ทีมงาน 2baht มีโอกาสเดินทางจากกรุงเทพไปยังคันไซ โดยใช้บริการสายการบิน Hong Kong Airlines ในชั้นประหยัด จึงนำประสบการณ์กับสายการบินมาบอกเล่าให้ฟังกันครับ (การบินครั้งนี้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ไม่มีสายการบินสนับสนุนแต่ประการใด)
Hong Kong Airlines เป็นสายการบินจากเกาะฮ่องกง นอกจากสายการบินนี้ยังมี Cathay Pacific (และ Cathay Dragon) กับ HK Express ที่อยู่ร่วมเกาะเดียวกัน แต่สายการบินที่จะบินมายังสุวรรณภูมิมีแค่ Hong Kong Airlines และ Cathay Pacific เท่านั้น
Hong Kong Airlines เป็นสายการบินฟูลเซอร์วิส ราคาที่จองรวมโหลดกระเป๋า 20 กิโลกรัม เพียงพอสำหรับคนที่ไม่ใช่ขาช้อปหนัก และมีอาหารเครื่องดื่มบนเครื่องเรียบร้อย
สำหรับเส้นทาง เมื่อบินออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปประเทศญี่ปุ่น จะมีเส้นทางไปยัง Tokyo Narita (NRT), Osaka Kansai (KIX), Sapporo, Yonago, Okayama, Miyazaki, Okinawa และ Kagoshima ซึ่งทั้งหมดจะต้องไปต่อเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง (HKG) เท่านั้น โดยระยะเวลาต่อเครื่องมีตั้งแต่ 2-3 ชั่วโมง ไปจนถึงรอนานเป็นวัน สามารถออกไปเที่ยวฮ่องกงต่อได้อีกเลยทีเดียว
หากนับเฉพาะไฟลท์บินไปฮ่องกง ไฟลท์บินต่อวันของ Hong Kong Airlines ไปกลับสุวรรณภูมิก็ถือว่ามีจำนวนไม่น้อย วันละ 4-6 เที่ยวบิน มีเวลาหลากหลายให้เลือกตามต้องการ ส่วนเส้นทางบินอื่น ๆ ดูได้จากเว็บไซต์ Hong Kong Airlines
รายละเอียดเที่ยวบิน
- ขาไป
- BKK -> HKG: HX772
- HKG -> KIX: HX612
- ขากลับ
- KIX -> HKG: HX617
- HKG -> BKK: HX761
การขึ้นเครื่องบิน
Hong Kong Airlines ที่ได้บินเป็นชั้นประหยัด จึงไม่มีเลาจน์ให้บริการ หลังจากเช็คอิน (สามารถเช็คอินออนไลน์ได้) โหลดกระเป๋าเรียบร้อย ก็จะได้บอร์ดดิ้งพาสมาสองใบ เมื่อผ่านด่านตรวจความปลอดภัยแล้ว ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็ไปเดินดิวตี้ฟรีได้ เมื่อใกล้เวลาขึ้นเครื่องก็ไปรอเรียกขึ้นเครื่องหน้าเกทตามปกติ
ห้องโดยสารบนเครื่องบินของ Hong Kong Airlines นี้ใช้ธีมสีแดงในการตกแต่ง (แล้วแต่เครื่องบินด้วย) เครื่องนี้ใช้บินนี้เป็นรุ่น Airbus A330-200 มีที่ชาร์จแบตอุปกรณ์พกพา (อาจจะต้องแชร์กัน สองที่นั่งต่อหนึ่งปลั๊ก) แต่ไม่มีทีวีหลังเก้าอี้
ในตอนขึ้นเครื่อง หากไม่ทราบว่าต้องนั่งที่ไหนให้ยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้พนักงานบริการบนเครื่องบิน (หรือแม้แต่ทำหน้างง ๆ เขาก็เดินเข้ามาถาม) ทางพนักงานก็จะชี้และแนะนำให้เดินไป หรือถ้าใกล้ ๆ พนักงานอาจจะพาเราไปนั่งถึงที่
ตอนขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่จะมาแจกผ้าสำหรับเช็ดมือซึ่งฆ่าเชื้อโรคมาเรียบร้อย สำหรับการเช็ดเพื่อให้ความสะอาด แต่ไม่ใช่ผ้าเย็น ดังนั้นอาจจะไม่สามารถคาดหวังความเย็นได้
ตอนขึ้นเครื่องจะมีอาหารให้เลือก โดยขาขึ้นเครื่องจากไทยจะมีอาหารไทยให้เลือกด้วยเช่นกัน อาหารจะเป็นเซ็ทสำหรับฟูลเซอร์วิส (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายภาพตอนเปิดอาหารมาให้) รสชาติอาหารก็เป็นที่น่าพอใจ โดยนอกจากน้ำเปล่าแล้วเราสามารถเลือกเครื่องดื่มอื่นไม่ว่าจะเป็นไวน์, เบียร์, น้ำผลไม้มาประกอบมื้ออาหารเราได้ และระหว่างการเดินทางจะมีพนักงานเดินอยู่เรื่อย ๆ สามารถขอเครื่องดื่มเมื่อกระหายได้
การต่อเครื่องที่ฮ่องกง
เมื่อเครื่องออกจากกรุงเทพ โดยประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก็จะมาลงที่ฮ่องกง หลังจากนี้เราก็จะต้องมาต่อเครื่องบินที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง (HKG)
ก่อนจะมารอขึ้นเครื่องจะต้องผ่านจุดตรวจสอบความปลอดภัยสำหรับผู้ทรานซิทก่อน (จุดนี้ ถ้าเราช้อปดิวตี้ฟรีที่กรุงเทพ แม้จะเป็นของเหลวก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าออกไปที่เมืองฮ่องกงแล้วกลับมาอีกไม่ได้แล้ว ต้องโหลดเท่านั้น)
ในช่วงพักการเดินทางที่ฮ่องกง จะขึ้นอยู่กับเวลาบินว่าเรามีเวลาเท่าไร ถ้ามีเวลาเยอะการแวะเที่ยวฮ่องกงก็น่าสนใจ แต่ในช่วงไฟลท์ขาไปผมมีเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น จึงจะเดินเล่นในสนามบิน, เล่นเน็ต (จะใช้ผ่าน Wi-Fi หรือคอมพิวเตอร์ที่นั่นก็ได้), ชมเครื่องบิน และเดินช้อปปิ้งแก้เบื่อไปเรื่อย ๆ
ในสนามบินฮ่องกงมีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร, ร้านขนมของฝาก, ร้านกาแฟ (Starbucks ก็มีนะ) และไม่ต้องกลัวเรื่องการไม่ได้แลกเงินดอลลาร์ฮ่องกงไป เพราะร้านค้าแทบทุกร้านรับบัตรเครดิต/เดบิต
ขอแนะนำ หากใครไม่มีเวลาออกจากสนามบินเข้าเมืองฮ่องกง การไปกินร้าน Tasty Congee สาขาสนามบินฮ่องกงก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ระหว่างรอขึ้นเครื่อง เรายังสามารถเดินไปยังจุดชมวิวเครื่องบิน เพื่อชมเครื่องบินในสนามบินฮ่องกงได้อีกด้วย ส่วนกระเป๋าสัมภาระก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะจะ check through ไปยังไฟลท์ถัดไปให้ทันที (ควรตรวจสอบกับสายการบินอีกที) และไม่ต้องเช็คอินซ้ำเพราะเราได้บอร์ดดิ้งพาสมาสองใบแล้ว โดยเครื่องบินที่จะบินจาก HKG ไปยัง KIX จะเป็นลำเดียวกับที่บินจาก BKK มา HKG
มื้ออาหารขณะบิน HKG ไปยัง KIX สามารถเลือกได้
ช่วงเวลาการบินจากฮ่องกงถึงคันไซ กินเวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง เครื่องออกจากฮ่องกงประมาณ 5 โมง หลังจากทานอาหารบนเครื่องเสร็จสักพักก็หลับ และตื่นมาก็ถ่ายวิวช่วงที่พระอาทิตย์ตกก็กำลังสวยพอดี
ประมาณเวลา 4-5 ทุ่ม เครื่องบินก็เริ่มมาถึงญี่ปุ่น และเตรียมลงที่ KIX ถึงเร็วกว่ากำหนดเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและนั่งรถไฟจาก KIX เข้าตัวเมืองโอซาก้าได้ตามปกติ
จากสนามบิน KIX มีรถไฟเข้าเมืองให้บริการสองเจ้าคือ JR West และ Nankai ซึ่ง JR West จะเหมาะกับคนที่พักในย่าน Tennoji, Osaka (Umeda), Kyoto ส่วน Nankai จะเหมาะกับคนที่พักย่าน Shin-imamiya และ Namba (Dotombori) เพราะไม่ต้องต่อรถไฟหรือต่อเป็นจำนวนครั้งน้อย ๆ
ข้อควรระวังคือรถไฟจะหมดประมาณเที่ยงคืน ถ้าเครื่องลงดึกมากและไม่ทันรถไฟ อาจต้องหาวิธีเดินทางอื่นหรือนอนสนามบิน
ขากลับ
ขากลับ ขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ (KIX) เวลาบินคือ 7 โมงเช้า ต้องมาเช็คอินประมาณตี 4 เมื่อโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยก็รับบอร์ดดิ้งพาสสองใบมาเหมือนเดิม และเดินผ่านด่านตรวจความปลอดภัยและเข้าไปช้อปปิ้งดิวตี้ฟรีในสนามบินคันไซรอก่อนได้ เมื่อใกล้ถึงเวลาขึ้นเครื่องก็มารอที่เกท
เครื่องที่บินจาก KIX ไปยัง HKG เป็น Airbus A330-300 มีจอทีวีด้านหลัง มีภาพยนตร์ให้ดู มีเพลงให้ฟัง (เฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาจีน) โดยพนักงานจะแจกหูฟังเมื่อขึ้นเครื่อง และมีปลั๊กเสียบชาร์จแบตเตอรี่ของอุปกรณ์พกพาให้บนเครื่องบิน (สองที่นั่งต่อปลั๊ก)
เครื่องบินลำนี้ทาง Hong Kong Airlines ได้ส่งอีเมลมาแจ้งเปลี่ยนก่อนการเดินทางประมาณ 1 สัปดาห์ และขอให้เลือกที่นั่งใหม่
อาหารที่ได้เมื่อขึ้นจากท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ จะเป็นไข่ไส้กรอก สามารถเลือกได้เช่นกันตามฟูลเซอร์วิส
แวะเที่ยวฮ่องกง
หลังจากบินมาแล้วสักพัก เราก็จะมาลงที่ HKG ระหว่างนี้เรามีเวลาในการเปลี่ยนเครื่อง 10 ชั่วโมง และแน่นอนว่าเวลาว่าง ๆ แบบนี้ก็ควรออกไปเที่ยวฮ่องกงสักหน่อย
การท่องเที่ยวในฮ่องกง เนื่องจากเรามีเวลาไม่มากนัก การนั่ง MTR Airport Express ก็ดูเป็นทางเลือกที่ดี ถ้าซื้อตั๋ว Round Trip หรือตั๋วไปกลับก็ประหยัดได้อีก ถ้าไปกันหลายคนซื้อตั๋วกลุ่มก็ประหยัดได้เช่นกัน สำหรับคู่มือการแบคแพคเที่ยวฮ่องกงโดย 2baht สามารถเข้าดูได้ที่นี่
แนะนำ: Mak Man Kee บะหมี่ฮ่องกงในย่าน Jordan
หลังจากนั้น เราก็เดินทางหาอาหารกินในเมืองฮ่องกงไปเรื่อย ๆ หากใครสนใจจะไปเที่ยวฮ่องกงต่อ มีร้านอาหารมิชลินจำนวนมากที่ไม่ควรพลาด สามารถหาอ่านได้จากเว็บไซต์ 2baht
สุดท้ายเมื่อเที่ยวและรับประทานอาหารจนพอก็จะนั่งรถไฟ MTR Airport Express กลับมาที่ HKG ได้เลย ผ่านด่านตรวจความปลอดภัย, ด่านตรวจคนเข้าเมือง เข้ามารับประทาน Tastee Congee ในสนามบินต่อได้ และเดินช้อปปิ้งดิวตี้ฟรีรอเวลาขึ้นเครื่อง
เกร็ด: Hong Kong Airlines สามารถทำการเช็คอินในเมืองและโหลดกระเป๋าจากสถานี Airport Express ได้ด้วย (ณ เวลาที่เขียนรีวิว หากยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง) เพิ่มความสะดวกให้เดินตัวปลิวไปสนามบินได้
ในขากลับ ได้นั่งเครื่องบิน Airbus A330-200 มีทีวีแต่ไม่มีปลั๊กชาร์จไฟ ในขากลับนั้นเครื่องดีเลย์จาก 23:55 นาฬิกา โดยเปลี่ยนกำหนดเป็น 1:30 นาฬิกา และขึ้นบินจริงตี 2 (เรื่องดีเลย์เข้าใจว่าเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย เนื่องจากสายการบินเพื่อนบ้าน Cathay Pacific ไปกรุงเทพเหมือนกันดีเลย์ไปสองชั่วโมงครึ่ง) บนเครื่องขากลับจะแจกขนมปังและเครื่องดื่มให้ ในไฟลท์ขากลับเพลียมากจึงไม่ได้ถ่ายภาพไว้ หลังจากทานเสร็จก็หลับทันที
เวลาที่เครื่องลงที่สนามบินสุวรรณภูมิคือประมาณตี 4 ล่าช้ากว่ากำหนดที่คาดว่าจะลงตี 2
สรุป คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
Hong Kong Airlines ทำได้ดีในเรื่องอาหารที่เป็นฟูลเซอร์วิสจึงให้ค่อนข้างเต็มที่ และความสะอาดของเครื่องบิน การให้บริการจากพนักงานที่เดินอยู่เรื่อย ๆ ก็ทำให้เราขอเครื่องดื่มเวลากระหายได้
นอกจากนี้ การหาตั๋วเครื่องบินในช่วงโปรโมชั่นของ Hong Kong Airlines หลายครั้ง อาจทำให้เราได้เวลาบินที่มีเวลาแวะเที่ยวฮ่องกงอีกด้วย ถ้ามีเวลาเยอะพอจะเผื่อเวลาไปทานอาหารในเมืองฮ่องกงด้วยก็น่าสนใจ
ข้อดี
- เครื่องบินสะอาด
- บริการคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
- หาไฟลท์บินไปต่างประเทศที่มีเวลาแวะเที่ยวฮ่องกงได้
ข้อสังเกต
- หากจะบินไปจุดหมายอื่นที่ไม่ใช่ฮ่องกง จะไม่มีเที่ยวบินตรงจากไทย ต้องไปต่อเครื่อง ซึ่งเสียเวลาและอาจไม่สะดวกสำหรับบางคน
- ภาษาที่ประกาศบนเครื่องบินและใช้พูดกับพนักงานบริการจะเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน ซึ่งอาจมีปัญหาสำหรับคนฟังไม่ออก
ภาพประกอบหัวเรื่องจากเว็บไซต์ Hong Kong Airlines