เหตุการณ์ก่อการร้ายที่ประเทศเบลเยียม สร้างความกังวลให้กับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้ และอาจถามตัวเองว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้นตอนที่เราไปเที่ยว เราควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
เว็บไซต์ The Points Guy สอบถามเรื่องนี้ไปยังเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และได้รับคำแนะนำมา 5 ข้อดังนี้
ศึกษาข้อมูลของประเทศที่จะไปเยือนล่วงหน้า
ก่อนเดินทางก็ควรรู้ข้อมูลของประเทศที่จะไปเยือนสักหน่อย ว่าประเทศเขาเป็นอย่างไร ต้องใช้วีซ่าหรือไม่ ใช้เงินสกุลอะไร ต้องฉีดวัคซีนอะไรก่อนบ้างหรือเปล่า สถานการณ์ด้านความปลอดภัยเป็นอย่างไร
วิธีง่ายที่สุดในการค้นหาข้อมูลเหล่านี้ คือเช็คจากเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ (ชาวอเมริกันมักตกเป็นเป้าโจมตีอยู่แล้ว ข้อมูลพวกนี้เลยแน่นมาก) เข้าไปที่ travel.state.gov แล้วกรอกชื่อประเทศปลายทางที่เราจะไป เราก็จะได้ข้อมูลคร่าวๆ ของประเทศนั้น พร้อมข้อมูลด้านความปลอดภัยล่าสุดทันที
เขียนแผนการท่องเที่ยว แล้วแชร์ให้คนรู้จักรับทราบ
การท่องเที่ยวในต่างประเทศ ควรเขียนแผนการเดินทาง (Travel Itinerary) ว่าเราจะไปที่ไหน วันไหนบ้าง วันไหนจะอยู่ที่ไหนอย่างไร แล้วแชร์ให้ครอบครัวหรือเพื่อนสนิทรับทราบไว้ เผื่อว่าตอนเดินทางเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือภัยพิบัติ คนรู้จักของเราจะได้รู้ว่าจะสามารถไปหาตัวเราได้จากที่ไหนบ้าง
แจ้งสถานทูต-จดข้อมูลติดต่อของสถานทูต
เทคนิคข้อนี้ขึ้นกับสัญชาติของเราด้วย กรณีที่เป็นชาวอเมริกันจะง่ายหน่อย เพราะมีโครงการชื่อ Smart Traveler Enrollment Program (STEP) เพื่อลงทะเบียนกับสถานทูตอเมริกันในประเทศที่เราไปเยือน ว่าเรากำลังอยู่ในประเทศนั้นเป็นระยะเวลากี่วัน ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น สถานทูตจะได้รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน และติดต่อเราได้ง่าย
กรณีของนักท่องเที่ยวชาวไทย อาจใช้วิธีจดข้อมูลสำคัญของสถานทูตไทยในประเทศปลายทาง เช่น ที่อยู่ พิกัด เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้แจ้งให้สถานทูตรับทราบได้ง่ายขึ้น
รายชื่อสถานทูตและสถานกงสุลไทยทั่วโลก ดูได้จาก ThaiEmbassy.org
วางแผนว่าจะทำอะไร ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินในต่างประเทศ เช่น เกิดอุบัติภัยหรือการก่อการร้าย สิ่งแรกที่ควรทำคือขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น (ทหาร ตำรวจ กู้ภัย พยาบาล) ถ้าปลอดภัยแล้ว ควรแจ้งสถานทูตเพื่อให้สถานทูตรับทราบว่าจะสามารถติดต่อเราได้อย่างไร
สิ่งสำคัญที่ควรทำคือติดต่อครอบครัวของเรา เพื่อแจ้งว่าเราปลอดภัยดี ถ้าไม่มีซิมการ์ดท้องถิ่น หรือไม่สามารถโทรศัพท์ได้ ลองหา Wi-Fi ฟรีจากร้านค้าหรือร้านอาหารต่างๆ เราอาจใช้วิธีโพสต์ข้อความลง social network เพื่อแจ้งข่าว หรือถ้าไม่มีทางอื่นจริงๆ ก็สามารถยืมโทรศัพท์คนท้องถิ่นเพื่อส่ง SMS บอกคนในครอบครัวได้ การแจ้งข่าวควรแจ้งเป็นระยะๆ เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าเรายังอยู่ดีอยู่ ไม่ใช่เงียบหายไปนานๆ
ตรวจสอบเงื่อนไขในประกันการเดินทาง
การซื้อประกันการเดินทาง ย่อมช่วยได้ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินในต่างประเทศ และควรตรวจสอบกรมธรรม์หรือเงื่อนไขของประกันให้แน่ใจ ว่าครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายการขนย้ายผู้ป่วย (medical evacuation) ด้วย เพราะถ้าเจอแจ๊คพอตเข้าจริงๆ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะมีราคาแพงมาก
ข้อมูลจาก The Points Guy