รีวิว Singapore Airlines กรุงเทพ-โตเกียว (ฮาเนดะ)

ทีมงาน 2baht ตั้งใจไปเที่ยวโตเกียว โดยผู้เขียนได้ตั๋วเครื่องบิน Singapore Airlines ในชั้นประหยัด จึงขอนำเรื่องราวในการบินครั้งนี้มาบอกเล่าให้ฟังกันครับ (การบินครั้งนี้ออกค่าใช้จ่ายเอง ไม่มีการสนับสนุนจากบุคคลอื่น)

Singapore Airlines เป็นสายการบินจากประเทศสิงคโปร์ รูปแบบการให้บริการเป็นฟูลเซอร์วิส จองแล้วพร้อมอาหารและน้ำหนักโหลดกระเป๋าไปเลยถึง 30 กิโลกรัม เยอะแบบไม่ต้องไม่พอกันเลยทีเดียว

หากนับเฉพาะการบินไปญี่ปุ่น จะต้องไปต่อเครื่องที่สนามบินสิงคโปร์ชางงีก่อน รายละเอียดเที่ยวบินมีดังนี้

ขาไป

  • BKK -> SIN: SQ979
  • SIN -> HND: SQ636

ขากลับ

  • HND -> SIN: SQ631
  • SIN -> BKK: SQ982

การขึ้นเครื่องบิน

การขึ้นเครื่องบินก็เข้ากระบวนการทุกอย่างตามปกติ สามารถเช็คอินออนไลน์ก่อนบินได้ 2 วัน พร้อมเลือกที่นั่งได้ฟรี

พอมาถึงสนามบินก็เข้าช่องอินเทอร์เน็ตเช็คอิน โหลดกระเป๋า ผ่านด่านตรวจความปลอดภัย เดินเล่นหรือนั่งเลาจน์รอได้ตามสะดวก

เนื่องจากชั้นประหยัดไม่มีเลาจน์ ดังนั้นต้องหาเลาจน์ด้วยตัวเอง อาจจะเป็นสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตหรืออื่น ๆ ก็ได้

เครื่องบินที่นั่งขาไปสิงคโปร์คือ Airbus A330-300 เมื่อขึ้นมาแอร์ก็จะแจกผ้าอุ่นที่เช็คตามคอก็ทำให้สดชื่นได้

หลังจากเครื่องเทคออฟไปสักพัก แอร์จะนำอาหารมาเสิร์ฟ ความประทับใจของผมคือเมื่อถามว่าจะรับอะไรดี พร้อมกับการกางเมนูที่มีรูปภาพให้ ไม่ต้องลุ้นว่าสั่งอันนี้ไปแล้วจะได้อะไรมา รสชาติอาหารก็จัดได้ว่ากลาง ๆ ครับ

ระบบความบันเทิงบน Singapore Airlines ใช้ชื่อว่า KrisWorld ซึ่งบน A330 ลำที่บินนี้เป็นแบบเก่า มีจอยให้ รายการความบันเทิงทั้งหมดอยู่ในหนังสือ KrisWorld ที่กระเป๋าเก้าอี้หน้าที่นั่ง

ไฟลท์นี้เป็นไฟลท์สั้น ๆ นั่งสักพักเดียวเครื่องก็แลนดิ้งที่สิงคโปร์แล้ว ขาไปมีเวลาต่อเครื่องเพียง 1 ชั่วโมง เครื่องจะลงที่ Terminal 2 และต้องนั่งรถไฟไปที่ Terminal 3 เพื่อต่อเครื่อง ดังนั้นควรจะก้าวเท้าไว ๆ เพื่อไปต่อเครื่อง เรื่องช้อปปิ้งไว้ทีหลัง

Note: รถเชื่อม Terminal 2-3 มีสองสาย และมีสายหนึ่งที่จะตัดผ่านช้อปปิ้งมอล Jewel ซึ่งเข้าไปใกล้ HSBC Rain Vortex จนเห็นน้ำตกอย่างชัดเจน

ขาไป HND จะต้องไปที่ Terminal 3 โดยไฟลท์นี้ใช้เครื่องบิน Boeing 777-300ER เมื่อขึ้นเครื่องแล้วแอร์จะนำผ้าอุ่นมาแจก

ถัดจากผ้าอุ่นแล้วแอร์จะแจกเล่มเมนูอาหาร มีภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น ว่าในไฟลท์ระหว่าง SIN -> HND จะมีเมนูอะไรเสิร์ฟบ้าง ทั้งเครื่องดื่ม, Refreshment, อาหารเช้า และอาหารกลางวัน และมีสตอรี่เล็ก ๆ ให้อ่านเพลิน ๆ ด้วย

ต่อไปคือ Amenities ชุดเล็ก ๆ ที่ประกอบไปด้วยถุงเท้า, แปรงสีฟัน และยาสีฟัน

ตามมาด้วยชุด Refreshment คือ Garlic Focaccia with Egg Frittata and Vegetables รสชาติอร่อยดีครับ พอทานเสร็จแอร์มาเก็บของไปก็ได้เวลาดูหนังและนอน

ระบบความบันเทิง KrisWorld ของ Boeing 777-300ER จะใช้จอสัมผัส ส่วนจอยก็สัมผัส

บนเครื่องบินมี Wi-Fi สามารถต่อและใช้มือถือของตัวเองที่ลงแอป SingaporeAir ควบคุมระบบความบันเทิงบนที่นั่งได้เลย เครื่อง A330 ที่บินขามาทำไม่ได้นะ

แต่ว่า ผมต่อ Wi-Fi ทำทุกอย่างตามที่บอกแล้วก็ยังใช้ระบบควบคุมบนมือถือไม่ได้ ลองพยายามต่อใหม่หลายครั้งก็ยังไม่ได้จนถอดใจแล้วก็ใช้จอยควบคุมตามเดิมไป

รายการความบันเทิงทั้งหมดจะอยู่ในหนังสือด้านหน้าชื่อว่า KrisWorld

นอนไปได้สักพัก แอร์ก็จะปลุกมาทานอาหารเช้าครับ อาหารเช้าผมเลือกเป็น Tori Meshi พร้อมชาเขียวร้อน รสชาติอร่อยกำลังดี เหมาะกับการเป็นอาหารเช้า

ทานข้าวเสร็จ แอร์เก็บเพียงสักระยะหนึ่ง เครื่องก็จะลงสนามบิน HND เป็นอันถึงโดยสวัสดิภาพ

เริ่มต้นขากลับ เที่ยวบิน SQ631 ลำเดิม Boeing 777-300ER บินจากโตเกียวฮาเนดะไปสิงคโปร์ ขึ้นมาแล้วก็จะเหมือนตอนขามา คือพนักงานแจกผ้าอุ่น

ถัดไปก็นำหนังสือเมนูอาหารมาแจก (ซึ่งก็คือเล่มเดียวกับขาไป)

พอเครื่องเทคออฟสักพัก แอร์ก็จะนำขนมถั่วที่เป็นซองมาเดินแจก รสชาติก็คือถั่วปรุงรสธรรมดาครับ แต่ถั่วแข็งมาก ๆ

ต่อไปก็เป็นการเสิร์ฟอาหาร ซึ่งรอบนี้ผมเลือกเป็น Chicken Yakitori Domburi

ขนมหวานหลังมื้ออาหารเป็น Sakura Mochi Ice Cream ซึ่งอันนี้ดีมากครับ

หลังทานเสร็จ จะใช้ระบบความบันเทิงของเครื่องให้เต็มที่หรือนอนให้เต็มอิ่มก็ได้เช่นกัน สักพักก็จะมาถึงสนามบินสิงโปร์ชางงีโดยสวัสดิภาพ

เราจะนั่งรถไฟข้าม Terminal 2 ไป Terminal 3 เพื่อต่อเครื่อง ระหว่างทางจะผ่านน้ำตก HSBC Rain Vortex ซึ่งเป็นน้ำตกอันเลื่องชื่อใน Jewel

ตามคำแนะนำของสนามบิน ระบุว่า Jewel คือห้างครับ (Just Another Shopping Mall) ถ้าจะไปเดินคุณต้องมีเวลาทรานซิสอย่างน้อย 5 ชั่วโมง เพราะต้องออก ตม. เพื่อทำพิธีการเข้าเมืองก่อน ผมมีเวลาต่อเครื่องเพียง 3 ชั่วโมงก็คงจะไม่เสี่ยงออกไปแน่ ๆ

อาคาร Jewel จะอยู่ทางขวาของภาพ

สำหรับผู้เดินทางต่อเครื่อง คุณสามารถนำ Boarding Pass พร้อมพาสปอร์ตไปยื่นพนักงานได้ที่ iShopChangi จะได้รับ Transit Voucher มา 20 ดอลลาร์สิงคโปร์ สามารถนำไปใช้จ่ายหรือเข้าเลาจน์ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ Changi Airport

ผมเลือกการนั่งเลาจน์ครับ Voucher นี้สามารถใช้งานได้ที่ Ambassador Lounge เปิด 24 ชั่วโมง นำ Voucher ไปยื่นที่เคาน์เตอร์แล้วพนักงานจะติดสติ๊กเกอร์ที่เขียนว่าใช้งานว่าใช้บริการเลาจน์ได้ถึงกี่โมง เลาจน์นี้มีอาหารให้ทาน มีเครื่องดื่มให้ มีห้องอาบน้ำ พักผ่อนได้เต็มรูปแบบ

เมื่อถึงเวลาก็ขึ้นเครื่องครับ เที่ยวบิน SQ982 จากสิงคโปร์ถึงกรุงเทพ เที่ยวบินนี้ได้เครื่อง Boeing 787-10 Dreamliner

จุดเด่นของเครื่องบินลำนี้คือ “หน้าต่าง” ที่มีให้ปรับ 5 ระดับ แทนการใช้ม่านเหมือนเครื่องบินลำอื่น เมื่อเครื่องเทคออฟจนเต็มรูปแบบแล้วระบบปรับหน้าต่างนี้จึงจะใช้งานได้

เมื่อเครื่องขึ้นบินสักพักผมก็ปรับระดับหน้าต่าง ซึ่งหน้าต่างแบบนี้ไม่สามารถทำให้มืดสนิทได้แม้จะปรับระดับมืดสุด (ในภาพด้านบนคือระดับกลาง ๆ) แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน ถ้าใช้ร่วมกับผ้าปิดตาก็นอนหลับได้

เครื่องเทคออฟไปได้สักพัก พนักงานก็จะนำอาหารมาเสิร์ฟ

เมื่อทานเสร็จ พนักงานก็จะนำไอศกรีมมาเสิร์ฟ รสชาติก็ถือว่าอยู่ระดับกลาง ๆ เป็นขนมหวานหลังทานข้าวได้ดี

ส่วนระบบความบันเทิงบนเครื่องนั้น หลังจากที่ผมไม่สามารถเชื่อมต่อมือถือเป็นตัวควบคุมบนเครื่อง 777 ได้ มารอบนี้ เครื่อง 787 ผมสามารถใช้ได้แล้วครับ

วิธีใช้งาน เพียงต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับ Wi-Fi เปิดแอป SingaporeAir กดปุ่มให้แสดงโค้ดบนทีวี จะได้โค้ด 4 ตัวอักษรมา กรอกโค้ดนี้ลงแอป SingaporeAir ระบบก็จะเชื่อมต่อกันเป็นที่เรียบร้อย

หลังจากนั้น ก็เลือกความบันเทิงได้ตามชอบจากเมนู KrisWorld ของแอป SingaporeAir ได้เลย

นั่งสักพัก เครื่องก็จะบินมาลงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

สรุป

ความประทับใจของสายการบิน คือของที่แจกบนเครื่องมีให้ค่อนข้างดี ส่วนสนามบินชางงีก็มีสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้แม้ว่าจะเป็นการทรานซิต แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยมากนัก

ส่วนข้อด้อยเป็นที่ไม่มีเที่ยวบินตรง ต้องอ้อมไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ก่อน แต่ด้วยความสะดวกของสนามบินชางงี ก็ทำให้คุณเพลิดเพลินกับการทรานซิตได้เช่นกัน