การต่อสู้กันระหว่างสายการบินสัญชาติอเมริกัน และสายการบินจากตะวันออกกลาง ยังดำเนินต่อเนื่องอย่างดุเดือด เมื่อสายการบินตะวันออกกลางพยายามรุกเข้าไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยเส้นทางบินและโปรโมชั่นจูงใจมากมาย แต่ก็ต้องถูกกีดกันจากสายการบินอเมริกันที่เป็นเจ้าของพื้นที่อยู่เดิม เราจึงเห็นข่าวการปะทะคารมระหว่างสายการบินทั้งสองทวีปอยู่บ่อยครั้ง
ดราม่าล่าสุดเกิดเมื่อสายการบิน Qatar Airways ที่เปิดเส้นทางบินจากกรุงโดฮา ไปยังเมืองแอตแลนต้าในสหรัฐอเมริกา ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ Qatar ส่งเครื่องบินซูเปอร์จัมโบ้ Airbus A380 บินเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนจะพบว่าไปลงจอดที่แอตแลนต้าแล้วไม่มีเกตว่างให้เทียบท่า สุดท้ายต้องใช้วิธีเทียบบันไดแล้วขนส่งผู้โดยสารด้วยรถบัสแทนอย่างทุลักทุเล
เหตุผลเป็นเพราะสนามบินแอตแลนต้า (ซึ่งเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารคับคั่งที่สุดในโลก) มีเกตเทียบจอดเครื่องบินไซส์ขนาด A380 เพียงเกตเดียว และเจ้าบ้านอย่างสายการบิน Delta Air Lines (สายการบินใหญ่อันดับสองของโลก) ระบุว่าต้องใช้งานอยู่ ไม่สามารถแบ่งไปให้ Qatar ใช้ได้
โฆษกของสนามบินแอตแลนต้าระบุว่าโดยปกติ Delta มีเครื่องบินประมาณ 4-6 ลำต้องจอดเทียบเกตนี้ และทาง Qatar เองก็แจ้งข้อมูลขอใช้เกตกระชั้นชิดเกินไป ในขณะที่ Delta ระบุว่าตนเองทำเรื่องขอใช้เกตมาหลายเดือนล่วงหน้าแล้ว
ฝั่งของ Qatar ระบุว่าตนเองก็ขอใช้เกตล่วงหน้าเป็นระยะเวลาที่สมเหตุสมผลเช่นกัน แต่ปฏิเสธไม่แสดงความเห็นว่าโดน Delta กีดกันไม่ให้ใช้เกตหรือไม่
โชคดีว่า ปัญหาดราม่าแบบนี้คงเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เพราะเส้นทางบินโดฮา-แอตแลนต้า ไม่ได้ใช้เครื่อง A380 บินอยู่แล้ว (ปกติใช้ Boeing 777-200LR ที่มีขนาดเล็กกว่า จอดเทียบเกตอื่นได้ แต่ใช้ A380 เฉพาะไฟลท์ปฐมฤกษ์เท่านั้น) อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นความขัดแย้งระหว่างสายการบินในสหรัฐกับสายการบินจากตะวันออกกลางได้อย่างชัดเจน
ที่มา CNN