แล้ว  โรงแรมบางแห่งมีบริการรับพัสดุสำหรับแขกที่มาพักอยู่แล้ว อันนี้ต้องเช็คกับโรงแรมที่เข้าพักด้วย (บางแห่งมีบอกไว้ในเว็บไซต์ บางแห่งต้องอีเมลไปถาม) หรือโรงแรมบางแห่งในสหรัฐก็มีบริการไปรษณีย์กันอย่างจริงจัง เราสามารถสั่งซื้อสินค้าจากออนไลน์ แล้วระบุที่อยู่เป็นไปรษณีย์ของโรงแรมได้เลย (โดยมีค่าบริการรับสินค้าอยู่บ้าง)

บทความนี้จะสอนวิธีการสั่งของแล้วส่งไปที่โรงแรมอย่างละเอียดครับ

โรงแรมของคุณมี FedEx หรือไม่

ในกรณีของสหรัฐอเมริกา บริการส่งสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ FedEx ซึ่ง FedEx เองก็เข้าไปตั้งศูนย์บริการไปรษณีย์ (FedEx Office) ตามโรงแรม และศูนย์ประชุมใหญ่ๆ ทั่วประเทศ

วิธีการค้นหาตำแหน่งของสำนักงาน FedEx ตามโรงแรมเหล่านี้ สามารถดูได้จากเว็บไซต์ของ FedEx ได้เลย

โรงแรมแบรนด์ใหญ่ๆ อย่างพวก Hilton, Hyatt, InterContinental, Marriott, Sheraton, Westin พวกนี้มักมีสำนักงาน FedEx แต่ก็ควรเช็คให้ละเอียดว่าสาขาที่เราเข้าพักนั้นมีหรือไม่

สั่งซื้อของออนไลน์ จ่าหน้าซองตามที่ FedEx กำหนด

ถ้าโรงแรมของเรามี FedEx ก็สามารถสั่งของออนไลน์มายังสำนักงานของ FedEx ได้เลย โดยสำนักงาน FedEx แต่ละแห่งจะมีเอกสารอธิบายกระบวนการส่งไปรษณีย์ไปยังโรงแรมนั้นๆ ที่หัวข้อ Shipping & Receiving ในหน้าเพจของแต่ละสาขา (ตามลูกศร)

fedex shipping

เอกสารแสดงรายละเอียดการส่งของจะเป็น PDF (ตัวอย่าง) ข้อมูลสำคัญในเอกสารฉบับนี้คือกำหนดวิธีจ่าหน้าซอง ให้ส่งสินค้ามายังสำนักงาน FedEx แห่งนั้น

ตัวอย่างตามภาพ ให้เราระบุการจ่าหน้าซอง (Shipping Address ตอนสั่งของ) ตามในกรอบสีฟ้า โดยใช้รูปแบบตามนี้

Hold For Guest: ชื่อผู้รับ ตามด้วยเบอร์โทรศัพท์ (ใส่เบอร์เมืองไทยได้)
c/o FedEx Office at …ชื่อโรงแรม…
…ที่อยู่โรงแรม…

ในกรณีที่เราเป็นแขกผู้มาเข้าพักตามปกติ ไม่ต้องใส่ในส่วน Convention/Conference/Event ซึ่งเป็นข้อมูลสำหรับพวกที่ไปจัดงานในโรงแรม แล้วสั่งอุปกรณ์ให้ไปส่งที่โรงแรมเลย เพื่อความสะดวกในการขนย้าย

fedex-label

คำนวณเวลาส่งของ Amazon อย่างไรให้พอดี

อย่างแรกคือเราต้องรู้ว่าเราจะอยู่ที่โรงแรมนั้นกี่วัน เพื่อให้สั่งของส่งไปถึงโรงแรมพอดีกับช่วงที่เราไปเข้าพัก ซึ่งตรงนี้ขึ้นกับระยะเวลา shipping time ของแต่ละเว็บไซต์ และสินค้าแต่ละตัวด้วย

เทคนิคอย่างหนึ่งที่พอช่วยได้คือใน Amazon เราสามารถทดลองใส่ที่อยู่ก่อนสั่งสินค้า เพื่อดูข้อมูลได้ว่าสินค้านั้นต้องใช้เวลากี่วัน เราสามารถประเมินระยะเวลาการส่งสินค้าได้

วิธีการคือให้เราเพิ่มสินค้าลงรถเข็น (Add to Cart) ก่อน จากนั้นกด Proceed Checkout เพื่อจ่ายเงิน (แต่ยังไม่ต้องจ่ายจริงๆ) ในหน้าจอที่สอง Shipping & Payment ให้ใส่ที่อยู่ของโรงแรม ตามกรอบสีฟ้าในหัวข้อก่อนหน้านี้ ในหน้าถัดไป Amazon จะถามเราว่าต้องการส่งแบบกี่วัน (Delivery Option) และการส่งแต่ละแบบจะได้สินค้าเมื่อไรบ้าง

amazon shipping

ข้อมูลควรรู้

  • การส่งสินค้าบางประเภท อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถ้าส่งด่วนพิเศษ
  • ปกติแล้ว การส่งสินค้าทั่วไป (Standard Shipping) จะใช้เวลาส่งนานกว่า 2 วัน โดยเริ่มนับจากระยะเวลาที่ Amazon จัดส่ง (ไม่ใช่จากระยะเวลาที่เรากดปุ่มซื้อ) ดังนั้นอาจต้องเผื่อเวลาให้ Amazon จัดหาสินค้าในสต๊อกเตรียมให้เราก่อนส่งอีก 1-2 วันด้วย
  • Amazon มีบริการชื่อ Prime เป็นบริการส่งด่วนพิเศษ ที่เราต้องจ่ายค่าสมาชิกต่อปี 99 ดอลลาร์ และมีให้ทดลองใช้ฟรี (free trial) ก่อน อย่างไรก็ตาม บริการนี้จำเป็นต้องมีที่อยู่ในสหรัฐด้วย ดังนั้นไม่ได้แปลว่าคนไทยมีสิทธิใช้ฟรีเสมอไป ถือว่ามองข้ามมันไปซะดีกว่า

เมื่อเราคำนวณเวลาสั่งของแล้ว ที่เหลือก็รอลุ้นให้ไม่มีอุบัติเหตุอันใด สินค้าส่งมาถึงโรงแรมทันเวลาครับ แนะนำว่ากะเวลาให้ของส่งมาถึงโรงแรมก่อนเราเข้าพักประมาณ 2-3 วัน เพราะทาง FedEx จะเก็บพัสดุไว้รอเรา 5 วันโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ถ้านานเกิน 5 วันจะคิดราคาค่าเก็บเพิ่ม

ตรงนี้ถ้าเรากดสั่งไปแล้ว ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ติดตามพัสดุของ Amazon หรือ eBay ดูได้ว่าถึงไหนแล้ว ซึ่งถ้าพัสดุส่งไปถึงโรงแรมแล้ว ก็จะมีอีเมลมาแจ้งเราด้วยเช่นกัน

การไปรับสินค้าที่สำนักงาน FedEx ในโรงแรม

ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พัสดุส่งถึงโรงแรมตามกำหนด เราก็ไปรับสินค้าได้ตาม office hour ของ FedEx สาขานั้นๆ (ควรไปก่อนเวลาปิดทำการสักระยะหนึ่ง เพราะบางทีก็รอคิวยาว)

หน้าตาของ FedEx Office จะเป็นคล้ายๆ ดังภาพ คือเป็นศูนย์ไปรษณีย์หรือ Business Center ซึ่งมักอยู่ชั้นล่างๆ ของโรงแรม หรือไม่ก็อยู่ใกล้ศูนย์ประชุม หากโรงแรมนั้นมีโซนศูนย์ประชุมด้วย

fedex-office

เมื่อไปถึงสำนักงาน FedEx แล้วก็ต่อคิว แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามารับพัสดุ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขอ Photo ID เป็นหลักฐานยืนยัน เราก็ให้พาสปอร์ตไปได้เลย

หมายเหตุ: เราสามารถให้เจ้าหน้าที่ FedEx ส่งพัสดุขึ้นไปที่ห้องได้ด้วย ซึ่งค่าธรรมเนียมก็จะแพงขึ้นไปอีก เพื่อความประหยัดก็เดินไปเอาพัสดุเองที่สำนักงานดีกว่านะครับ ไม่ได้ยากเย็นอะไร

ค่าธรรมเนียมการรับสินค้า

การส่งพัสดุหรือไปรษณีย์มายังสำนักงาน FedEx จะมีค่ารับสินค้า (package handling and storage fee) โดยคิดแยกตามจำนวนชิ้น x น้ำหนักของพัสดุ

ราคาค่ารับของสำนักงานแต่ละแห่งอาจแตกต่างกัน แต่ที่เคยลองสั่งของมา จะใช้อัตราตามตาราง ที่ใช้บ่อยคงเป็น 2 กลุ่มนี้

  • พัสดุขนาดเบาที่สุด น้ำหนักไม่เกิน 1 ปอนด์ (0.45 กิโลกรัม) คิดค่าธรรมเนียม 7 ดอลลาร์
  • พัสดุขนาดหนัก 1-10 ปอนด์ (ไม่เกิน 4.5 กิโลกรัม) คิดค่าธรรมเนียม 10 ดอลลาร์

fedex-handling-fee

ทั้งนี้ ควรทราบว่า FedEx คิดราคาค่ารับพัสดุตามจำนวนกล่อง ถ้าจำนวนกล่องน้อย เราก็ประหยัดได้มากขึ้น

เพียงแต่การสั่งสินค้าจาก Amazon หลายๆ ชิ้นพร้อมกัน ไม่ได้แปลว่าของจะถูกส่งมาในกล่องเดียวกันเสมอไป เพราะสต๊อกสินค้าอาจอยู่คนละที่ (ผู้เขียนสั่งมา 4 อย่าง สินค้าแยกมา 3 กล่อง โดนค่าธรรมเนียมไปหลายอยู่) ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้เพราะขึ้นกับ Amazon ดังนั้นก็ควรทำใจเรื่องค่าธรรมเนียมที่อาจบานปลายด้วย

ทางเลือกอื่นของการสั่งสินค้าจาก Amazon

สำหรับคนที่ไม่มีบ้านอยู่ในสหรัฐ และไม่สะดวกสั่งของไปส่งที่โรงแรม (จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม)

Amazon มีอีกทางเลือกหนึ่งในการรับของคือ Amazon Locker เป็นตู้ล็อกเกอร์ที่ Amazon ไปตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วอเมริกา เมื่อสั่งพัสดุมา Amazon จะส่งแล้วเก็บไว้ในล็อคเกอร์ที่เรากำหนด

จากนั้นเราก็เดินทางไปยังจุดที่ล็อกเกอร์นั้นตั้งอยู่ แล้วกดโค้ดลับที่เราได้จาก Amazon เพื่อเปิดตู้ล็อกเกอร์นำสินค้าของเรามา

amazon-locker

ข้อดีของวิธีนี้คือไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แถมยังอาจรับสินค้าได้ 24 ชั่วโมงด้วยในบางจุด (หลายแห่งอาจไม่ได้เปิด 24 ชั่วโมง แต่ก็เปิดเช้า-ปิดดึก) แต่ข้อเสียคือตำแหน่งที่ตั้งของ Amazon Locker อาจไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง ถ้าไม่มีรถอาจไม่ค่อยสะดวกนัก และบางที คิดค่ารถค่าเดินทางไปล็อคเกอร์แล้ว ส่งไปโรงแรมอาจถูกและประหยัดเวลากว่า

สินค้าที่ส่งไปยังล็อคเกอร์ได้ต้องไม่ใหญ่มากเกินไป และมีน้ำหนักไม่เกิน 10 ปอนด์เท่านั้น รายละเอียดสามารถอ่านได้จาก Amazon Locker