รีวิวบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ ห้องอาหาร The Eight โรงแรม Mercure Bangkok Siam

แม้บุฟเฟ่ต์โรงแรมจะเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป อย่างน้อยที่สุดก็ในเขตกรุงเทพมหานคร แต่การหาบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ โดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์ที่เน้นอาหารทะเลก็ไม่ใช่ของง่ายนัก เมื่อคิดถึงความสดใหม่และกระบวนการขนส่งอาหารจากทะเลขึ้นสู่โต๊ะอาหาร

ทีมงาน 2baht.com ได้รับเชิญจากทางโรงแรม Mercure Bangkok Siam ไปรีวิวห้องอาหาร The Eight (ชื่อเต็มคือ The Eight Restaurant) ธีมในรอบนี้เป็นอาหารทะเลเผา (grilled seafood) โดยให้อิสระอย่างเต็มที่กับทีมงาน ความเห็นทั้งหมดเป็นของทีมงานโดยตรง ต้องกราบขอบพระคุณทางโรงแรมมา ณ ที่นี้ด้วย

แนะนำโรงแรม Mercure Bangkok Siam และห้องอาหาร The Eight

Mercure Bangkok Siam เป็นโรงแรมหนึ่งในเครือของ Accor ที่เรามักจะรู้จักกันอย่างดี แต่เจ้าของจริงๆ คือบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่มีธุรกิจครอบคลุมอยู่ในโรงแรม อาคาร และห้างสรรพสินค้า โดยตัวโรงแรมตั้งอยู่และใช้ตึกร่วมกับ Ibis Bangkok Siam (ว่าง่ายๆ คือ ตึกเดียว สองโรงแรม) ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างจึงถูกใช้ร่วมกันระหว่างสองโรงแรมนี้ (คนไทยหลายคนอาจไม่คุ้นชิน แต่แนวทางนี้ใช้อยู่บ้างในต่างประเทศ)

ที่ตั้งของโรงแรมอยู่เยื้องกับห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง และอยู่ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติ ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามกีฬาแห่งชาติ ด้านข้างเดินไปไม่ไกลนักจะมีหอศิลปะและวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร สำหรับห้องพักและโรงแรม Mercure Bangkok Siam ตั้งอยู่ส่วนโซนสูงของอาคาร มีจำนวนทั้งหมด 189 ห้อง (ส่วนที่ต่ำกว่าทั้งหมดเป็นของ Ibis) ตึกสามารถสังเกตได้จากระยะไกลโดยไม่ยากนัก

สำหรับห้องอาหาร The Eight ถือเป็นห้องอาหารหลัก (flagship restaurant) ใช้ร่วมกันระหว่างโรงแรมทั้งสองอัน และให้บริการตั้งแต่เช้าจนดึก ตั้งอยู่ที่ชั้น 8 ของอาคาร (ชื่อตามชั้น) สำหรับพื้นที่ของห้องอาหารนั้นต้องเรียกว่ายึดทั้งชั้นมาเป็นห้องอาหาร ดังนั้นก็ค่อนข้างกว้างขวาง มีสองทางเข้าทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (ภาพทางเข้าไม่ได้ถ่ายมาสำหรับรีวิวนี้)

รีวิวคราวนี้จะมารีวิวบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติมื้อค่ำ ที่จัดโปรโมชั่นเน้นอาหารทะเลเผา (grilled seafood) เรียกว่า “Seafood Night Dinner Buffet”

ข้อมูลและรายละเอียดของบุฟเฟ่ต์

  • ราคาบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ 990 บาทถ้วน (ณ วันที่รีวิว)
  • มีเฉพาะวันอังคาร-อาทิตย์ มื้อค่ำ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 21.30 น.
  • สมาชิกบัตร Accor Plus รับส่วนลด 30%, บัตรเครดิตธนาคาร Citibank, ไทยพาณิชย์ และกรุงศรีอยุธยา ได้รับส่วนลดมา 3 จ่าย 2

รีวิวบุฟเฟ่ต์และการบริการ

ไลน์บุฟเฟ่ต์ของ The Eight ต้องยอมรับว่าจัดมาได้ค่อนข้างหลากหลาย เมื่อเทียบกับห้องอาหารของโรงแรมที่อยู่ในระดับเดียวกัน อันเป็นจุดแข็งของห้องอาหารแห่งนี้ การจัดอาหารไม่แออัดจนเกินไป หยิบตักอะไรก็สะดวกแม้คนจะเยอะแค่ไหนก็ตาม

ในราคานี้ของบุฟเฟ่ต์รวมน้ำด้วยนะครับ แต่ตัวเลือกน้ำมีค่อนข้างน้อย มีเฉพาะเครื่องดื่มอัดลมบางอย่าง น้ำเปล่า น้ำส้ม  แก้วที่ให้ใส่น้ำเล็กกระทัดรัดไปสักหน่อย ต้องลุกขึ้นมาเติมน้ำบ่อยๆ

เริ่มต้นอย่างแรกด้วยจุดเด่นที่สุดของมื้อนี้คือ “อาหารทะเลเผา” ที่ประกอบไปด้วย กุ้ง กั้ง หอยเชลล์ ปลาหมึก และปูม้า ในเรื่องความสดทุกอย่างถือว่าสด ยกเว้นปูที่เนื้อสัมผัสให้ความรู้สึกว่าถูกความเย็นตอนเก็บรักษามากจนเกินไป

ส่วนเรื่องการย่าง ต้องบอกว่าเป็นจุดที่น่าเสียดาย เพราะในวันที่รีวิว อาหารทะเลทุกอย่างถูกย่างจนเลยจุดที่ควรจะอร่อย กล่าวคือ เสียความชุ่มชื่น (juiciness) ไปในหลายกรณี หอยเชลล์ที่ทีมงานชอบกลับถูกย่างมาจน “เหนียว” แทบที่จะได้สมดุลระหว่างความกรุบกับความเด้งสู้ฟันขณะเคี้ยวครับ

แม้อาหารทะเลย่างจะมีส่วนที่ผิดหวัง แต่มุมที่เป็นอาหารทะเลนึ่งสอบผ่าน โดยเฉพาะหองแมงภู่นิวซีแลนด์ที่เสิร์ฟมาแบบตัวใหญ่ และยังคงความชุ่มชื่นอยู่ อันนี้ถือว่าสอบผ่านครับ เรื่องความสดก็ต้องบอกว่าทำได้ดี

ถัดจากจุดเด่นของบุฟเฟ่ต์แล้ว เราถึงมาเริ่มในส่วนอาหารเย็น (cold dishes) อย่างเช่น ชาชิมิ สลัด ชีส เนื้อตัด (cold cuts) เป็นต้น

เริ่มจากชาชิมิ (ปลาดิบ) ต้องถือว่าเลือกวัตถุดิบได้ดี ทั้งปลาแซลม่อน ปลาทูน่า และปูอัด มีความสดใหม่ ทีมงานอีกท่านเอ่ยปากชมว่าอร่อยดีครับ

สำหรับอาหารเย็น (cold dishes) ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ แซลม่อนรมควัน หรือเนื้อตัดแต่ง (cold cuts) ต่างๆ ทำได้ดีผ่านมาตรฐาน แต่ถ้าให้แนะนำสิ่งที่อร่อยแบบชัดๆ คือแซลม่อนรมควันครับ

ชีสที่มีมาให้ก็ถือว่ารับได้ ความหลากหลายอาจจะน้อยกว่าห้องอาหารปกติที่เราคุ้นเคยกัน แต่ถือว่าผ่านมาตรฐานนะครับ จุดที่อาจเป็นข้อท้วงติงเล็กน้อยคือไม่มีการระบุประเภทชีสเลย คนกินก็ต้องใช้วิธีการเดากันเต็มที่ ยกเว้นจะมีความรู้เรื่องชีสบ้างก็อาจจะพอช่วยได้

นอกจากนี้แล้ว ยังมีสลัดและยำอยู่ในไลน์ด้วย วันนั้นทีมงานได้มีโอกาสชิมอยู่สามอย่างคือ สลัดไก่อโวคาโด สลัดกั้ง และยำกุ้ง โดยยำกุ้งเป็นจานที่โดดเด่นที่สุด

หมดจากอาหารเสิร์ฟเย็นแล้ว ก็ได้เวลาของอาหารจานร้อน ที่นี่มีทั้งอาหารที่ผัด พาสต้า ขนมปัง ซุป พิซซ่า และคีชครับ

มุมอาหารจานร้อนส่วนมากเท่าที่ชิม (ยกเว้นพาสต้าที่ไม่ได้ชิม) รสชาติจะออกกลางๆ ไม่ค่อยสุดเท่าใดนัก น่าเสียดายอยู่พอสมควร

อย่างไรก็ตาม พิซซ่าถือว่าทำแป้งออกมาได้ดี ส่วนคีช ที่ใช้ไข่และชีสเป็นองค์ประกอบหลัก ถือว่าทำออกมาได้ดีครับ แม้จะไม่ได้ดีแบบดีมาก อันนี้ต้องขอชม

หมดจากของคาวก็ได้เวลาของหวาน ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นที่สุดของบุฟเฟ่ต์ที่นี่ เพราะว่าทำออกมาได้ดีเกือบทุกอย่างเท่าที่ชิมครับ อย่างไรก็ตามจุดที่ทีทีมงานรู้สึกแปลกๆ คือมีการนำเอาขนมห่อที่เราซื้อกินกันปกติมาใส่โหลวางอยู่ในไลน์ด้วย

สำหรับไอศกรีมวันที่ไปรีวิว มีไอศกรีมรสมะม่วงที่ทำออกมาได้ดีมาก ยังคงรสชาติของความเป็นมะม่วงที่มีหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ตัดกันได้อย่างลงตัว ไม่ทิ้งรสหวานอย่างเดียวไว้ที่ลิ้นเมื่อกลืนลงไป ส่วนวานิลลาอร่อยตามมาตรฐานครับ

จุดน่าสนใจอีกอย่างคือฟองดูช็อคโกแลตครับ วัตถุดิบที่เป็นผลไม้ให้จิ้มกับช็อคโกแลตถือว่าดีและสดใหม่ อย่างไรก็ตามหลังจากจิ้มช็อคโกแลตได้ไม่นาน (จากจุดที่ให้จิ้มไปจนถึงนั่งโต๊ะเพื่อกิน น่าจะราวๆ ไม่ถึง 2 นาที) ตัวช็อคโกแลตก็แข็งจนติดจาน ทีมงานเลยคิดว่าตัวช็อคโกแลตที่ใช้น่าจะมีปัญหาเรื่องสัดส่วนการผสม ทำให้แข็งตัวเร็วผิดปกติครับ

สำหรับผลไม้ต่างๆ ถือว่าจัดหาแหล่งได้ดี ความสดต่างๆ ถือว่าโอเค ส่วนเค้ก อร่อยครับ อันนี้ถือว่าห้องอาหารทำได้ดีและน่าประทับใจ ส่วนขนมไทยอย่างลูกชุบก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน

ในด้านการบริการนั้น วันที่ไปรีวิวนั้น ทีมงาน 2baht.com ได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมตั้งแต่ต้นว่าห้องอาหารถูกจองเต็ม สถานการณ์เช่นนี้เป็นการทดสอบห้องอาหารไปในตัวว่าจะจัดการอย่างไร ซึ่งผลปรากฎว่าในครัวสามารถรับมือได้ดี เติมอาหารได้ไม่ขาด การวางไลน์บุฟเฟ่ต์ค่อนข้างโปร่ง ไม่เบียดกันทั้งที่คนอยู่เกือบเต็มห้องอาหาร ต้องขอชื่นชม

อย่างไรก็ตาม จุดที่อาจถือเป็นข้อสังเกตในการบริการ คือผ้าเช็ดปากที่ใช้เป็นกระดาษ (paper napkin) และมีให้คนละผืนเท่านั้น อยากได้เพิ่มต้องไปขอ ในบางกรณีเช่นต้องแกะปูหรือกุ้ง และอาจต้องมีการใช้กระดาษเพื่อเช็ดมือ ผืนเดียวย่อมไม่พอ และเมื่อใช้ไปไม่นานก็จะยับ อยู่ในสภาพที่ใช้ไม่ได้อีก ไม่มีการเอาผืนใหม่มาให้นอกจากต้องเดินไปขอเองครับ

ส่วนห้องอาหารในทางกายภาพเอง แม้จะกว้างขวาง แต่แอร์กลับค่อนข้างร้อนและการไหลเวียนอากาศไม่ดีนัก รวมถึงตอนกลางคืนบรรยากาศไฟค่อนข้างมืดเมื่อเทียบกับร้านบุฟเฟ่ต์อื่นๆ ทั่วไป

สรุปรีวิว

โดยภาพรวม ต้องถือว่าบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำของห้องอาหาร The Eight ทำออกมาได้ตามมาตรฐานทั่วไป จุดที่น่าเสียดายคงเป็นที่อาหารร้อนซึ่งทำรสชาติออกมาได้ไม่สุดนัก ส่วนบรรยากาศและการบริการก็เป็นไปตามมาตรฐาน สิ่งที่โดดเด่นคือของหวาน ตามมาด้วยชาชิมิและอาหารเย็นทั้งหลายครับ

ด้วยราคาเต็มที่ 990 บาท ทีมงาน 2baht.com มองว่าราคาอาจจะค่อนข้างแรง แต่ถ้ามีส่วนลดที่ระบุไว้ตอนแรก ถือว่าอยู่ในระดับที่โอเคทีเดียวครับ หากต้องการบุฟเฟ่ต์ใจกลางเมืองที่เดินทางง่าย และเน้นอาหารทะเลเป็นหลักครับ

ข้อมูลและรายละเอียดการเดินทาง

  • ที่ตั้ง 927 ถนนพระราม 1 แขวงหวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพ (อยู่ติดกับรถไฟฟ้าสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ข้างหอศิลปะและวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร)
  • หมายเลขโทรศัพท์ 0-2659-2888
  • เว็บไซต์, Facebook, Twitter
  • การเดินทาง แนะนำให้เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ลงสถานีสยามกีฬาแห่งชาติแล้วใช้ทางออกหมายเลข 1 จะถึงโรงแรมทันทีครับ