อาหารชุดแรก

รีวิวบุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่ Gold Leaf โรงแรมดิอิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่

ที่ผ่านมา 2baht.com พาผู้อ่านไปแวะชิมติ่มซำทั้งในและต่างประเทศมาแล้วหลายแห่ง ครั้งนี้ทีมงานมีโอกาสขึ้นมาเชียงใหม่ จึงไม่พลาดที่แวะชิมร้านดังที่เชียงใหม่อีกร้าน

คราวนี้มาเป็นบุฟเฟ่ต์จิ่มซำแบบจัดเต็ม ที่ห้องอาหาร Gold Leaf โรงแรมดิอิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่ (The Imperial Mae Ping Hotel)

แนะนำโรงแรมและห้องอาหาร

โรงแรมดิอิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่ (ภาพทางการของโรงแรม)
โรงแรมดิอิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่ (ภาพทางการของโรงแรม)

โรงแรมดิอิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่ (รู้จักกันในนาม “อิมพีเรียล แม่ปิง”) เป็นหนึ่งในโรงแรมชื่อดังและเก่าแก่ของเชียงใหม่ อยู่ในเครือโรงแรมดิอิมพีเรียล มีห้องพักจำนวน 371 ห้อง ตั้งอยู่ใกล้กับย่านแหล่งท่องเที่ยวของเชียงใหม่ เช่น เชียงใหม่ไนท์บาซาร์ ประตูท่าแพ เป็นต้น

ผู้อ่านหลายคนอาจรู้จักโรงแรมแห่งนี้ ในฐานะเป็นสถานที่ซึ่ง เติ้งลี่จวิน นักร้องชาวไต้หวันชื่อดังมาเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2538 (ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนหลายคนยังเข้ามาชมห้องที่นักร้องคนดังกล่าวเคยพักอยู่)

ส่วนห้องอาหาร Golden Leaf ถือเป็นห้องอาหารจีนคู่บุญของโรงแรม อยู่ชั้น 2 ทีมงาน 2baht.com ได้ยินกิตติศัพท์ของห้องอาหารแห่งนี้มายาวนาน (ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ปี) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ติ่มซำ’ ที่ทุกคนบอกว่าพลาดไม่ได้

เมื่อทราบว่าทางโรงแรมมีโปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์อยู่ เราจึงไม่พลาดที่จะแวะเวียนไปชิมครับ

หน้าห้องอาหาร Gold Leaf
หน้าห้องอาหาร Gold Leaf

ข้อมูลและรายละเอียดของบุฟเฟ่ต์

  • ราคาต่อท่าน 390 บาทถ้วน รวมเครื่องดื่มเป็นชาจีน (ร้อน/เย็น) หรือเก็กฮวย (ร้อน/เย็น) เติมไม่อั้น
  • มีโปรโมชั่นมา 5 จ่าย 4 (โปรโมชั่นปัจจุบัน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)
  • มีเฉพาะมื้อกลางวัน วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

รีวิวบุฟเฟ่ต์ติ่มซำและการบริการ

เมื่อเดินขึ้นถึงหน้าห้องอาหาร ทีมงานได้รับการต้อนรับจากพนักงานที่ยืนรออยู่หน้าห้องอาหาร เมื่อถึงโต๊ะ เจ้าหน้าที่ก็สอบถามถึงเครื่องดื่มทันที เรียกว่าเจ้าหน้าที่ถูกฝึกมาให้ดูแลลูกค้าอย่างดี

ตอนแรกทางห้องอาหารแจ้งว่าวันธรรมดาจะไม่มีบุฟเฟ่ต์ และเป็นเซ็ตอาหาร 30 อย่างแทน แต่เมื่อถึงที่ พนักงานห้องอาหารแจ้งว่าวันนี้จะมีพิเศษเป็นบุฟเฟ่ต์ สร้างความงุนงงให้กับทีมงานไม่ใช่น้อย (ปรับโหมดไม่ทัน)

บรรยากาศของห้องอาหาร
บรรยากาศของห้องอาหาร

ห้องอาหารที่นี่ตกแต่งได้ค่อนข้างทันสมัย แฝงความเรียบหรูเอาไว้ ไม่อึดอัด อันนี้ต้องถือว่าขอชมแม้โรงแรมจะค่อนข้างเก่าแล้วก็ตาม

บุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่นี่ จะไม่มีเมนูให้อ่าน โรงแรมจะจัดเตรียมอาหารเอาไว้ทุกอย่างในชุดแรก จากนั้นเมื่อต้องการถาดไหนเพิ่มก็ใช้วิธีสั่งจากพนักงานเอา ถือว่าแปลกเพราะปกติแล้วบุฟเฟ่ต์ติ่มซำทั่วไปที่กรุงเทพ จะได้รับเมนูมาให้เลือกสั่งเองตามใจชอบ

ใช้เวลารอไม่นานนัก ติ่มซำก็กองกันเต็มโต๊ะ นับรวมแล้วมีเกือบ 20 อย่าง

อาหารชุดแรก
อาหารชุดแรก

เริ่มต้นกันที่ของทอดก่อนเป็นกลุ่มแรก ในชุดประกอบไปด้วย ซาลาเปาไส้ครีมทอด ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่ม มาพร้อมกับเนื้อครีมไม่หวานมาก เรียกว่าอร่อยกำลังดี, ปอเปี๊ยะทอด ที่ทอดมากรอบและเค็มพอดี, ปอเปี๊ยะกุ้งทอด ที่เปลี่ยนไส้เป็นกุ้งทั้งตัว ตัวกุ้งสดและแน่น กัดแล้วกรุบๆ กรอบๆ เด้งๆ, ฟองเต้าหู้ทอด ที่มีไส้กุ้งมาด้วย อันนี้ทำได้ดี ฟองเต้าหู้ด้านนอกกรอบขณะที่เนื้อด้านในไม่แห้ง, ขนมกุยช่ายทอด ทำมาดีเช่นกัน ไส้ในมีกุยช่ายเต็มๆ และปิดท้ายด้วย ขนมปังหน้ากุ้ง ที่อร่อยมาก หอมงาและพริกไท ตัวเนื้อกุ้งทำมาอร่อยดี ติดนิดเดียวตรงที่มันไปนิดเพราะขนมปังจะดูดซับน้ำมันไว้ (ขนมปังหน้ากุ้งมีสั่งซ้ำสอง)

เรียกว่าชุดของทอดสอบผ่านทุกอย่างแบบไม่ต้องสงสัย เครื่องถึง รสผ่านหมด

รวมมิตรของทอด
รวมมิตรของทอด

จากนั้นจึงเริ่มต้นกันที่ของนึ่ง เข่งแรกเริ่มกันที่ ฮะเก๋ากุ้ง ที่มาด้วยแป้งบางมาก กินแล้วเหนียวนุ่ม สัมผัสได้ถึงกุ้งที่สดและกรอบเด้งสู้ฟันเต็มที่ เรื่องของรสชาติมีเค็มนิดๆ ไม่โดดมาก ถือว่าทำได้ดีเกินความคาดหมายสำหรับเข่งนี้

ฮะเก๋ากุ้ง
ฮะเก๋ากุ้ง

จากนั้นไปต่อกันที่ ขนมจีบปู ที่มีปูผสมกับเนื้อกุ้งในขนมจีบด้วย จานนี้สัมผัสได้ถึงปู (แม้จะไม่ใช่มาแบบเต็มๆ ชิ้น) ที่กระจายตัวทั่วเนื้อ ตัวแป้งห่อขนมจีบทำมาแบบเดียวกับฮะเก๋า คือเป็นแป้งขาวเกือบใส รสชาติเป็นเค็มนำแต่รักษาความสดของเนื้อปูได้ดี มีปิดท้ายด้วยความสดชื่นจากผักที่ใส่ไว้ด้านในเล็กน้อย กินแล้วไม่มีรสชาติตกค้างในลิ้น ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง

ขนมจีบปู
ขนมจีบปู

ต่อกันที่ ขนมจีบกุ้ง ที่มีถั่วลันเตาเม็ดโตวางไว้ด้านบน เข่งนี้ไส้เหมือนกับฮะเก๋าทุกประการ ยกเว้นสัมผัสได้ถึงพริกไทที่เพิ่มเข้ามาอยู่เบื้องหลัง ทำให้มีลูกเล่นในอีกมิติที่แตกต่างออกไปจากเดิม ถือว่าอร่อยดีครับ

ขนมจีบกุ้ง
ขนมจีบกุ้ง

เห็นทำผลงานมาดีแบบนี้ ขนมจีบหมู เป็นแข่งแรกที่ทีมงานรู้สึกว่าไม่ผ่าน เพราะเมื่อกัดลงไปแล้วมีน้ำขังอยู่จำนวนมาก รสที่ออกมากลายเป็นรสเหล้าจีน พอมีมากจนไป ทำให้ไปกลบรสหมูหายไปยืนอยู่เบื้องหลัง เป็นที่น่าเสียดาย แต่เนื้อสัมผัสยังสู้ฟันอยู่ พอเชยกันได้บ้าง

ขนมจีบหมู
ขนมจีบหมู

ก่อนที่จะขึ้นเข่งต่อไป ขอคั่นรายการด้วยจานรวมมิตรก๋วยเตี๋ยวหลอดสไตล์กวางตุ้ง อันประกอบไปด้วย ก๋วยเตี๋ยวหลอดหมูแดง, ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง และก๋วยเตี๋ยวหลอดปูอัดสับ ทั้งหมดทำไส้ออกมาได้ดี แต่มาเสียท่าตรงที่น้ำซีอิ้วที่ราดก๋วยเตี๋ยวหลอดเป็นรสแบบหวานนำโดดอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นรสก๋วยเตี๋ยวหลอดของแต้จิ๋ว และทำให้จานนี้ไม่ผ่านในความเห็นของทีมงานครับ น่าเสียดายอย่างมาก

รวมมิตรก๋วยเตี๋ยวหลอด
รวมมิตรก๋วยเตี๋ยวหลอด

ซุปในบุฟเฟ่ต์ที่ให้มาเป็นซุปกระเพาะปลาน้ำแดง แม้จะมีความกลมกล่อมของวัตถุดิบ (harmony) แต่รสชาติจืดมาก กล่าวคือมีแต่ความสดของวัตถุดิบต่างๆ แต่ไม่มีรสชาติที่ขับออกมาได้ชัดเจนเลย ซุปชามนี้ไม่ผ่านครับ

ซุปกระเพาะปลา
ซุปกระเพาะปลา

ส่วนอาหารจานหลักเป็น ก๋วยเตี๋ยวผัด จากรูปลักษณ์ภายนอก เป็นก๋วยเตี๋ยวฮ่องกงผัด จานนี้ก็ไม่ผ่านเช่นกัน เพราะตัวเส้นชุ่มน้ำและน้ำมันเยอะจนแฉะ ส่วนรสชาติเค็มเป็นหลักครับ

ก๋วยเตี๋ยวผัด
ก๋วยเตี๋ยวผัด

กลับมาที่ของนึ่งอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็น ลูกชิ้นหมูนึ่งไข่เค็ม เข่งนี้ถือว่าทำรสชาติได้ดี ตัวไข่เค็มไม่ได้เค็มโดด ล้อไปกับรสชาติและสัมผัสของหมูได้ดีครับ เข่งนี้ผ่านครับ

ลูกชิ้นหมูไข่เค็ม
ลูกชิ้นหมูไข่เค็ม

หลังจากเริ่มกินของนึ่งรสชาติคล้ายกันมานาน เข่ง กุ้งนึ่งซอสซีฟู้ด ถูกเรียกเพื่อตัดความจำเจ ตัวเนื้อรองกุ้งไม่ต่างจากเนื้อขนมจีบทั่วไป ส่วนกุ้งก็สดอร่อย ซอสซีฟู๊ดที่นึ่งก็คงความเปรี้ยวและเผ็ดเอาไว้ได้อย่างดี จานนี้แนะนำให้เป็นตัวคั่นกรณีเบื่อหรือซ้ำซากกับเข่งอื่นๆ แล้วครับ

กุ้งนึ่งซอสซีฟู๊ด
กุ้งนึ่งซอสซีฟู้ด

ปลากระพงนึ่งซีอิ๊ว เป็นเข่งถัดมาที่ทำได้ดี แม้ชื่ออาจจะเค็ม แต่จานนี้มีความกลมกล่อม ไม่ได้เค็มโดด ตัวปลาสดมากและยังมีสัมผัสที่ดี เคี้ยวแล้วยังสนุกและรักษาความสดได้ดีครับ จานนี้ผ่านมาตรฐาน

ปลากระพงนึ่ง
ปลากระพงนึ่งซีอิ๊ว

แม้ซุปกระเพาะปลาอาจทำให้เราผิดหวัง แต่ กระเพาะปลานึ่ง เข่งนี้ทำออกมาได้ดีเกินคาด หากไม่นับตัวไส้ที่เป็นฐานและให้รสเหมือนจานอื่นๆ ตัวกระเพาะปลาทำออกมาได้ดีครับ ติดที่น้ำซอสในเข่งยังอ่อนไป โดนรสชาติของตัวฐานที่เป็นกุ้งและหมูสับข่มเอาไว้ แสดงตัวได้ไม่เต็มที่ เหมือนยืนอยู่เบื้องหลังแล้วโบกมือจากระยะไกล

กระเพาะปลานึ่ง
กระเพาะปลานึ่ง

เต้าหู้ราดซอส เป็นอีกหนึ่งเข่งที่มีลักษณะคล้ายกับกระเพาะปลานึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เข่งนี้เกือบไม่ผ่านอยู่ที่ซอสซึ่งอ่อนมาก ติดไปทางจืด แทบไม่มีรสชาติใดๆ เลย น้ำหนักและความโชคดีจึงตกไปอยู่ที่ตัวฐานไส้ที่ทำมาจากกุ้งและหมูเหมือนเข่งอื่นๆ ครับ

เต้าหู้ราดซอส
เต้าหู้ราดซอส

เข่งรองสุดท้ายเป็นสาหร่ายน้ำแดง เข่งนี้ธรรมดาๆ ครับ รสชาติติดเค็มเล็กน้อย ตัวเนื้อทำออกมาได้ดีอยู่ ไม่เละ

สาหร่าย
สาหร่ายน้ำแดง

ก่อนถึงเข่งปิดท้าย พนักงานเดินมาถามเราว่าอยากได้ซาลาเปาอะไร (ไม่ได้มาเสิร์ฟแต่แรก) ซึ่งก็มีทั้งซาลาเปาหมูแดง ซาลาเปาหมูสับ แต่ทีมงานขอปิดท้ายกันที่เข่งสุดท้ายที่นับว่าเป็นของเด็ดของที่นี่คือ ซาลาเปาไส้พุทรากวน ที่ขึ้นชื่อเรื่องหากินได้ยาก และระยะเวลาทำที่ต้องอดทนและยาวนานมาก กว่าจะเคี่ยวพุทราลงเป็นไส้ที่ต้องทำกันช้าๆ และนานมาก (ในกรุงเทพหาทานได้ยากทุกที)

เรื่องของรสชาติต้องถือว่าคงความดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื้อพุทราไม่หวานจนเกินไป ความหวานกระจายทั่วลิ้น แต่ไม่เคลือบและทิ้งเอาไว้ยาวนานแบบไส้หวานอื่นๆ เวลาอยู่ในปากแล้วลองใช้ลิ้นยีไส้ก็พบว่าทำได้ละเอียด ส่วนแป้งซาลาเปาก็เนียนนุ่ม ทำออกมาได้ดี สร้างความประทับใจได้ดีมากครับ

ซาลาเปาไส้พุทรากวน
ซาลาเปาไส้พุทรากวน
ด้านในของซาลาเปาไส้พุทรากวน
ด้านในของซาลาเปาไส้พุทรากวน

หมาดจากเข่งนี้ ก็จบด้วยผลไม้รวมครับ (ไม่ได้ถ่ายมา) ตัวผลไม้ก็ทั่วไป ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ

สรุป

โดยภาพรวมต้องถือว่า ห้องอาหาร Gold Leaf ของโรงแรมดิอิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่ ทำติ่มซำออกมาได้ดีสมคำร่ำลือ อย่างไรก็ตามใช่ว่าจะดีทุกถาดหรือทุกจาน สิ่งที่ทีมงาน 2baht.com สังเกตได้จากบรรดาอาหารทุกจานหรือชนิดทั้งหมด จานที่ออกมาจากการผัดและซุปถ้าไม่มีรสจืดก็ไม่สมดุล (off-balance) ขณะที่ของนึ่งและของทอดทำออกมาได้ดีเป็นส่วนใหญ่ (มีบ้างบางอย่างที่ไม่ดี) ส่วนก๋วยเตี๋ยวหลอดพลาดที่น้ำราดอย่างน่าเสียดายครับ

แต่ทั้งหมดทั้งปวง ต้องย้อนกลับมาคิดว่า หากเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายไปในราคา 390 บาท (และถ้าไปตรงเงื่อนไขโปรโมชั่น) ความไม่คงเส้นคงวาเหล่านี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ “ให้อภัยได้” ครับ และถือว่าคุ้มค่ามากอยู่ ถ้ารักษาความสม่ำเสมอทุกจานได้ (ซึ่งเป็นเรื่องยาก) จะทำให้บุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่นี่ติดระดับต้นๆ สูสีกับที่กรุงเทพฯ ได้สบายๆ

จานที่ทีมงานขอแนะนำ คงต้องขอให้ยึดที่ขนมจีบ ฮะเก๋า และซาลาเปาไส้พุทรากวนเป็นหลักครับ เพราะทำได้ดีจริงๆ เกินราคาค่าตัวไปมากโขอยู่ ส่วนจานอื่นต้องแล้วแต่วิจารณญาณของผู้อ่านเองครับผม

ข้อมูลและรายละเอียดการเดินทาง

  • ที่ตั้ง: ชั้น 2 โรงแรมดิอิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่ (The Imperial Mae Ping Chiang Mai) เลขที่ 153 ถนนศรีดอนชัย ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • เวลาเปิดบริการห้องอาหาร: 11.30 น. – 14.00 น. (มื้อเที่ยง) และ 18.00 น. – 22.00 น. (มื้อเย็น)
  • หมายเลขโทรศัพท์: 053-283-900 (แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า)
  • เว็บไซต์: imperialmaeping.com, Facebook
  • การเดินทาง: ถ้าขับรถมาจากตัวเมืองชั้นใน (คูเมือง) ให้เข้าถนนลอยเคราะห์ จากนั้นเลี้ยวขวาที่ถนนกำแพงดิน เพียงนิดเดียวก็ถึง หรือจะเรียกบริการรถสาธารณะอื่นก็ได้เช่นกัน (ราคาตามตกลง) ถ้าอยู่แถวไนท์บาซาร์ก็สามารถเดินมาได้เลย ไม่ไกลมากครับ