หนึ่งในสายการบินดาวรุ่งที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมาคือ Turkish Airlines ของประเทศตุรกี ซึ่งผลักดันตัวเองให้ขึ้นมาแข่งกับสายการบินตะวันออกกลางได้อย่างเต็มภาคภูมิ
เนื่องด้วยทำเลที่ตั้งสุดเจ๋งที่อยู่ระหว่างเอเชีย ยุโรป แอฟริกา พอดี บวกกับการบริหารจัดการแบบมืออาชีพสมัยใหม่ ช่วยให้ Turkish Airlines กลายมาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่บินจากเอเชียไปยุโรป
อย่างไรก็ตาม หลัง ตุรกีประสบเหตุก่อการร้ายอย่างต่อเนื่องในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไปตุรกีน้อยลง และส่งผลต่อเนื่องมายัง Turkish Airlines อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (บริษัทขาดทุน 432 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2016 ซึ่งถือเป็นการขาดทุนอย่างหนักเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2005)
ทางออกของ Turkish Airlines ในเชิงกลยุทธ์จึงต้องปรับตัวอย่างหนัก เปลี่ยนจากการจับกลุ่มผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกตุรกี มาเป็นผู้โดยสารผ่านทาง (pass-through หรือ transit) แทน ปัจจุบัน Turkish มีสัดส่วนรายได้จากผู้โดยสารผ่านทางคิดเป็น 60% ของรายได้ทั้งหมดแล้ว
Turkish ยังวางแผนจะขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศ เพื่อแย่งผู้โดยสารผ่านทางกับสายการบิน Big Three ของตะวันออกกลาง (Emirates, Qatar, Etihad) โดยเร่งขยายขนาดของฝูงบินให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเหล่า Big Three มากขึ้น (ปัจจุบัน Emirates มีขนาดฝูงบินระยะไกลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเครื่องจัมโบ้ A380 ถึง 80 ลำ)
นอกจากนี้ Turkish ยังจะได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างตุรกีกับรัสเซีย ส่งผลให้รัสเซียยกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางเข้ามายังตุรกี (ก่อนหน้านี้ตุรกีเคยยิงเครื่องบินรบของรัสเซียตก จนทำให้สองประเทศบาดหมางกัน) ซึ่งจะช่วยให้มีผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น ชดเชยนักท่องเที่ยวที่หายไปจากการก่อการร้าย
ข้อมูลจาก Skift