ระบบการขนส่งมวลชนของสิงคโปร์ ถือว่ามีมาตรฐานและสะดวกสบายมาก การไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเองสามารถทำได้ง่ายมาก เพราะมีบัตร EZ-Link ใบเดียวสามารถเดินทางได้ทั้งรถใต้ดินและรถเมล์ อย่างไรก็ตาม ถ้าไปแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ส่วนใหญ่มักมี MRT เข้าถึงอยู่แล้ว เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่เคยมีโอกาสขึ้นรถเมล์หรือรถบัสในสิงคโปร์กันสักเท่าไร
ทริปสิงคโปร์ที่ผ่านมา 2Baht เลือกไปเที่ยวเขตนอกเมือง จึงมีโอกาสใช้บริการรถเมล์ในสิงคโปร์กับเขาบ้าง เราพบว่าการเดินทางด้วยรถเมล์ในสิงคโปร์ มีราคาประหยัด แถมยังสะดวกสำหรับบางพื้นที่ที่ห่างไกลจากรถไฟฟ้า MRT จึงอยากนำข้อมูลและประสบการณ์เหล่านี้มาแชร์สู่กันฟัง เผื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางท่องเที่ยวสิงคโปร์ค่ะ
สิ่งที่ควรรู้เมื่อขึ้นรถเมล์ในสิงคโปร์
การขึ้นลงรถเมล์ในสิงคโปร์ ค่อนข้างมีระเบียบ และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต่างจากเมืองไทย ดังนี้
วิธีสังเกตป้ายรถเมล์สิงคโปร์
- ป้ายด้านบนจะมีทั้งชื่อ และ ID (หมายเลขป้าย) เป็นตัวเลข 5 หลักเอาไว้อ้างอิง ถ้ารู้เลขอ้างอิงประจำป้าย รับรองว่าไม่มีทางขึ้นผิดป้าย
- ส่วนป้ายด้านล่าง จะบอกเลขสายรถเมล์ต่างๆ ที่วิ่งผ่านป้ายนั้น เหมือนป้ายรถเมล์บ้านเรา (ส่วนวิธีการหาป้ายและสายรถเมล์ ขออธิบายรายละเอียดด้านท้าย)
การโบกรถเมล์ที่ป้าย
หลายคนอาจมีคำถามว่าถ้ารอรถเมล์เข้าป้าย เราต้องโบกให้รถจอดด้วยหรือไม่ คำตอบคือถ้าไปรอป้ายที่คนเยอะๆ ไม่โบกรถไม่เป็นไร แต่ถ้าคนน้อยควรโบกเพื่อความชัวร์ (แต่ที่นี่ก็รณรงค์ว่าอย่ายื่นแขนโบกออกไปนอกเขตฟุตบาทอีกด้วย เรื่องความปลอดภัย พี่เค้าเป๊ะทุกขั้นตอน)
ขึ้นรถเมล์ประตูไหน?
ประตูรถเมล์มี 2 จุด คือ ด้านหน้า และตรงกลาง แต่เค้าแยกการขึ้น-ลง ไว้อย่างชัดเจน โดยประตูด้านหน้าใช้สำหรับขึ้น ส่วนประตูตรงกลางสำหรับลงเท่านั้น
จ่ายค่าตั๋วรถเมล์อย่างไร?
รถเมล์สิงคโปร์ไม่มีกระเป๋ารถเมล์แบบบ้านเรา สามารถจ่ายได้ 2 แบบคือ เงินสดที่คนขับรถ หรือ แตะบัตร EZ-Link (อีซี่ ลิงก์) สะดวกที่สุด วิธีใช้ก็เหมือนบัตร BTS บ้านเราที่ต้องแตะทั้งขาเข้า-ขาออกจากตัวรถ
ถ้าเรามีบัตร EZ-Link ขึ้นรถเมล์มาก็แตะบัตรตรงประตูหน้า ข้างคนขับได้ทันที ส่วนตอนลงรถ จะมีตู้แตะบัตรที่ประตูตรงกลาง แต่มีขั้นตอนเล็กน้อยคือ ให้เราแตะบัตรเมื่อใกล้ถึงป้ายที่จะลงเท่านั้น อย่าแตะก่อนที่จะลงนานเกินไป เพราะตู้จะยังมองว่าเป็นป้ายก่อนหน้านั้น (ที่รถเมล์ขับเลยมาแล้ว) ต้องให้รอรูปกากบาทหายไปจึงค่อยแตะบัตรได้ (หากสังเกตดีๆ เจ้าเครื่องนี้จะแสดงชื่อป้ายรถเมล์ให้ด้วย – ใครกลัวลงผิดป้ายแนะนำให้หาที่นั่งด้านหลังตู้แตะบัตรเลย)
การเติมเงิน EZ-Link
บัตร EZ-Link สามารถซื้อและเติมเงินได้ที่สถานี MRT เท่านั้น ไม่สามารถเติมเงินกับคนขับรถเมล์ได้ ถ้าเงินในบัตรไม่พอจริงๆ สามารถจ่ายเงินสดได้ที่คนขับ (แนะนำให้เก็บเหรียญ 1-2 ดอลลาร์ไว้ เผื่อใช้ยามจำเป็น เพราะเค้าจะไม่ทอนเงินให้นะ)
ในกรณีที่มีสัมภาระมาก เช่น กระเป๋า หรือ รถเข็น
ตอนกลางของรถเมล์จะมีที่ว่างพอสมควร (เข้าใจว่าออกแบบมาเพื่อให้รองรับรถวีลแชร์) ซึ่งบางครั้งหากมีสัมภาระเยอะๆ แบบนี้ ก็สามารถนำมาวางได้เช่นกัน
มาถึงตอนนี้ คิดว่าอาจมีบางคนสงสัยว่าจะหาเส้นทางเดินรถในสิงคโปร์กันอย่างไร?
การหาสายรถเมล์ในสิงคโปร์ แนะนำ Google Maps
เราลองมาหลายวิธี พบว่าการใช้แอพ Google Maps บนมือถือ สะดวกที่สุดแล้ว เพียงใส่สถานที่ต้นทาง-ปลายทาง แล้วกดเลือก Option > Bus, Best Route แล้วกูเกิลจะแสดงผลการค้นหาเส้นทางเดินทางรถเมล์ที่ดีที่สุดมาให้
เส้นทางที่ดีที่สุดมักแสดงในผลการค้นหาอันดับต้นๆ ให้กดขยายที่แถบสีฟ้า เพื่อดูรายชื่อป้ายรถเมล์ที่วิ่งผ่าน แล้วจำชื่อป้ายก่อนปลายทางสัก 2-3 ป้าย หรือ เปิด GPS เช็คเป็นระยะๆ เพื่อความชัวร์
แนะนำแอพ SG BusLeh บอกเวลารถเมล์เข้าป้าย
แอพอีกตัวที่แนะนำให้ติดตั้งไว้ในสมาร์ทโฟนเวลาไปสิงคโปร์ คือแอพบอกเวลารถเมล์เข้าป้ายชื่อ SG BusLeh
เนื่องจากระบบคมนาคมของสิงคโปร์ไฮเทคกว่าบ้านเรา อย่างเช่นตู้แตะบ้ตร เค้าจึงเอาข้อมูลเหล่านั้นมาทำแอพแสดงเวลาที่รถเมล์กำลังจะมาที่ป้ายรถเมล์ด้วย อันที่เราลองใช้แล้วค่อนข้างเวิร์คคือ SG BusLeh ตามรูปด้านล่าง
อย่างไรก็ตาม เวลาที่แสดงในแอพ SG BusLeh อาจแกว่งไปแกว่งมาบ้าง ตามแต่สภาพจราจร รวมถึงการส่งสัญญาณเข้าป้ายของรถเมล์นั้นด้วย ส่วนตัวลงแอพนี้ไว้ไม่เสียหลาย อย่างน้อยก็จะได้คาดเดาคร่าวๆ ว่ารถเมล์จะมาเมื่อไหร่