เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนเก่านัดไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารชื่อแปลก The Older (ดิโอลเดอร์) ย่านสนามเป้า อยู่ติดกับสถานี BTS สนามเป้าเลย ร้านนี้เป็นร้านแนวกึ่งผับ เหมาะสำหรับกินเหล้าเบียร์ พูดคุยกันในหมู่เพื่อนฝูง โดยมีอาหารกับแกล้มให้บรรยากาศการสนทนาได้อรรถรสมากขึ้น (ในร้านยังมีดนตรีสดด้วยช่วงหัวค่ำ)
เราคิดว่าร้านอาหารแนวนี้ในทำเลไปง่ายมาสะดวก ติดบีทีเอส ค่อนข้างหาได้ยากในย่านนี้ จึงมารีวิวและแนะนำต่อๆ กัน
การเดินทางไปร้าน The Older
ร้าน The Older เป็นการนำตึกเก่าย่านสนามเป้า มาดัดแปลงเป็นร้านอาหาร (จึงใช้ชื่อว่า “Older”) ตัวร้านอยู่ใต้สถานี BTS สนามเป้าเลย ไม่มีเดินทางง่ายกว่านี้อีกแล้ว ถ้าลงสถานีสนามเป้า ให้เดินมาทางออกหมายเลข 2 (Exit 2) ฝั่งเดียวกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 จะเห็นร้านอยู่ใต้บันไดสถานีเลย
ร้านมีสามชั้น ชั้นบนสุดเป็นครัวแบบเปิดโล่งให้เห็น มองดูการทำอาหารได้จากสถานี BTS เลย
หน้าร้าน The Older แต่งๆ แนวเดียวกับผับอังกฤษ มีเก้าอี้และโซฟาให้นั่งนอกร้านด้วย สำหรับลูกค้าที่สูบบุหรี่ แต่ด้วยสภาพอากาศร้อนๆ แบบเมืองไทยช่วงนี้ เราขอนั่งห้องแอร์ข้างในดีกว่านะ
บรรยากาศภายในร้านจะออกแนวๆ ผับฝรั่ง ตกแต่งสไตล์วินเทจ เป็นโต๊ะไม้และเก้าอี้สตูล มีบาร์เครื่องดื่มอยู่ด้านใน ร้านจะเปิดไฟออกสีส้มๆ รูปอาหารจึงอาจไม่สวยนัก
เมนูอาหาร
เมนูอาหารของร้านนี้เน้นอาหารฝรั่ง ฟิวชั่นผสมอาหารไทยบ้างบางส่วน อาหารเด่นจะเป็นพวกของทอด เน้นแกล้มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซะมาก ถ่ายภาพเมนูมาให้เห็นกันชัดๆ ดังนี้
เริ่มจากหน้าแรก เป็นเมนูอาหารเรียกน้ำย่อย (appetizer) เปิดมาเมนูแรกก็เตะตากับ “เฟรนช์ฟรายสูตรพระนางมารีอังตัวเนท” (เป็นไงกันแน่ฟระ) มันฝรั่งบด-ผัดเนย ปีกไก่ทอด ปลาหมึกทอด ปลากระพงทอด
หน้าสองเป็นพวกอาหารทะเล และยำ มีให้เลือกหลากหลาย เช่น ยำรวมทะเล ยำเนื้อย่าง พล่าหมูดำ ปิดด้วยสลัดหลากหลาย
หน้าต่อมาเป็นเมนูจานหลัก พวกกุ้งย่าง แซลมอนย่าง เนื้อสันนอกย่าง ซี่โครงแกะย่าง
นอกจากนี้ก็มีเมนูพวกพาสต้า สปาเก็ตตี้อีก แต่ไม่ได้ถ่ายภาพมาทั้งหมดทุกเมนู
มาดูเมนูเครื่องดื่มกันบ้าง ถ่ายภาพมาหน้าเดียว พวกเครื่องดื่มทั่วไป น้ำอัดลม โซดา ก็ตามมาตรฐาน ส่วนเบียร์มี 3 ยี่ห้อคือ Copper, สิงห์, Estrella (อันนี้คิดว่ามีให้เลือกน้อยไปสักหน่อยสำหรับร้านแบบนี้)
รีวิวอาหาร
เนื่องจากไปกันหลายคน เลยได้ลองอาหารหลากหลายเมนู เรารู้สึกว่าร้านนี้รวมๆ แล้วอาหารรสชาติใช้ได้ เมนูดูสร้างสรรค์ดี แต่ราคาออกจะแพงไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับปริมาณอาหารที่ได้ ดังนั้นถ้ามานั่งกินเล่นแกล้มเหล้าเบียร์ก็คงโอเค แต่ถ้าจะกินเอาอิ่ม ควรกินข้าวที่อื่นมาก่อนน่าจะดีกว่า ประหยัดกว่า
เริ่มจากจานแรก เฟรนช์ฟรายสูตรพระนางมารีอังตัวเนต (120 บาท) มันคือเฟรนช์ฟรายโรยด้วย Sea Salt เม็ดใหญ่ๆ ทอดมาร้อนๆ ก็อร่อยดี มีซอสมาให้ 3 ชนิดคือมะเขือเทศ มายองเนส มัสตาร์ด รวมๆ แล้วโอเคแต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกี่ยวกับพระนางมารีอังตัวเนตอย่างไร (ฮา)
ซี่โครงหมูทอดกรอบ (300 บาท) ซี่โครงอ่อน บางชิ้นกินได้ทั้งกระดูก ทอดมากรอบๆ เกรียมๆ อร่อยดี แต่ปริมาณน้อยไปนิดเมื่อเทียบกับราคา กินแป๊บเดียวก็หมดแล้ว
เนื้อวากิวย่างน้ำปลา (300 บาท) เนื้อนุ่ม ไม่เหนียว ให้แจ่วมาด้วยเพื่อชูรส พร้อมผักย่างอีกเล็กน้อย อร่อยเช่นกัน
เมนูแปลกๆ อันนี้คือ หอยเชลล์ฮอกไกโดลาบโชยุ (300 บาท) อธิบายง่ายๆ มันคือ “ลาบหอยเชลล์” เสิร์ฟมาพร้อมกับผักสดอีกไม้ กินแล้วแปลกๆ จะเรียกว่าอร่อยก็คงไม่เต็มปากนัก แต่ปริมาณน้อยมากไม่ค่อยสมราคาเท่าไรเลย
ปลาหมึกชุบแป้งทอดซอสหมึกดำ (180 บาท) อันนี้ดีตามมาตรฐาน ร้านนี้ดูเหมือนจะเก่งของทอด
ซีซ่าสลัดหมูกรอบ (220 บาท) กินแต่ของทอดเดี๋ยวร้อนใน สั่งอาหารจานผักมาแกล้มบ้าง ซีซ่าสลัดหมูกรอบอันนี้ ใส่หมูกรอบเกรียมๆ เกือบจะเป็นเบคอนอยู่แล้ว ขนมปังกรอบ และมีไข่ poach egg มาให้หนึ่งฟอง จานนี้ทำใช้ได้ ผักสด คุณภาพดี กินตัดเลี่ยนได้
ไส้กรอกชีสและรมควันย่าง (250 บาท) มาพร้อมกับมันบด ก็ถือว่ากลางๆ ไม่ถึงกับอร่อยเต็มที่แต่ก็ไม่แย่ ยังแอบรู้สึกว่าให้ไส้กรอกมาน้อยไปหน่อยนึงนะ
มีเพื่อนเราคนนึงหิวจัดมาก เลยสั่งอาหารหนักมาดับอาการ ข้าวผัดกะเพราเนื้อวากิว ให้ไข่ดาวมาด้วย พร้อมใบกะเพรากรอบ ถือว่าทำได้ดีเลย
อาหารจานแปลกอีกอัน กุ้งลายเสือย่างพริกคาเยน (380 บาท) จานนี้ถือว่าไม่ค่อยเวิร์ค ทั้งปริมาณกุ้งที่มีน้อย และซอสที่ไม่อร่อยนัก ถือเป็นจานที่เฟลพอสมควรครับ
เมนูแบบอังกฤษแท้ๆ Fish and Chips (250 บาท) เห็นในเมนูบอกเฟรนช์ฟรายโรยเห็ดทรัฟเฟิลมาด้วย แต่ตอนกินก็ไม่ได้ดมว่าหอมแค่ไหน (ฮา) จานนี้กลางๆ ไม่โดดเด่นแต่ก็ไม่แย่
โดยรวมแล้วก็อย่างที่เขียนไปข้างต้นว่า เมนูอาหารดูแปลกใหม่ดี เน้นของทอดกินแกล้มเครื่องดื่มเป็นหลัก ข้อติคือปริมาณน้อยและราคาค่อนข้างแพง เหมาะกับการมาสั่งกินสักจานสองจานตอนนั่งคุย มากกว่าจะเน้นกินเอาอิ่ม
บรรยากาศของร้านโดยรวมถือว่าโอเค แต่งร้านดูเก๋ดี พนักงานเอาใจใส่ดี มีดนตรีสดมาเล่นทุกวัน (เราไปวันธรรมดา) ที่จอดรถต้องจอดริมถนนหน้าร้าน ซึ่งก็ต้องจอดได้ตอนค่ำๆ เป็นต้นไป (หรือถ้าจะให้สะดวกคือนั่ง BTS มาจะง่ายที่สุด เพราะติดกับ BTS เลย จุดเด่นที่สุดคือทำเล)