รีวิว Ho Hung Kee ร้านมิชลินหนึ่งดาว ราคาสมเหตุสมผล

ฮ่องกงถือเป็นหนึ่งในดินแดนที่คนรักอาหารเองไม่ควรพลาด เนื่องจากมีร้านมิชลินมากมายให้เลือกชิม ทีมงาน 2Baht.com เคยรีวิวร้าน Wonton Master ซึ่งติดทำเนียบ Michelin Guide ระดับ Bib Gourmand หรือ ดาวชมเชยไปแล้ว

คราวนี้ผมขอเขยิบไปรีวิวร้านต้นตำรับ หรือ แบรนด์แม่ของร้าน Wonton Master นั่นคือร้าน Ho Hung Kee ที่ได้มิชลินระดับหนึ่งดาวมาประดับบารมี

ประวัติความเป็นมาของร้าน

หน้าร้าน Ho Hung Kee
หน้าร้าน Ho Hung Kee

Ho Hung Kee เป็นร้านที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1946 โดยเจ้าของร้านคือ Ho Wing Fong ได้ร่ำเรียนวิชามาจากร้าน Mak’s Noodle ก่อนที่จะตัดสินใจออกมาเปิดร้านของตัวเองในภายหลัง และแตกออกเป็นแบรนด์ลูก และสาขามากมายทั่วฮ่องกง (ลองอ่านเพิ่มเติมได้จากรีวิว Wonton Master)

ร้าน Ho Hung Kee ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านที่ทำบะหมี่เกี๊ยวกุ้งได้ดีมาก เริ่มจากมิชลินระดับ Bib Gourmand หรือ “ดาวชมเชย” ในปี 2009 และเลื่อนชั้นจนได้ “มิชลิน 1 ดาว” ในปี 2011 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนสาขาอื่นๆ ก็ยังได้มิชลินระดับชมเชยตามมาติดๆ (รายละเอียดจากเว็บไซต์ Tasty.com.hk) นับว่าเป็นร้านที่ชื่อชั้นไม่ธรรมดาทีเดียว

ปัจจุบันร้าน Ho Hung Kee ตั้งอยู่ที่ชั้น 12 ของตึก Hysan Place ของย่าน Causeway Bay

แผนที่และวิธีการเดินทาง

บรรยากาศครัว
บรรยากาศครัวเปิดโล่งในร้าน Ho Hung Kee

การเดินทางมา Ho Hung Kee ถือว่าง่ายมาก เพียงแค่นั่งรถไฟฟ้า MTR สายสีน้ำเงิน (Island Line) มาลงที่สถานี Causeway Way แล้วใช้ทางออก F2 ซึ่งเชื่อมอาคาร Hysan Place (ภายในมี Apple Store) จากนั้นต่อลิฟท์มาชั้น 12 ก็ถึงร้านได้โดยไม่ต้องใช้เวลามากนัก  (แผนที่)

  • เปิดบริการทุกวัน: 11.30 น. – 23.00 น.
  • หมายเลขโทรศัพท์: 2577 6028
  • สถานีรถไฟฟ้า MTR ที่ใกล้ที่สุด: Causeway Bay ทางออก F2

อาหารของ Ho Hung Kee

สิ่งที่ขึ้นชื่อของ Ho Hung Kee ก็เลี่ยงไม่พ้น “บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง” ที่โด่งดังของร้าน อาหารอีกอย่างที่ทำได้ดีในทุกร้านของเครือนี้คือ “ราดหน้าเส้นใหญ่”

การมากินรอบนี้ทีมงาน 2Baht เลยตัดสินใจสั่งบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง และราดหน้าเส้นใหญ่เนื้อผัดเต้าซี่พริกไทยดำ ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักทั้งสองจานก็มาอยู่ตรงหน้าเรา

เกี๊ยวน้ำ
บะหมี่เกี๊ยวน้ำ

สำหรับบะหมี่เกี๊ยวน้ำ ต้องบอกว่ารสชาติอร่อยจริงสมคำร่ำลือ เมื่อแยกองค์ประกอบออกมาเป็นสามส่วนหลัก ได้แก่ น้ำซุป-บะหมี่-เกี๊ยว โดยเทียบกับปรมาจารย์อย่างร้าน Mak’s Noodle ก็สรุปได้ว่า

  • ส่วนแรก ‘น้ำซุป’ เค็มน้อยกว่าร้าน Mak’s Noodle แต่กลมกล่อม (ใช้ภาษาอังกฤษว่า less aggressive)
  • ส่วนที่สอง ‘ตัวเส้น’ ซึ่งในจุดนี้เส้นของ Mak’s Noodle กลับทำได้อร่อยกว่า
  • ส่วนสุดท้ายคือ ‘เกี๊ยวกุ้ง’ ซึ่งปรุงออกมาได้ดีกว่าทุกๆ ร้าน (เทียบแล้วยืนอยู่ระหว่าง Mak’s Noodle และ Lung King Heen)

หากจะให้แนะนำ ผมว่าควรสั่ง “เกี๊ยวน้ำ” อย่างเดียวจะดีกว่าครับ รสชาติดีจริง กลมกล่อม แป้งบาง กุ้งสด (56+ ดอลลาร์ฮ่องกง สำหรับชามใหญ่ 6 ตัว)

ราดหน้าเส้นใหญ่เนื้อผัดเต้าซี่และพริกไทดำ
ราดหน้าเส้นใหญ่เนื้อผัดเต้าซี่และพริกไทยดำ

ส่วนอีกจานซึ่งก็คือ ราดหน้าเส้นใหญ่เนื้อผัดเต้าซี่และพริกไทยดำ (105+ ดอลลาร์ฮ่องกง) ให้รสชาติที่ดีมากและปริมาณเต็มจานขนาดใหญ่ (ควรสั่งมาทานแบ่งกัน) ไม่เค็มและมันมากจนเกินไป พริกไทยดำให้ฐานสมดุลที่ยืนพื้นกับทั้งจาน โดยไม่ข่มส่วนผสมอื่นๆ เรียกว่าจานนี้ออกมาอย่างไร้ที่ติ

ผมสังเกตว่าการทำราดหน้าที่ฮ่องกงต่างจากราดหน้าที่เมืองไทยโดยสิ้นเชิง เพราะบ้านเราใช้วิธีการขึ้นแป้งจากน้ำซุป หรือบางร้านก็ใช้น้ำเปล่า แล้วทำให้ข้นด้วยการใส่แป้งลงไป แต่สำหรับ “ราดหน้าสูตรฮ่องกง” กลับใช้วิธีผัดเหมือนผัดของกินตามปกติ และใช้น้ำให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้ราดหน้าแฉะแล้วสูญเสียความอร่อย

อย่างราดหน้าจานนี้ ผมตั้งไว้เกือบครึ่งชั่วโมงจนเย็นก็ยังอร่อย ซึ่งผิดกับราดหน้าบ้านเราที่ต้องรีบกินเพราะมีแต่น้ำ กินช้าเดี๋ยวเส้นอืดหมด ส่วนวิธีการกินก็แค่คลุกให้เครื่องเข้ากับเส้นเป็นอันเสร็จพิธี วิธีการนี้ตัวน้ำไปเกาะกับตัวเส้น ซึ่งมีรสมีชาติมากกว่า

บทสรุปการรีวิว

Ho Hung Kee ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจ และถ้าพิจารณาจากราคาโดยรวมถือว่าไม่ได้สูงมาก แถมยังได้หนึ่งดาวมิชลินมาเป็นเครื่องรับประกันด้วย สรุปว่าร้านนี้ทำอาหารออกมาได้เกินราคาที่ต้องจ่ายไป คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งยวด

นอกจากเหตุผลเรื่องรสชาติแล้ว การเดินทางมา Ho Hung Kee ก็ไม่ได้ยากเย็นจนเกินไปนัก (แถมสบายกว่าร้านอื่นๆ ด้วย) อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงเวลาที่คนเยอะ เพราะอาจจะต้องมีการรอคิวอยู่บ้าง หากไม่อยากเสียอารมณ์ ควรเลี่ยงช่วงเวลาหัวค่ำตั้งแต่ 19.30 น. – 20.30 น. ที่คนอาจจะแน่นไปหน่อยครับ