นักท่องเที่ยวโปรดทราบ สหภาพยุโรปอาจยกเลิกธนบัตรมูลค่า 500 ยูโร เพื่อแก้ปัญหาการฟอกเงินของขบวนการอาชญากรรม และแก้ปัญหาเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเรี่ยดิน
ธนบัตรใบละ 500 ยูโรถือว่ามีมูลค่าสูงมาก (เกือบ 20,000 บาท) เมื่อเทียบกับธนบัตรมูลค่าสูงสุดของสกุลเงินสำคัญอื่นอย่างดอลลาร์สหรัฐ (สูงสุด 100 ดอลลาร์หรือประมาณ 3,600 บาท) ธนบัตร 100 ปอนด์ (ประมาณ 5,100 บาท) และธนบัตร 10,000 เยน (ประมาณ 3,100 บาท)
ธนบัตรมูลค่าสูงขนาดนี้มีผลเสียทำให้การขนเงินผิดกฎหมายจำนวนมากทำได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าอยากขนเงินมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ก็สามารถทำได้โดยการหาแบงค์ 500 ยูโรใส่คอนเทนเนอร์ขนาด 3 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น การยกเลิกธนบัตร 500 ยูโรย่อมส่งผลให้แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ผู้ก่อการร้าย หรือผู้หนีภาษี ที่หลบเลี่ยงการติดตามร่องรอยของเงินด้วยการถือเงินสด ทำงานได้ยากกว่าเดิม
นอกจากนี้ การยกเลิกธนบัตรมูลค่าสูงยังมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยด้วย เพราะเมื่อประชาชนขนถ่ายเงินด้วยธนบัตรได้ยากขึ้น ต้นทุนการเก็บรักษาธนบัตร 100 ยูโร 5 ใบย่อมแพงกว่าต้นทุนการเก็บธนบัตร 500 ยูโรเพียงใบเดียว แรงจูงใจในการถือเงินสดย่อมลดลง และธนาคารกลางยุโรปสามารถลดอัตราดอกเบี้ย (อาจเป็นอัตราดอกเบี้ยติดลบ แบบเดียวกับที่ญี่ปุ่นล่วงหน้าทำไปแล้ว) ได้ง่ายขึ้น เพราะคนเปลี่ยนไปถือเงินสดได้ยากกว่าเดิม
เราอาจไม่เห็นธนบัตร 500 ยูโรในชีวิตประจำวันมากนัก เพราะใช้งานยาก (แค่จ่ายด้วยแบงค์ 100 ยูโร ร้านค้ารายย่อยยังไม่ค่อยอยากรับเลย) แต่ก็ถือเป็นธนบัตรอย่างเป็นทางการของสหภาพยุโรป ใช้ชำระเงินได้ตามกฎหมาย ปัญหาเรื่องธนบัตรมีมานานแล้ว และรัฐบาลบางประเทศ เช่น อังกฤษและสเปน ก็พยายามจำกัดปริมาณของธนบัตรใบนี้เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมลง
เรื่องนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
ข้อมูลจาก Bloomberg