รีวิว Suikin อาหารญี่ปุ่นสุดอร่อยย่านเพลินจิต ตรงข้าม Central Embassy

[อัพเดต มีนาคม 2562] ร้านซุยคิน ได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ที่ 952 อาคารรามาแลนด์ ชั้น22 ถนนพระราม4 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 

เวลาคนทั่วไปนึกถึงร้านอาหารญี่ปุ่นในกรุงเทพ มักจะนึกถึงซอยธนิยะ สีลม หรือทองหล่อกัน แต่วันนี้ 2Baht.com ขอเปลี่ยนบรรยากาศพามาทานร้านอาหารญี่ปุ่นย่านเพลินจิตกันบ้าง ร้านนี้มีชื่อเสียงมานานในหมู่ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย เรามาทานร้านนี้หลายครั้ง ก็พบว่าทุกครั้งลูกค้ากว่าครึ่งเป็นนักธุรกิจหรือครอบครัวชาวญี่ปุ่นมาทานกันเกินครึ่งร้าน มีคนไทยไม่เยอะเท่าไร น่าจะการันตีได้ว่าเป็นร้านที่คนญี่ปุ่นเองก็ให้การยอมรับในความอร่อยเลยทีเดียว

ร้านนี้ชื่อว่า Suikin (อ่านว่า “ซุยคิน”) อยู่ในตรงข้ามห้าง Central Embassy แยกเพลินจิต หรือ ซอยข้างธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเพลินจิตที่ตอนนี้กำลังทุบตึกเพื่อสร้างใหม่อยู่ ร้านจะอยู่เกือบติดถนน ต้องเข้าซอยไปอีกนิดเดียว

ถ้าหากเราข้ามถนนมาจากฝั่ง Central Embassy จะเห็นป้ายสีส้มเขียนว่า Embassy Place ตามภาพ ข้างๆ จะมีป้ายตัวคันจิของร้าน Suikin (ป้ายสีน้ำตาล ถ้ามองเผินๆ จะไม่เห็นป้ายนี้) ให้เลี้ยวซ้ายเข้ามาได้เลย (สังเกตว่าฝั่งขวาจะเป็นห้าง Central Embassy อยู่ตรงข้ามกันเลยพอดีเป๊ะ)

SuikinLocation-02

เดินตรงมาเกือบสุดซอย มองไปทางขวาจะเห็นตึกสีเทาๆ ในภาพ นั่นแหละร้าน Suikin เป้าหมายของเรา

SuikinLocation-03

หน้าประตูทางเข้าร้าน Suikin มีซุ้มโค้งๆ ดูญี่ปุ่นมาก

SuikinLocation-01

บรรยากาศข้างในก็ดูญี่ปุ่นเช่นกัน มีแบบห้องกั้นส่วนตัวและแบบโต๊ะนั่งกลางร้าน ที่หน้าประตูทางเข้าจะมีพนักงานมายืนต้อนรับลูกค้าตลอด

SuikinDinner013

อาหารที่นี่จะขาย 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงเที่ยง (11:30-13:45 น.) และ ช่วงเย็น (18:00-22:00 น.) เมนูของสองช่วงนี้จะแตกต่างกัน ดังนั้นเราก็เลยแบ่งรีวิวเป็นครึ่งแรกกับครึ่งหลังนะคะ

ชุดเบนโตะอาหารเที่ยง

แม้ช่วงเที่ยงจะเปิด 11.30 น. ก็จริง แต่อย่าคิดว่าจะมาเที่ยงเป๊ะๆ แล้วจะมีที่นั่ง เพราะแค่ใกล้ๆ 12.00 น. ลูกค้าก็เกือบจะเต็มร้านแล้ว แถมทางร้านก็ไม่รับจองโต๊ะสำหรับมื้อเที่ยง ดังนั้นใครถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อน หนุ่มสาวออฟฟิศแถวนี้ที่อยากจะมากิน คงต้องแอบหลบเจ้านายมาจับจองที่นั่งก่อนเที่ยงกันนะ

เมนูอาหารเที่ยง มี 2 หน้า A และ B ค่ะ ราคานี้จะเป็นเซ็ตอาหารกลางวันแบบเบนโตะ (อาหารชุด) ที่ไม่รวมเครื่องดื่ม เฉลี่ยแล้วอยู่ประมาณ 200 บาทนิดๆ ขึ้นไป ซึ่งถือว่าค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับเมนูอาหารเย็นของที่ร้าน ถ้าใครอยากมาลองชิมแบบไม่ต้องคิดเยอะเรื่องราคา ก็แนะนำว่ามาลองตอนเที่ยงดีกว่า

ตัวอย่างอาหารในเมนูก็มีทั้งชุดข้าวกับเนื้อสัตว์ (เนื้อ-หมู-กุ้ง-ปลา), ชุดโซบะหรืออุด้ง และชุดปลาดิบที่ราคาจะแพงสักหน่อย

SuikinLunch-01

ราคาที่อยู่ในเมนูยังไม่รวม Service Charge 10% และ VAT 7% นะ บอกให้ทราบไว้ก่อน เดี๋ยวจะสะดุ้งเวลาเรียกเก็บเงิน

SuikinLunch-02

ที่นี่จะมีผ้าเย็นที่หอมกลิ่นตะไคร้อ่อนๆ เป็นการผสานความเป็นไทยกับญี่ปุ่นได้ดีทีเดียว ส่วนชาเขียว ร้อน-เย็น แบบ Refill ก็มีให้สั่ง ราคา 40 บาท

SuikinDinner002

ชุดปลาหิมะย่างเกลือ

เนื่องจากว่าชุดปลาย่างของร้านนี้จะมี 2 แบบ ให้เลือกระหว่างปลาย่างเกลือกับย่างซีอิ้ว จึงขอคำแนะนำจากพนักงาน สรุปว่าลองปลาหิมะย่างเกลือกันก่อน (ปลาย่างรอประมาณ 10 นาทีนะ)

พออาหารมาเสิร์ฟ ก็ตะลึงกันเลยทีเดียว เพราะมีเครื่องเยอะมากจนตกใจ อาหารในชุดประกอบด้วย ปลาย่าง, อุด้งร้อน, เครื่องเคียงอีก 5 อย่าง และข้าวสวย

SuikinLunch1-13

มาดูที่ปลากันแบบใกล้ๆ เราพบว่าปลาย่างเกลือมาได้ฉ่ำดีมาก ชิ้นใหญ่ประมาณเกือบเท่ามือ ถ้ากินผสมระหว่างหนังกับเนื้อคลุกข้าวจะอร่อยพอดี แต่ถ้ากินเฉพาะเนื้อปลาอย่างเดียวจะจืดไปสักหน่อย

SuikinLunch1-14

ในชุดนี้จะมีอุด้งหน้าเทมปุระ พร้อมหอมซอยใส่ได้ตามชอบ น้ำซุปอร่อยแต่อาจจะจืดไปสำหรับรสปากชาวไทย เส้นอุด้งมาตรฐานทั่วไปเหนียวนุ่มไม่เละ

SuikinLunch1-08

หัวไชเท้าต้มมาน้ำซึมเข้าไปได้ดีมากๆ แต่ก็ไม่เละ มีปลาหมึกมาให้ด้วยหนึ่งชิ้น ส่วนชุดผักดองก็กรุบกรอบดี

SuikinLunch1-11

เครื่องเคียงที่เป็นเมนูเด่นของร้านนี้คือ “เต้าหู้ทำเอง” (Homemade Tofu) ใครที่ชอบทานเต้าหู้ ขอแนะนำเลยนะ เต้าหู้ที่นี่เนื้อเนียนๆ ไม่ค่อยมีกลิ่น ถ้าจืดไป ก็สามารถเทโชยุเติมสักนิดเพิ่มความรสชาติ (อันนี้อากงสอนวิธีการกินเต้าหู้แบบคนจีนมา คิดว่าคนญี่ปุ่นก็คงทานแบบเดียวกันแหละ)

SuikinLunch1-10

ชุดปลาหิมะย่างซีอิ้ว (380 บาท)

เนื่องจากเรายังคาใจว่าปลาหิมะย่างซีอิ้วจะสู้ย่างเกลือได้หรือไม่ เลยหาโอกาสกลับไปทานอีกรอบ และนำมารีวิวเทียบกันให้เห็นชัดๆ เลย

เครื่องเคียงในชุดก็ใกล้เคียงกันกับชุดปลาย่างเกลือ ในชุดมีอุด้งเท็มปุระเหมือนกัน มีเต้าหู้ทำเองให้ ส่วนชุดผักอาจต่างไปนิดนึง

SuikinLunch2-07

เนื้อปลาที่ย่างซีอิ้วจะหั่นอีกแบบ เป็นการหั่นแบบตามขวาง ส่วนซีอิ้วเค็มๆ หวานๆ อร่อยดี

SuikinLunch2-09

ถ้าให้เทียบกัน ปลาย่างเกลือ ได้รสธรรมชาติของปลามากกว่า แต่รสชาติโดยรวมออกจืดไปนิด (คงอร่อยของคนญี่ปุ่นเค้าแหละ) ส่วนปลาย่างซีอิ๊วน่าจะมีรสชาติถูกปากคนไทยอย่างเราๆ มากกว่า

ชุดเนื้อสไลซ์ผัดซอสบาร์บีคิว (250 บาท)

หากใครชอบข้าวหน้าเนื้อ หรือ กิวด้ง (Gyudon) บอกได้เลยว่าชุดนี้ไม่ควรพลาดจริงๆ เพราะเค้าแยกข้าวและเนื้อมาให้ แต่ความอร่อยของเมนูเนื้อที่นี่ ทำเอากิวด้งหลายๆเจ้าในไทยต้องชิดซ้ายไปเลย

อาหารชุดนี้ประกอบด้วยข้าว เนื้อ ซุปมิโสะ สลัด และชุดเครื่องเคียง ในเซ็ตนี้จะไม่มีอุด้ง สงสัยจะกลัวจุกแป้งเกินไป เลยให้ซุปมิโสะมาแทน ซุปมิโสะของร้านนี้หอมมาแต่ไกล ถ้วยนี้อร่อยกว่าน้ำซุปอุด้งในเซ็ตปลาหิมะย่างอีกนะ แบบว่าระดับความเค็มพอดีปากคนไทยเลย

SuikinLunch1-02

เนื้อคุณภาพดีไม่เหนียว ผัดซอสได้อร่อยรสชาติกลมกล่อม แบบว่าเนื้อหมดยังเอาน้ำซอสมาคลุกข้าวกินได้อีก >.<

SuikinLunch1-03

เครื่องเคียงอีกอย่างที่ให้มาคือ “สลัด” ถ้วยขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่ ราดน้ำสลัดญี่ปุ่นมาด้วย พร้อมโรยสาหร่ายแต่งหน้ามาให้ ผักค่อนข้างสดกินตัดเลี่ยนจากเนื้อได้ดี

SuikinLunch1-04

ที่จริงยังมีอีกหลากหลายเมนู เอาของเพื่อนร่วมโต๊ะมาให้ดูกันนะคะ

ชุดข้าวหน้าปลาดิบ + โซบะร้อน (350 บาท)

SuikinLunch2-17

อันนี้เพื่อนบอกว่าเนื้อปลาสดดีค่ะ (คราวหน้าคงต้องลองบ้าง)

SuikinLunch2-01

ส่วนโซบะร้อน เส้นเล็กๆ พร้อมสาหร่ายวากาเมะดูน่าทานดี

SuikinLunch2-02

ชุดปลาซาบะย่างซีอิ้ว (200 บาท)

ส่วนชุดนี้เพื่อนทานด้วยความรวดเร็ว เรามัวแต่โม้ ยังทานปลาหิมะไม่ถึงครึ่งชิ้นหันไปอีกทีปลาซาบะเกือบหมดจาน อร่อยจริงจังมาก!

SuikinLunch2-16

ชุดไก่คาราอาเกะ (200 บาท)

ชุดนี้มีไก่คาราอาเกะ ซุปมิโสะ สลัดผัก เต้าหู้และผักดอง เนื้อไก่ทอดได้กรอบนอกนุ่มใน แต่ผักที่แซมมากับไก่ขมไปจ้า

SuikinLunch2-13

สรุปความประทับใจ

เนื่องจากลองไป 3 เมนู คือ ชุดปลาหิมะย่างเกลือ-ซีอิ้ว ชุดเนื้อย่างซอส  ถ้าถามที่ความอร่อยแบบถูกใจสบายกระเป๋าก็ยกให้ “เนื้อผัดซอสบาร์บีคิว” แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบทานเนื้อ “ปลาหิมะย่าง” ก็ถือเป็นอีกเมนูที่ควรลอง เพราะว่าย่างหนังได้ค่อนข้างเกรียม แต่เนื้อยังฉ่ำๆ เลือกได้ว่าจะอร่อยแบบธรรมชาติก็สั่งย่างเกลือ หรือ อร่อยแบบมีรสมีชาติก็ย่างซีอิ้ว ส่วนเมนูอื่นๆ อย่าง ข้าวหน้าปลาดิบก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

เมนูอาหารเย็น

เมนูอาหารเย็นจะต่างไปจากตอนเที่ยงที่เป็นอาหารชุด โดยตอนเย็นเป็นการสั่งอาหารแยกเป็นจานหรือ a la carte ตามแบบร้านอาหารทั่วไป เสียดายว่าเราไม่ได้ถ่ายเมนูมาด้วย แต่อาหารรอบเย็นก็มีเมนูให้เลือกเยอะเลยทีเดียว

อย่างที่บอกไปแล้วว่าร้านนี้มีดีที่ “เต้าหู้” เพราะว่าทางร้านทำเอง เนื้อเนียนและมีความหลากหลายมาก เราจึงขอลองชุดเต้าหู้รวมมาลองเสียหน่อยเพื่อจะได้ลองเต้าหู้หลายๆ แบบ โดยเต้าหู้ทั้งหมดในชุดจะเป็นเต้าหู้เย็นแบบทานเป็นอาหารคาว

ชุดเต้าหู้รวม 4 อย่าง (180 บาท)

ประกอบด้วยเต้าหู้ 4 แบบ 4 สไตล์ให้เลือกสรร

SuikinDinner003

เริ่มจาก เต้าหู้ทำเอง อันนี้เป็นชนิดเดียวกับที่แถมมาใน Bento Set โดยเราพบว่าเนื้อเนียนมากที่สุดที่เคยเจอ แทบจะไม่ได้กลิ่นถั่วเหลืองเลย แต่คนที่ไม่คุ้นกับการกินเต้าหู้จืดๆ อาจรู้สึกว่ามันจืดไป

SuikinDinner005

เต้าหู้นมสด อร่อยมาก เหนียวหนืดๆ นุ่มนม ให้มีรสสัมผัส รสชาติออกหวานเล็กน้อย โปะวาซะบิมาให้นิดหน่อย ผสมกับโชยุแล้วเข้ากันดี (เอาเข้าปากคำแรกต้องอุทานว่า เฮ้ย! มันใช่ตระกูลเต้าหู้หรือเนี่ย อร่อยมากกก)

SuikinDinner004

ฟองเต้าหู้ ที่อยู่ในน้ำเกลือเค็มๆ แก้เลี่ยน แถมโรยด้วยไข่ปลาแซลมอน พอเคี้ยวเข้าไปเหมือนถุงน้ำทะเลแตก อร่อยดีนะ (แต่ยังเป็นรองเต้าหู้นมสดอยู่)

SuikinDinner006

สุดท้าย เต้าหู้งาที่มาพร้อมโชยุ ตัวนี้แปลกดี แต่พอผสมงาในเนื้อเต้าหู้ทำให้กลิ่นงากลบความเป็นเต้าหู้ไป เลยไม่เด่น

SuikinDinner007

สรุปว่าเต้าหู้ 4 ชนิดนี้ ต้องขอยกให้เต้าหู้นมสดชนะเลิศ

สลัดอโวคาโด เต้าหู้และปลาแซลมอนสด (260 บาท)

ผักสดใหม่ ปลาแซลมอนนิ่มมากๆ แทบละลาย ไม่มีรสคาวเลยแม้แต่น้อย ส่วนเต้าหู้ในสลัดจะมีความแข็งกว่าเต้าหู้สดอีกระดับนึง ส่วนถ้วยเล็กๆ ด้านซ้ายของรูปคือซอสโชยุผสมวาซาบิที่ไม่ขึ้นจมูกจนเกินไป ทานกับสลัดแล้วอร่อยจริงๆ ไม่เด่นจนไปแย่งซีนสลัด แต่ช่วยทำให้สลัดมีรสมีชาติขึ้น

SuikinDinner008

เนื้อย่างบนใบโฮบะราดซอสมิโซะ (270 บาท)

จานนี้ทีเด็ด เนื้อวัวที่ย่างมาแบบ Medium-well done ให้เนื้อมาประมาณ 6-7 ชิ้น วางเรียงสวยงามบนใบโฮบะ (ใบไม้ที่ใช้รองซูชิ) จัดแต่งสมกับเป็นอาหารญี่ปุ่นที่เสพได้ทั้งศิลป์และอาหารไปพร้อมกัน

SuikinDinner011

ทั้งเนื้อและผัก (มะเขือยาว เห็ดเข็มทอง แครอท เห็ดหอม) เวลาเคี้ยวจะมีกลิ่นหอมควันจากใบโฮบะแทรกอยู่ทุกคำ น้ำเกรวี่ที่อยู่ในเนื้อย่างก็อร่อย แบบว่าเลิศมากๆ อะ จานนี้ให้คะแนนเต็ม ไม่กินไม่ได้แล้ว

SuikinDinner012

ปิดท้ายด้วยขนมที่รวมๆ จากการกินมาทั้งหมดหลายครั้ง

พุดดิ้งน้ำเต้าหู้ (70 บาท)

เนื้อพุดดิ้งคล้ายๆ พุดดิ้งนมสดที่มีความหนืดๆ ในเนื้อ แต่รสชาติจะหวานกว่าอีกหน่อย ส่วนข้างบนโรยกากถั่วเหลืองคั่วตากแห้งแล้วเอาไปคั่วรสเค็มๆ ตัดเลี่ยนได้ดี

SuikinDinner015

ชีสเค้กน้ำเต้าหู้ (90 บาท)

หลังจากค้นพบเมนูนี้แล้วก็ทำให้พุดดิ้งตกอันกับลง เนื้อหนักกว่าพุดดิ้ง หอมนมๆ แต่ก็ยังได้กลิ่นถั่วเหลืองนิดเดียวจริงๆ ข้างบนก็โรยกากถั่วเหลืองเช่นเคย

SuikinLunch2-15

ไอศครีมชาเขียว (90 บาท)

ส่วนใครที่ไม่ถนัดแนวเต้าหู้ ก็ยังมีเมนูอื่น อย่างไอศครีมชาเขียว Scoop นี้ที่นมๆ เข้าถึงรสชาติชาเขียว

SuikinLunch2-14

สรุปว่าใครทานเต้าหู้ได้ก็ควรลองชีสเค้กน้ำเต้าหู้นะ เพราะคงหาลองที่อื่นไม่ได้แล้ว ของเค้าทำได้อร่อยไม่ค่อยมีกลิ่นถั่วเลยค่ะ

ข้อมูลและแผนที่การเดินทาง

[อัพเดต มีนาคม 2562] ร้านซุยคิน ได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ที่ 952 อาคารรามาแลนด์ ชั้น22 ถนนพระราม4 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 

หากท่านใดที่อยากมาลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นใจกลางเมืองย่านเพลินจิต แนะนำว่ามาทาง BTS เพลินจิตจะเดินใกล้กว่า BTS ชิดลม ตามแผนที่ด้านล่าง (ตรง British Embassy ปัจจุบันคือ Central Embassy)

พิกัด GPS : 13.742762,100.546628

SuikinDinner010

ร้าน Suikin เปิดบริการทุกวัน เบอร์โทรศัพท์ 02-252-2002

  • มื้อเที่ยง : 11.30 – 13.45 น. รับเฉพาะ Walk-in เท่านั้น (ไม่รับจองโต๊ะ) จึงควรมาก่อนเที่ยงจะดีมาก ยิ่งถ้ามาหลายคนควรมาก่อน 11.45 น.
  • มื้อเย็น : 18.00 – 22.00 น. ควรโทรมาจองล่วงหน้า 2-3 วัน แต่ถ้าไม่ได้จองมาก่อนควรมาก่อน 18.30 น. จ้า

ที่จอดรถมีบริการนิดหน่อยหน้าร้านประมาณ 10 คัน ใครจะขับรถมาต้องเตรียมตัวดีๆ เพราะแค่รถคนที่ญี่ปุ่นที่มากินก็จอดเต็มเกือบหมดแล้ว ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ นั่ง BTS มาดีกว่า เดินไม่ไกลมาก

คุณสามารถติดตามรีวิวท่องเที่ยวจากเรา ที่ facebook “2baht.com” ได้อีกหนึ่งช่องทางนะคะ