รีวิวบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ ร้านไท่ เหอ ซวน ทองหล่อ 20

2baht.com เคยมีโอกาสพาผู้อ่านไปแวะเวียนชิมติ่มซำ อาหารจีนที่พวกเราอาจจะคุ้นเคยกันดี ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศมาบ้าง มาคราวนี้จะพาไปชิมบุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่ร้านอาหารเปิดใหม่ย่านทองหล่อ ที่ชื่อว่า ไท่ เหอ ซวน ครับ

รู้จักกับติ่มซำ

หลายๆ คนอาจจะคุ้ยเคยกับอาหารประเภทติ่มซำมาพอสมควร อย่างน้อยที่สุดก็ขนมจีบและฮะเก๋าสารพัดรูปแบบ แต่ติ่มซำนั้นมีอาหารหลากประเภทมากกว่านั้น โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของอาหารจีนสายกวางตุ้ง (Cantonese) ซึ่งก็คืออาหารในแถบฮ่องกงนั่นเอง

ติ่มซำ ถ้าให้คำจำกัดความจริงๆ คืออาหารที่เสิร์ฟในเข่งหรือภาชนะ และมีขนาดที่พอดีคำ โดยมักจะทานคู่กับชาร้อน (ทำให้คำที่มาคู่กันมักจะเป็น “หยำ-ฉ่า” (yum-cha) ซึ่งก็คือการดื่มชา) และมักจะนึ่งมาพร้อมแล้วก่อนจะจัดใส่รถเข็นแล้วให้คนมาเลือก (ในไทยอาจจะไม่ค่อยเห็นแล้ว แต่ร้านอย่าง Lin Heung ในฮ่องกงที่ถูกเลือกจาก CNN (ที่มา) เป็นหนึ่งในร้านติ่มซำที่ควรไปลอง ก็ยังคงใช้วิธีการนี้อยู่)

วัฒนธรรมการทานติ่มซำเองจะแตกต่างไปตามแต่ละพื้นที่ อย่างฮ่องกงก็จะเสิร์ฟให้กินกันตั้งแต่เช้ายันจนดึก และมีบางส่วนที่เสิร์ฟถึงเที่ยงเท่านั้น บ้างก็ทานหลังจากออกกำลังกายตอนเช้า แต่ติ่มซำมักจะถูกจัดว่าเป็นอาหารสำหรับวันหยุดพักผ่อนของครอบครัวสุดสัปดาห์ ทุกวันนี้ติ่มซำเป็นของที่หาทานได้ตลอดเวลาและแทบจะทั้งปี

ชนิดของอาหารที่เป็นติ่มซำนั้นไม่ได้มีเฉพาะของนึ่งอย่างที่เราเข้าใจกัน (เช่น ซาลาเปา ฮะเก๋า ขนมจีบ) แต่รวมถึงของทอด (เช่น เผือกทอดฟู ซาลาเปาทอด ขนมผักกาดทอด) ของหวาน และจานหลักอย่างโจ๊ก หรือข้าวห่อใบบัวด้วย

รู้จักกับร้าน ไท่ เหอ ซวน และข้อมูลเกี่ยวกับบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ

ชื่อร้านบนเมนู
ชื่อร้านบนเมนู

ร้านอาหารไท่ เหอ ซวน เป็นร้านอาหารจีนเปิดใหม่ที่ตั้งอยู่ซอยทองหล่อ 20 (รู้จักกันในนาม “ซอยแจ่มจันทร์”) โดยตั้งอยู่ที่คอนโดมิเนียมบ้านจันทร์ (แผนที่)

การเดินทางอาจจะยุ่งยากสักหน่อยสำหรับคนที่ต้องการมา (นั่นเพราะตำแหน่งอยู่ค่อนข้างสุดซอยทองหล่อ) วิธีการที่ง่ายที่สุดคือลงสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ จากนั้นจึงต่อรถจักรยานยนต์หน้าปากซอยเข้ามา (ประมาณ 25 บาท) หรือถ้ามากันเยอะก็เรียกรถแท็กซี่ไปได้ตามสะดวก บรรยากาศร้านถือว่าค่อนข้างสว่างตาอยู่ที่เดียว (ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศในส่วนนี้มา)

สิ่งที่ทำให้ร้านนี้แตกต่างจากที่อื่นจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่ติ่มซำ แต่เป็นเรื่องของ “เป็ดปักกิ่ง” ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อและหนัง ซึ่งหาทานจากที่อื่นๆ ไม่ได้ และถือเป็นสูตรดั้งเดิมของจีนตั้งแต่ต้นด้วย (พอเข้ามาในเมืองไทย เป็ดปักกิ่งกลายเป็นสิ่งที่เสิร์ฟเฉพาะหนังล้วนอย่างเดียว ใครอยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ดูบทความ “ความเป็นอนิจจังของอาหารจีนชั้นสูง” ของ รศ.ธเนศ วงศ์ยานนาวา ได้ครับ) ซึ่งในปัจจุบันมีโปรโมชั่นอมตะของร้านอยู่ คือตัวละ 399 บาท (นั่งทานที่ร้านเท่านั้น) ครับ

แต่ในคราวนี้เราจะพามาชิมบุฟเฟ่ต์ติ่มซำกัน ซึ่งคิดอยู่ที่หัวละ 399 ถ้วน (ไม่รวมน้ำดื่ม อย่างเช่น ชา ที่คิดอยู่ที่ 30++ บาท) โดยเลือกได้จากเมนูที่กำหนดไว้ให้ (ไม่ได้ถ่ายมาเช่นเคย) ในชุดจะมี ซุป 1 อย่าง, โจ๊ก 1 อย่าง, ของหวาน 1 อย่าง (ต่อคน และเพิ่มไม่ได้) และติ่มซำ (อันนี้จะกินกี่เข่งกี่จานก็ได้) มีทุกวันเฉพาะตอนเที่ยง (แนะนำให้สอบถามทางร้านเพิ่มเติมหากต้องการข้อมูลเพิ่ม หรือมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ)

รีวิวติ่มซำ

เริ่มกันที่จานแรกคือ เผือกทอดฟู จานนี้มาด้วยอาการไม่ร้อน ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าคงทอดเตรียมไว้แล้ว แต่ยังคงความกรอบและรสชาติข้างในมีการใส่ผงกะหรี่ไปนิดหน่อย ทำให้ออกมากลมกล่อมและรสชาติดีขึ้น ไม่เค็มมาก แต่ถ้าถามว่าจะให้แข่งกับรสชาติที่เจนจัดอย่างของ Noble House อาจจะยากอยู่

เผือกทอดฟู
เผือกทอดฟู

จานต่อไปคือ เผือกเจี๋ยน ซึ่งถ้าให้พูดง่ายที่สุดก็คือขนมเผือกทอด (taro cake) นั่นเอง ซึ่งความกรอบทำได้ดี (จานนี้ร้อน) แต่ยังไม่สูญเสียสัมผัสความหนึบหนับของตัวเผือกไป ถือว่ารักษาสมดุลได้ดี

เผือกเจี๋ยน
เผือกเจี๋ยน

ตัดไปที่ของนึ่งกันบ้าง เข่งนี้คือ ขนมจีบกุ้ง ซึ่งตัวขนมจีบเองจะเน้นไปทางจืด แต่ว่าเน้นขายที่วัตถุดิบซึ่งก็คือกุ้งเน้นๆ เคี้ยวอร่อย ให้สัมผัสที่สู้ฟัน จานนี้ติดทำเนียบแนะนำครับ

ขนมจีบกุ้ง
ขนมจีบกุ้ง

อันต่อไปเป็น ฝั่นโก๋ ซึ่งตัวแป้งจะเป็นแป้งข้าวเหนียวแล้วใส่ไส้ก่อนจะนึ่ง เนื่องจากผู้เขียนไม่ได้ชอบฝั่นโก๋เป็นทุนเดิม จึงรู้สึกเฉยๆ กับจานนี้ ยกเว้นตัวไส้ที่ค่อนข้างกลมกล่อม ไม่มีเค็มโดด

ฝั่นโก๋
ฝั่นโก๋

เข่งต่อไปอาจจะเรียกเสียงจากคนที่ชอบ ฮะเก๋า ได้ เพราะที่นี่ทำฮะเก๋าได้ขนาดตัวเขื่องมาก และแป้งที่ห่อก็อยู่ในระดับที่บางมาก เรียกว่าอยู่ในระดับต้นตำหรับเลยทีเดียว ส่วนเรื่องรสชาติก็ขับเน้นไปที่กุ้งอย่างเต็มที่ เค็มนิดหน่อยตามสไตล์ อร่อยอย่างยิ่งยวด

ฮะเก๋า
ฮะเก๋า

เสี่ยวหลงเปา เป็นถาดต่อไป ซึ่งร้านนี้ถือว่าทำน้ำและเนื้อออกมาได้ดี แต่รสชาติยังไม่เฉียบขาดเท่าไหร่นัก ทำให้ออกมาจานนี้เฉยๆ ไม่ได้ดีเด่นอะไรเป็นพิเศษ

เสี่ยวหลงเปา
เสี่ยวหลงเปา

ขนมจีบหมู เป็นอย่างต่อไป จานนี้รสชาติติดไปทางจืด เฉยๆ ครับ แถมเป็นหมูด้วย แพ้ทางขนมจีบกุ้งอย่างชัดเจน (เพราะอาหารทะเลจะมีรสเค็มนิดๆ เจือมาด้วย เป็นส่วนใหญ่)

ขนมจีบหมู
ขนมจีบหมู

จานต่อไปเป็น ลูกชิ้นกุ้ง ซึ่งรสชาติก็เหมือนกับจานอย่างขนมจีบ จะต่างกันที่ซอสพริก ซึ่งก็ถือว่าทำให้เป็นลูกเล่นอีกจานซึ่งอร่อยครับ

ลูกชิ้นกุ้ง
ลูกชิ้นกุ้ง

จานต่อไปถือว่าน่าสนใจ เพราะมันคือ ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง แต่วิธีการทำนั้นไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้งทั่วไป นั่นก็คือนำไปห่อแป้งแล้วทอด (ลองจินตนาการภาพของปอเปี๊ยะทอดดูครับ) จากนั้นจึงนำมาห่อแป้งอีกที แล้วแยกน้ำราดมาให้ต่างหาก (เพราะจะเสียความกรอบถ้าราดไปตรงๆ) ตอนทานผู้เขียนก็ใช้วิธีราดลงไปตรงๆ เหมือนกับก๋วยเตี๋ยวหลอดทั่วไป ซึ่งซีอิ้วทำมาได้ดี เมื่อทานกับตัวก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้งแล้ว ได้สัมผัสทั้งความสดใหม่ รสชาติที่เค็มของน้ำราด แต่ไม่เค็มมากและกรุบกรอบของแป้งที่ทอดมา จานนี้ถือว่าทำได้ดี

ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง
ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง

ปูอัด เป็นอีกหนึ่งเข่งซึ่งทำออกมาได้ดี กล่าวคือพอนึ่งกับขิงและซอสแล้ว ก็ทำให้จานนี้ออกมาในลักษณะของรสแบบปลานึ่งมากกว่า เค็มนิดๆ แต่ยังรักษาความสดไว้ได้ ถือว่าอร่อยครับ

ปูอัด
ปูอัด

ซาลาเปาไส้ครีมทอด เป็นอีกหนึ่งถาดที่อาจจะแปลกสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ทาน แต่จริงๆ แล้วการทอดซาลาเปานั้นไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใดครับ อย่างน้อยการทอดซาลาเปาก็มีมานานในแถบเซี่ยงไฮ้อยู่แล้ว (เสี่ยวหลงเปาทอด เป็นหนึ่งในตัวอย่างอาหารจำพวกนี้) จานนี้ทอดออกมาได้กรอบ แต่ภายในยังคงนุ่มอยู่ ส่วนไส้ของรสชาติอันนี้เฉยๆ ครับ ก็ไส้คัสตาร์ดทั่วไป

ซาลาเปาทอด
ซาลาเปาไส้ครีมทอด

ซึ่โครงหมูเต้าซี่ เป็นอีกถาดที่ถูกส่งขึ้นมา จานนี้แม้จะอร่อย แต่เนื่องจากตัวซี่โครงมีมันมาก ทำให้เลี่ยน ทานไม่หมดครับ

ซี่โครงหมูเต้าซี่
ซี่โครงหมูเต้าซี่

ก๋วยเตี๋ยวหลอดเนื้อ เป็นจานต่อมา ซึ่งก็เสิร์ฟในแบบต้นฉบับ คือเอาเนื้อมาสับแล้วปรุงรสชาติ ก่อนห่อด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวแล้วราดซอส ถือว่าทำได้ดีมากครับ อร่อยดี (แต่ถ้าใครไม่ชอบผักชีควรข้ามจานนี้ ไส้อุดมไปด้วยผักชีทุกอณู)

ก๋วยเตี๋ยวหลอดเนื้อ
ก๋วยเตี๋ยวหลอดเนื้อ

ขนมผักกาด หรือที่คนไทยเชื้อสายจีนจะรู้จักกันในนาม “ไช้เท้าก๊วย” เป็นอีกหนึ่งจานที่ทำรสชาติออกมาได้ดี อย่างไรก็ตาม จานนี้กลับใช้น้ำพริกศรีราชาเป็นน้ำจิ้ม ทำให้ขาดความอร่อยที่ควรจะเป็นของซีอิ้วดำไป นอกจากนั้นเครื่องยังไม่ถึงใจอีกด้วย ทำให้รสชาติออกมาไม่อร่อยอย่างที่คิดเอาไว้ ในความเป็นจริงแล้วขนมผักกาดที่ดีควรจะต้องมีเครื่องเยอะ ถึงจะได้รสและสัมผัสที่ดีครับ

ขนมผักกาด
ขนมผักกาด

ซาลาเปาไส้ไหล จานนี้เป็นซาลาเปาไส้ครีม แต่ไส้ไข่แดงลงไปด้วย ให้ทั้งสัมผัสที่เค็มตัดหวาน มาพร้อมกับความมัน ถือว่าอร่อยใช้ได้เลยครับ

ซาลาเปาไส้ไหล
ซาลาเปาไส้ไหล

ต่านทาร์ต ถือว่าไม่หวานมาก ตัวไส้กำลังดี เนื้อกำลังพอดี สัมผัสกำลังได้ แต่แป้งเหมือนไปไม่สุด

ต่านทาร์ต
ต่านทาร์ต

ซุปที่สั่งไปคราวนี้เป็น กระเพาะปลาน้ำแดง รสชาติถือว่าติดไปทางจืดครับ แต่มีความเผ็ดของพริกไทยืนอยู่เป็นโทนด้านหลัง ออกมากลมกล่อมแต่บุคลิกไม่ชัดเจนครับ จานนี้ยังถือว่างงๆ อยู่ เอาเป็นว่าเหมือนยังไม่สุดครับ

กระเพาะปลาน้ำแดง
กระเพาะปลาน้ำแดง

สำหรับโจ๊ก คราวนี้เลือกเป็น โจ๊กหมูสับผัดหนำเลี๊ยบ ซึ่งเป็นเมนูที่ปกติแล้วหาทานได้ไม่ยากนักทั่วไป แต่จานนี้มีทีเด็ดที่หมูสับผัดหนำเลี๊ยบที่ทำออกมาได้ดีมาก ดีกว่าที่คาด ไม่แห้งจนเกินไปขณะที่ยังให้สัมผัสสู้ฟันดีมาก อยู่ในระดับที่แนะนำให้สั่งเป็นอย่างยิ่งครับ

โจ๊กหมูสับผัดหนำเลี๊ยบ
โจ๊กหมูสับผัดหนำเลี๊ยบ

ปิดท้ายด้วยขนมหวาน พุดดิ้งมะม่วง ที่ทำสัมผัสได้แน่น เข้าถึงรสชาติของมะม่วงได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นจานปิดท้ายที่ดีมากจานหนึ่งครับ

พุดดิ้งมะม่วง
พุดดิ้งมะม่วง

สรุป

โดยภาพรวมติ่มซำที่นี่ถือว่าทำออกมาได้ดีถึงดีมาก โดยเฉพาะบางจานถือว่าทำออกมาได้โดดเด่น แต่ก็มีหลายจานที่เข้าข่ายเฉยๆ และบางจานก็สอบตก (เรื่องปกติทั่วไปของร้านอาหาร)

ด้วยราคาและทำเลที่ตั้ง ก็ทำให้ถือว่าบุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่นี่มีราคากลางๆ ไม่ได้แพงมากแต่ก็ไม่ได้ถูกมาก อาหารที่ออกมาถือว่าคุ้มกับราคาที่จ่ายไป อาจจะติดอย่างเดียวตรงที่ความหลากหลายยังมีน้อยไปหน่อย และความเด็ดขาดของรสชาติหรือความเข้มข้นของรสชาติยังสู้ที่อื่นไม่ค่อยได้ แต่ถ้าอยากลองบุฟเฟ่ต์ติ่มซำดีๆ และมีเป้าหมายที่ชัดเจนไปที่ฮะเก๋ากับขนมจีบ ไท่ เหอ ซวน ก็เป็นที่ซึ่งควรไปครับ

คุณสามารถติดตามรีวิวร้านอาหารและบุฟเฟ่ต์ จาก facebook “2Baht.com” ได้อีกช่องทางหนึ่งครับ